Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

 

 

 

บทปกรณ์ว่าด้วยบาตร ๔ และ ธุม ๒


บาตร ๔ คือ อัสนีบาตร , กลาบาต , คาหบาตร , อุกาบาตร รวม ๔ ประการ ธุม ๒ คือ ธุมเกตุ ธุมเพลิง รวม ๒ ประการ รวมเข้ากันเป็น ๖ ประการ เป็นนิมิตที่เทวดาบันดาลให้เห็นต่างๆด้วยความกรุณาในสัตว์โลก อันจะถึงซึ่งความฉิบหายแล ฯ

ผิวแล อสุนียบาต ตกที่โรงวินิจฉัยก็ดี ฤาปีหนึ่งฟ้าผ่า ๓ หนก็ดี ๕ หนก็ดี ถูกผู้คนและสัตว์ทวิบาทจตุบาทล้มตาย ท่านทายว่าร้ายห้ามการยาตรา ให้เร่งทำบุญให้ทาน ฯ

กลาบาต สีแดงดุจสีเพลิงเทียนเป็นช่วงใหญ่ กลมเท่ากับผลมะพร้าวทั้งเปลือก ผิวตกบุรพทิศไปสู่อุดรร้ายนัก ฯ

คาหบาต มักตกเพลาค่ำ มีสีดุจแสงประอาทิตย์เมื่ออัสดงคต ถ้าเป็นปรากฏ ๓ , ๔ ทิศนี้ร้ายนัก ถ้าตกทิศ ๑ , ๒ ทิศ จะเกิดความไข้ ฯ

อุกาบาตร ตกสีแดง ช่วงแลเห็นปรากฏยาว ๓ , ๔ ศอก ศีรษะใหญ่เท่าลูกส้มโอ หางเท่าแสงคบเพลิง ตกแต่บุรพทิศ ร้ายนัก ให้ประหยัดจงดีแล ฯ

ธุมเกตุ ตก ให้มืดคลุ้มไปก็ดี ประดุจหนึ่งควันพลุ่งไปก็ดี แต่ในเวลากลางวันไป ให้ว่า พระภุม สำแดงเหตุ เป็นอันร้ายนัก

ธุมเพลิง ตกสีดุจควันเพลิง ให้เห็นปรากฏเป็นหมู่ ๆ เป็น จอม ๆ ใน ๓ ทิศก็ดี หากบันดาลให้ชนตกใจว่าไฟไหม้ ให้นักปราชญ์พิจารณาดู ผิว่าแท้แล้วจะถึงกาลพินาศให้เร่งเจริญเมตตาภาวนา

เรียกว่า อุบาทว์พระพาย หากกรุณาแก่สัตว์ทั้งหลาย จึงแสดงเหตุให้เห็นประจักษ์แก่ตาโลก แล ฯ

อธิบาย - ในเรื่องนี้มีที่ปรากฏในตำราบูชาเทวดาอัฏฐเคราะห์ และตำราอธิไทโพธิบาทว์ อันอยู่ในภาคพิธีกรรม ซึ่งได้กล่าวถึงอุบาทว์ต่างๆ 8 ประการ คือ อุบาทว์พระอินทร์ อุบาทว์พระเพลิง อุบาทว์พระยม อุบาทว์พระนารายณ์ อุบาทว์พระพิรุณ อุบาทว์พระพาย อุบาทว์พระโสม อุบาทว์พระไพสพ



บทปกรณ์ว่าด้วยนาคบาต กาลบาต สูญบาต บ่วงบาต


ถ้านาคบาตรตกในท้องฟ้า เดือน 5 , 6 , 7 จะเกิดศึกข้างประจิมทิศ ถ้ากาลบาตรตกในเดือน 8 , 9 , 10 ให้ระวังศึกเฉียงเหนือ ถ้าสูญบาตรตกในเดือน 11 , 12 , 1 ให้ระวังศึกมาแต่ประจิม ถ้าบ่วงละบาตร ตกในเดือน 2 , 3 , 4 ข่าวศึกจะมาแต่ทิศตะวันตก ว่าด้วยนาคบาต กาลบาต สูญบาต บ่วงบาต ตกแต่เท่านี้ ฯ
อธิบาย- การพิจารณาบาตรต่างๆนั้นขึ้นอยู่กับพระพิรุณ ดาวศุกร์ ๖ ดาวเกตุไทย ๙ ดาวเนปจูน และดาวจันทร์ ๒

บทปกรณ์ว่าด้วยการทอดแสงแห่งดาวหาง


ถ้าพระเกตุตกในพระอาทิตย์ สีแดง ขาว เขียว เหลือง นิล สีคราม เป็นสายรอบก็ดี จะเกิดศึกในประเทศต่างๆ ชนจะเจ็บเป็นไข้ตายเป็นอันมาก ฤกษ์บนไม่สู้ดี ฯ

ถ้าพระเกตุตกในพระจันทร์ เหมือนกล่าวมาแต่หลัง ถ้าสีขาวอาหารจะบริบูรณ์ ถ้าสีเหลืองอาณาประชาราษฏร์จะอยู่เย็นเป็นสุขทั้งแผ่นดิน ฯ

ถ้าพระเกตุตกในดาว เป็นสายออกไปอีกทิศพายัพ ประเทศเมืองอื่นจะเข้ามาสู่โพธิสมภารเป็นอันมาก ถ้าเป็นสายออกไปทิศหรดี จะเกิดศึกในปีนั้นแล ฯ

ถ้าพระเกตุตกมืดหมอกไป 7 วันก็ดี 3 วันก็ดี วัน 7 (วันเสาร์) ก็ดี ทั้งเช้าเย็นกลางคืน จะเกิดศึกต่างประเทศจะเสียเมือง ชนทั้งหลายจะตายมาก ฤกษ์บนวิปริตต่างๆ ฯ

ถ้าพระเกตุตกในแผ่นดิน เป็นควันไฟลุกขึ้นมา จะเสียเมือง ถ้ามิดังนั้นอาณาประชาราษฏร์นานาประเทศ จะเกิดความทุกข์ ฯ

ถ้าพระเกตุตกในน้ำ เป็นสีขาว เขียว เหลือง จะแพ้พาณิชย์ ค้าขายจะเป็นตายต่างๆ ฯ

ถ้าพระเกตุตกในพระราชวังเป็นแผ่นเขียว เป็นไคลที่เสาก็ดี เป็นเลือดข้นก็ดี ให้เขียวไปทั้งพระราชวังก็ดี ตกในช้าง ในม้า พระที่นั่งก็ดี จะเป็นอันตรายต่างๆ จะร้อนในพระพุทธศาสนา จะร้อนในไสยศาสตร์ จะแพ้ผู้ใหญ่และราษฏรทั้งปวง ฯ

ถ้าพระเกตุตกในภูเขา ในไม้ ให้เขียว แดง ขาว ทั้งสามอย่าง จะมีลาภในบ้านเมือง จะเกิดความสุขแก่ชนเป็นอันมาก

อธิบาย - คำพยากรณ์ว่าด้วยนิมิตการเกิดเหตุแห่งดาวหางนี้ สามารถใช้พยากรณ์ได้ทั้งเหตุการณ์ทั่วไปเป็นสากลทั้งโลก หรือจะพยากรณ์เรื่องราวในประเทศก็ได้ ครูโหรแต่เดิมท่านดูดาวบนท้องฟ้าประกอบกับการคำนวณว่าด้วยฤกษ์และดิถีด้วย อนึ่งพึงสังเกตว่า ในเรื่องดาวหางนั้นมิใช่แต่จะมีโทษทุกข์แต่อย่างเดียว ในส่วนที่มีคุณก็มีอยู่ด้วย




บทปกรณ์ว่าด้วยดาวหางกับดาว 1 , ดาว 2 , ดาว 3


ว่าด้วยพระเกตุตก 9 ประการ ตกในอากาศก็ดี ตกในพระอาทิตย์, พระจันทร์, พระอังคารก็ดี ทั้ง 9 ประการท่านว่าไว้ ถ้าพระเกตุตกในเดือน 5 ให้พยับจะเกิดศึก ถ้าพระเกตุตกในเดือน 6 ข้าวจะแพง ถ้าตกในเดือน 7 ชนจะตายเป็นอันมาก ถ้าพระเกตุตกเดือน 8 ผลไม้จะแพง ตกเดือน 11 จะเกิดลม ชนจะร้อนใจ ตกเดือน 12 จะเกิดศึกมาแต่ประจิมทิศ ถ้าตกเดือน 1 จะเกิดสัตว์ที่มีพิษมาก ตกเดือน 2 หมากพลูจะแพง ตกเดือน 3 , 4 ข้าวของต่างๆจะไม่มีแล ฯ

อธิบาย - เป็นตำราที่ใช้ดิถีต่างหากออกไป ไม่ใช่จักรราศี นำมาพิจารณาใช้ดวงจักรราศีได้ในบางครั้งกาล โดยให้พิจารณาร่วมพร้อมด้วยดาวเกตุไทยหรือดาวเนปจูน ตลอดจนผสมกับการมองด้วยตาเปล่า (การส่องกล้อง) และการคำนวณด้วยดิถี


บทปกรณ์ว่าด้วยลักษณาการแห่งดาวหาง


ถ้าดาวหางเกิดขึ้นทิศประจิม จะเกิดศึกในปีนั้น ฯ
ถ้าดาวหาง (ขึ้น) หนพายัพ นานาประเทศจะเข้าสู่โพธิสมภารเป็นอันมาก ฯ
ถ้าดาวหาง (ขึ้น) ทิศทักษิณ พระยาจะมีลาภ ฯ
ทิศอุดรพระยาเราจะมีชัยชนะ ฯ
ถ้าบูรพาเขาจะคิดร้าย ต่อเจ้าเมืองแล ฯ
ถ้าพระเกตุขึ้นเมื่อจวนพลบถึงย่ำค่ำ จะแสดงเหตุอยู่เป็นนาน ฯ
ถ้าพระเกตุขึ้นเมื่อย่ำค่ำถึงเที่ยง จะมีภัยร้ายปานกลางเกิดขึ้น ฯ
ถ้าพระเกตุขึ้นหลังเที่ยงถึงรุ่ง ท่านว่า ไม่ร้ายแรงนัก ฯ

อธิบาย - แต่ในตำราบางปกรณ์มีข้อความต่างกันอยู่บ้างคือ
(1) ถ้าดาวหางขึ้นทิศตะวันออก (บูรพา) คนทั้งเมืองจะเดือดร้อนทั่วหน้ากัน
(2) ถ้าขึ้นทางทิศใต้ (ทักษิณ) เหล่าประชาราษฏรจะเดือดร้อน อดอยาก
(3) ถ้าขึ้นทางทิศเหนือ (อุดร) เจ้าเมืองจะได้รับเคราะห์ร้าย

สำหรับปกรณ์นี้ อันว่าด้วยเรื่องลักษณาการดาวหางนั้น ท่านอาจารย์บุญเรือน วรรณวิจิตร ได้เคยเรียบเรียงคำพยากรณ์เอาไว้ในตำราโหราศาสตร์ภาคพยากรณ์ “บทบาทพระเคราะห์” เป็นร้อยกรองในชื่อบทปกรณ์ว่าด้วยดาวขึ้นกลางวัน มีดังนี้