ปรัชญา 'อไทวตะ' กับ โหราศาสตร์พระเวท
เหนือสิ่งใดที่จับต้องได้ ที่ซึ่งบนเทห์ฟากฟ้าอันมีแสงระยิบระยับบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ยังซ่อนเร้นปรัชญาอันลึกซึ้งที่เป็นรากฐานของศาสตร์อันซับซ้อนของโหราศาสตร์พระเวท ปรัชญานี้ซึ่งตั้งอยู่บนภูมิปัญญาโบราณของพระเวท ก้าวข้ามกาลเวลาและอวกาศ เผยให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันของจักรวาลและการแสวงหาการตระหนักรู้ในตนเอง(โมกษะ)อันเป็นนิรันดร์
ความเชื่อในเอกภาพและความเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่งเป็นหัวใจสำคัญของโหราศาสตร์พระเวท โดยอิงอาศัยปรัชญา 'อไทวตะ'(แปลว่าไม่เป็นสอง) ซึ่งเน้นย้ำถึงธรรมชาติของการดำรงอยู่แบบไร้คู่ ทำหน้าที่เป็นแสงนำทาง ปรัชญา 'อไทวตะ' เป็นระบบปรัชญาอินเดียที่สำคัญ ซึ่งเน้นย้ำถึงความเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่ง โดยเชื่อว่ามีเพียงสัจธรรม (พรหมัน) ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียว และทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นเพียงภาพลวงตา (มายา) ที่ปรากฏออกมา
ปรัชญา 'อไทวตะ'นี้ยืนยันว่าจิตวิญญาณของปัจเจกบุคคล (อาตมัน) ไม่ได้แยกจากความจริงสูงสุด (พรหมัน) แต่เป็นเพียงจักรวาลย่อยขององค์รวมจักรวาล การจัดเรียงของดาวเคราะห์ ดวงดาว และโชคชะตาของปัจเจกบุคคลสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันนี้
เสาหลักพื้นฐานอีกประการหนึ่งของโหราศาสตร์พระเวท ก็คือแนวคิดเรื่องกรรม ซึ่งถักทอเส้นใยอันซับซ้อนเข้ากับองค์ความรู้ของโหราศาสตร์พระเวท
แนวคิดนี้อ้างว่าการกระทำของเราทั้งในชีวิตนี้และชีวิตก่อนๆ เป็นตัวกำหนดสถานการณ์ปัจจุบันของเรา โครงข่ายเหตุและผลอันซับซ้อนนี้สะท้อนให้เห็นในตำแหน่งของเทห์ฟากฟ้า ณ เวลาที่เราเกิด โหราศาสตร์พระเวทจึงกลายเป็นเครื่องมือสำหรับการทำความเข้าใจรูปแบบกรรมที่เข้าใจง่ายที่สุด และช่วยคลี่คลายปัญหาในชีวิตของเรา ชี้นำให้เราตัดสินใจอย่างมีสติ และในที่สุดก็จะนำพาเราไปสู่วิวัฒนาการทางจิตวิญญาณ
อีกหนึ่งเสาหลักของโหราศาสตร์พระเวทคือปรัชญาแห่งธรรมะ หรือเส้นทางแห่งการปฏิบัติธรรม ปรัชญานี้สอนว่าแต่ละคนมีบทบาทที่แตกต่างกันในละครจักรวาลนี้ ซึ่งเป็นบทบาทที่ส่งเสริมให้เกิดความสมดุลของจักรวาลอันยิ่งใหญ่
"แผนที่กรรม" ซึ่งมีจุดมุ่งหมายข้างต้นนี้ ปรากฏอยู่ในดวงชะตาของเราทุกๆคน พร้อมด้วยตำแหน่งของดาวเคราะห์ที่ชี้นำให้เราปฏิบัติธรรม สร้างแต่คุณงามความดีให้สอดคล้องกับภารกิจอันสูงส่งและเพื่อบรรลุถึงความปรารถนาอันสูงส่ง ปฏิสัมพันธ์อันเป็นพลวัตของ"คุณะ" (ส่วนประกอบของประกฤติ) ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานสามประการที่แผ่ซ่านไปทั่วสรรพสิ่ง และเป็นที่ยอมรับในโหราศาสตร์พระเวทเช่นกัน
1.สัตตวะ คือพื้นฐานหรือเป็นธาตุๆหนึ่งของประกฤติ ซึ่งหมายถึง ความบริสุทธิ์และความรู้
2.รชัส คือพลังงานในสิ่งต่างๆ คือทำให้สิ่งต่างๆ เคลื่อนไหว ซึ่งหมายถึง กิเลสตัณหาและการกระทำ
3.ตมัส คือการนิ่งเฉย และเกี่ยวกับการปฏิเสธ ซึ่งหมายถึง ความมืดและความเฉื่อยชา
ซึ่ง"คุณะ"เหล่านี้หล่อหลอมบุคลิกภาพ ความปรารถนา และทางเลือกของเรา มีอิทธิพลต่อวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณของเรา โหราศาสตร์พระเวทสอนเราเกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ของ"คุณะ"เหล่านี้ภายในตัวเรา และชี้นำเราในการก้าวข้ามจิตวิญญาณที่ด้อยกว่า และนำไปสู่การพัฒนาและการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
โหราศาสตร์พระเวทนำเสนอมุมมองอันเป็นเอกลักษณ์ที่หยั่งรากลึกในรากฐานปรัชญาอันลึกซึ้งเหล่านี้ ขณะที่เราก้าวเดินบนเส้นทางชีวิต ที่ต้องเผชิญกับความท้าทาย และการแสวงหาความหมาย โหราศาสตร์พระเวทเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนจักรวาลที่สะท้อนภูมิทัศน์ภายในตัวเรา ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือสำหรับการทำนาย โหราศาสตร์ส่งเสริมให้เราตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างเรากับจักรวาล เข้าใจบทเรียนทางจิตวิญญาณที่ฝังรากอยู่ในประสบการณ์ชีวิต และปรับตัวเองให้สอดคล้องกับจังหวะของจักรวาลที่นำพาเราไปสู่การตระหนักรู้ในตนเอง
ดูดวงชะตาด้วยโหราศาสตร์พระเวท(โหรภารตะ) โหราศาสตร์ชั้นสูงระดับโหรหลวงโบราณ https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-20-37/211067-%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B0.html
*******************************
บริการของเรา
ดูฤกษ์ออกรถ ดูฤกษ์ยกเสาเอก ดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ดูฤกษ์เปิดกิจการใหม่ ดูฤกษ์จดทะเบียนบริษัท ดูฤกษ์แต่งงานพิธีไทย-ฤกษ์จดทะเบียนสมรส ดูฤกษ์เปลี่ยนชื่อ ดูฤกษ์ตั้งศาลพระภูมิ ดูฤกษ์เข้าทำงานใหม่ ดูฤกษ์ลาสิกขาบท ดูฤกษ์โกนผมไฟ ดูฤกษ์ผ่าคลอด ดูฤกษ์มงคลอื่นๆ
ดูฮวงจุ้ย-แก้ฮวงจุ้ย คำนวนดวงพิชัยสงคราม-เสริมดวง-แก้ดวง ดูดวงชะตาด้วยโหราศาสตร์พระเวท(โหรภารตะ)
กดติดตาม เพื่ออ่านบทความใหม่ๆ ผ่าน Facebook ของอาจารย์
*******************************