ยามมุหูรตะ
หลักเกณฑ์อีกหลักเกณฑ์หนึ่งในการคำนวนฤกษ์ยามตามหลักโหราศาสตร์ภารตะนั้นจะละเลยมิได้ก็คือการคำนวนหายามที่เป็นศุภผลและไม่เป็นโทษ ซึ่งในวันๆหนึ่งจะมีการแบ่งออกเป็น 30 ยาม หรือ 30 ช่วงเวลาซึ่งเราเรียกว่า”ยามมุหูรตะ” ซึ่งมีขอบเขตยามหนึ่งเป็นระยะเวลา 2 มหานาที ซึ่งในระบบการคำนวนเวลาของคัมภีร์พระเวท ได้แบ่งเวลาออกเป็น ส่วนๆเรียกว่ามุหูรตะ ซึ่งมีระยะเวลาเท่ากับ 2 “ฆทิยะ”(มหานาที) หรือเท่ากับเวลาปัจจุบันคือ 48 นาที
เวลาสากลจะเท่ากับ 48 นาที ซึ่งยามมุหูรตะนี้จำเป็นจะต้องคำนวณจากเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น ณ.เวลาท้องถิ่นๆนั้น และรู้ว่าวันๆนั้นมีเวลากลางวันและกลางคืนสั้นยาวเท่าใดแล้วนำมาเฉลี่ยให้ได้ยามในเวลากลางวัน 15 ยามและยามในเวลากลางคืน 15 ยามเท่ากัน ดังนั้นหากวันใดเวลากลางวันสั้นกว่าเวลาในกลางคืนเช่นในฤดูหนาว เราจะต้องนำมาเฉลี่ย ให้ได้ 15 ยามทั้งกลางวันกลางคืน ดังนั้นเวลา 48 นาทีในแต่ละยามอาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ก็สุดแท้แต่เราจะนำเวลามาเฉลี่ยได้เท่าใด ตามตารางด้านล่างผมได้ทำรายละเอียดเอาไว้ให้โดยลำดับยามกลางวันคือ ยามที่ 1-15 และยามกลางคืนคือ 16-30 และแสดงผลให้รู้ว่าว่ายามใดเป็นผลเลวหรือผลดี
ซึ่งยามดังกล่าวนี้สามารถนำไปใช้คำนวณฤกษ์ยามโดยทั่วๆไป แต่สำหรับการสมรสการใช้ยามมุหูรตะจะเข้มงวดมากขึ้น หากเป็นช่วงเวลาที่เป็น “ทุมุหูรตะ” หรือช่วงเวลาที่”เลว” ก็จะห้ามเด็ดขาดสำหรับการสมรส
ส่วนยามที่ 29 (นาฑิยะ)หรือที่เรียกว่า "พรหมมุหูรตะ" เป็นช่วงเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ขึ้นในแต่ละวัน เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับปฎิบัติ"โยคะ"หรือการบำเพ็ญฌาณสมาธิ ก็จะให้ผลดีมาก สามารถปฎิบัติกิจกรรมทางจิตให้บรรลุผลได้รวดเร็ว
หรือในคืนวันที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในยามที่ 3 (ใกล้รุ่ง)ท่านก็ได้บรรลุ
อาสวักขยญาณ ประหารกิเลสเด็ดขาดก็ใน พรหมมุหูรตะ ตรงนี้เอง
ยังมีอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า "อภิชิตมุหูรตะ" ซึ่งเป็นกฏเกณฑ์ ยกเว้น ยามมุหูรตะที่ไม่เป็นมงคลต่างๆและสลายผลร้ายจากยามที่ไม่เป็นศุภผลนั้น ซึ่งในบางครั้งบางกรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนและไม่อาจเลือกเฟ้นหาฤกษ์ยามที่เป็นมงคลได้ การใช้ยามที่เป็นอภิชิตมุหูรตะ ก็เป็นอันหนึ่งในการแก้ไขพลังร้ายทั้งหมดให้เป็นกลาง และส่งเสริมผลดีให้
การคำนวน ยามอภิชิต ดูตัวอย่างดังนี้
1.นำเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น-ตกมาหาระยะเวลาของกลางวัน
เช่นพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 06.10 น. และตกเวลา 18.45 น. ดังนั้งช่วงระยะเวลาของกลางวันจะเท่ากับ 12 ชั่วโมง 30 นาที
2.หาจำนวนครึ่งแรกของวันแล้วนำไปรวมกับเวลาพระอาทิตย์ขึ้นในวันนั้น ผลรวมก็คือเวลาของ ยามมุหูรตะอภิชิต
เราก็นำเวลา 12 ชั่วโมง 30 นาที มาหารสองก็จะได้ ครึ่งแรกของวันเท่ากับ 6 ชั่วโมง 15 นาที
นำไปรวมกับเวลาพระอาทิตย์ขึ้น 06.10 น.+ 06.12 (ชม) ก็จะเท่ากับ 12.25 น. มุหูรตะอภิชติก็จะอยู่ที่ยามที่เป็นเวลา 12.25 น.เป็นต้นไป + กับอีก 48นาที
ดังนั้น มุหูรตะอภิชิตของวันนี้คือ เวลา 12.25 น. ถึงเวลา 13.13 น.
**ตัวอย่างคำนวณจากวันที่พระอาทิตย์ขึ้นเวลา 06.00 น.ตกเวลา 18.00 น.(วันที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน)
ลำดับยาม | ช่วงเวลา | ชื่อยามมูหูรตะ | ภาษาฮินดี | ผล |
1 | 05:44 - 06:32 | รุทระ | रुद्र | เลว |
2 | 06:32 - 07:20 | อหิ | आहि | เลว |
3 | 07:20 - 08:08 | มิตระ | मित्र | ดี |
4 | 08:08 - 08:56 | บิตรุ | पितॄ | เลว |
5 | 08:56 - 09:44 | วสุ | वसु | ดี |
6 | 09:44 - 10:32 | วระ | वाराह | ดี |
7 | 10:32 - 11:20 | วิศเวเทวะ | विश्वेदेवा | ดี |
8 | 11:20 - 12:08 | วิธิ | विधि | ดี ยกเว้นวันจันทร์และวันศุกร์ |
9 | 12:08 - 12:56 | ศตมุขี | सतमुखी | ดี |
10 | 12:56 - 13:44 | ปุรุหุตะ | पुरुहूत | เลว |
11 | 13:44 - 14:32 | วหนิ | वाहिनी | เลว |
12 | 14:32 - 15:20 | นักตันจาระ | नक्तनकरा | เลว |
13 | 15:20 - 16:08 | วรุณะ | वरुण | ดี ยกเว้นวันพฤหัส |
14 | 16:08 - 16:56 | อรมะ | अर्यमा | ดี ยกเว้นวันอาทิตย์ |
15 | 16:56 - 17:44 | ภคะ | भग | เลว |
16 | 17:44 - 18:32 | ศิริศะ | गिरीश | เลว |
17 | 18:32 - 19:20 | อชิปะทะ | अजपाद | เลว |
18 | 19:20 - 20:08 | อหิระพุทธยะ | अहिर बुध्न्य | ดี |
19 | 20:08 - 20:56 | ปูษะ | पुष्य | ดี |
20 | 20:56 - 21:44 | ฮัศวิ | अश्विनी | ดี |
21 | 21:44 - 22:32 | ยมะ | यम | เลว |
22 | 22:32 - 23:20 | อัคนิ | अग्नि | ดี |
23 | 23:20 - 00:08 | วิธตรุ | विधातॄ | ดี |
24 | 00:08 - 00:56 | จันทะ | क्ण्ड | ดี |
25 | 00:56 - 01:44 | อธิติ | अदिति | ดี |
26 | 01:44 - 02:32 | ชีวะ | जीव | ดี |
27 | 02:32 - 03:20 | วิษณุ | विष्णु | ดี |
28 | 03:20 - 04:08 | ยุมิคทยุติ | युमिगद्युति | ดี |
29 | 04:08 - 04:56 | พรหม,ถยัสถุระ | ब्रह्म | ดีมาก |
30 | 04:56 - 05:44 | ศมทรัม | समुद्रम | ดี |