Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูง"ระดับโหรหลวง"ของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวท ของพราหมณ์-ฮินดู อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 16 แล้ว WebSite และ Link ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

ฤกษ์ผ่าคลอดนั้นได้ผลจริงหรือไม่

ก็คือฤกษ์ผ่าคลอดที่ได้มานั้นดีจริงหรือไม่ ฤกษ์นั้นได้จากไหน สายวิชาใด ครูอาจารย์ผู้ให้ฤกษ์มีประสบการณ์มากเพียงใด อย่างที่ทราบกันมาว่า นอกจากวิชาโหราศาสตร์ภารตะแล้ว ไม่มีสายวิชาไหนมีการบัญญัติฤกษ์คลอดเอาไว้ในตำรา ไม่ว่าโหรไทย โหรจีน โหรตะวันตก ล้วนไม่มีทั้งสิ้น เท่าที่ให้ฤกษ์ยามกันนั้น ล้วนแต่ใช้ประสบการณ์ของอาจารย์ผู้ให้เอง ว่าดวงชาตาที่ดีๆนั้นจะต้องมีกฎเกณฑ์อย่างไร โดยเทียบเคียงจากดวงชาตาของบุคคลสำคัญ ร่ำรวย มีชื่อเสียงในปัจจุบันเป็นหลัก หรือกฏเกณฑ์ดี-ร้ายอื่นๆตามตำราที่ว่าเอาไว้ ซึ่งเป็นหลักพิจารณาดวงชาตาของบุคคลทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่หลักในการพิจารณาหาฤกษ์กำเนิดทารกแต่อย่างใด ซึ่งสองอย่างนี้แตกต่างกัน

และฤกษ์ที่ได้มาจากระบบต่างกัน เช่น ได้ฤกษ์จีนแล้วมาเทียบฤกษ์ไทยก็ปรากฏว่าเป็นฤกษ์ร้าย หรือในทำนองกลับกัน ก็เช่นกัน และหลักวิชาแต่ละสายก็มีความหยาบละเอียดแตกต่างกันเป็นอย่างมาก จนแทบจะลงรอยด้วยกันไม่ได้  อย่างนี้แล้วคนที่ไม่รู้ฤกษ์ยามจะทำอย่างไร จะเชื่อใครดี บางคนตั้งใจไปหาฤกษ์ผ่าคลอดเพื่อให้ลูกเกิดมาดี  พอลูกโตมาแล้วก็เกิดปัญหา ก็เลยไปตรวจดวงดูปรากฏว่าเป็นดวงร้าย อย่างนี้ก็มี ดังนั้นการหาฤกษ์คลอดนั้นจะต้องใช้สายวิชาที่เชื่อถือได้เท่านั้น จึงจะได้ผล

กฏเกณฑ์และวิธีการหาฤกษ์ผ่าคลอดของโหราศาตร์พระเวท-ภารตะ

สำหรับโหราศาสตร์ภารตะ หรือโหรพราหมณ์ของฮินดูนั้น มีกฏเกณฑ์เฉพาะสำหรับดูฤกษ์ให้กำเนิดทารก และมีเครื่องมือการคำนวณอย่างหลายหลากมากมาย เพื่อที่จะเลือกเฟ้นช่วงเวลาที่เป็นศุภผลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ตามเงื่อนไขของเวลาที่จำกัด โดยกฏเกณฑ์การหาฤกษ์คลอดบุตรมีดังนี้

1.ดาวเคราะห์ ราศีและลัคนาของฤกษ์ผ่าคลอด

1.1 ดวงชาตา ของทารกจะต้องสัมพันธ์กับดวงชาตาของบิดามารดาไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง ทั้งจากดาวเคราะห์ นักษัตรฤกษ์ และเรือนชาตา

1.2 ลัคนา ของดวงชาตาทารก จะต้องมีกำลังดี เข้มแข็งและให้อิษฏผล โดยลัคนาจะเป็นตัวกำหนดเรือนชาตาและดาวดี-ร้ายในดวงฤกษ์กำเนิด ลัคนาจะต้องปราศจากผลร้ายทั้งมวล และการเบียฬจากดาวร้ายอื่นๆ และจุดที่ลัคนาสถิตนี้เป็นตัวชี้วัดว่าดวงนี้เข้มแข็งหรือไม่

นอกจากนี้ในระบบโหราศาสตร์ก่อนเกิดของโหรภารตะ ยังมีกฏเกณฑ์ที่เรียกว่า “วิโยนิเภท” หรือ “วิวิธโยนิ” ที่อธิบายว่าจุดองศากำเนิดของมนุษย์ จะแตกต่างจากจุดองศากำเนิดของ สัตว์ พืชพรรณ ฯลฯ  วิธีนี้สามารถสอบทานองศาของลัคนาหรือเวลาเกิดได้ถูกต้อง ใช้สำหรับผู้ที่มีเวลาเกิดไม่แน่นอน หรือสอบดวงชาตาย้อนกลับไปได้ว่า คนๆนี้ชาติที่แล้วเกิดเป็นอะไร มาจากภพภูมิไหน

1.3 ดาวเคราะห์ หรือดาวเจ้าเรือน จากลัคนาข้างต้น ต้องมีกำลังดี เจ้าเรือนลัคน์ (ลัคนธิปติ)ต้องมีกำลัง(ดูข้อ 1.4) สถิตในศุภราศี ศุภนวางศ์ ศุภตรียางค์ เสวยองศาหรือนวางศ์ที่ให้ผลดีเช่น วรโคตรรนวางศ์ หรือ ปุษการะนวางศ์ ไม่เสวยองศาที่เป็นโทษ (มรณะองศา)หรือ เสวยตรียางค์ นวางศ์พิษ กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ความแตกต่างของ ตรียางค์นวางศ์พิษ ของไทยกับภารตะ หรือ สถิตในเรือนคู่ศัตรู  กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ วิเคราะห์ดาวคู่มิตร-ศัตรูแบบภารตะ-ไทย หรือสถิตในตำแหน่งคัณฑานตะ (นวางศ์ขาด) หากเป็นไปได้ควรให้ดาวร้ายสถิตย์ในเรือนอุปจัย หรือ ไม่ควรมีดาวเคราะห์ใดสถิตในเรือนทุสถานะภพ หรือไม่ควรให้ดาวทำมุมโยคร้ายต่อกัน หรือ ไม่ควรมีดาวเคราะห์ วิกลคติ พักร มณฑ์ เสริด ฯลฯ เป็นต้น หากไม่ได้ตามเงื่อนไขนี้ต้องหาวิธีแก้ไข ตามวิธีการปรุงดาวเคราะห์ตามหลักโหราศาสตร์

1.4 การหากำลังของดาวเคราะห์ (ษัฑพละ) คือการคำนวณหากำลังของดาวเคราะห์ทั้ง 7 ในดวงชาตาของทารก ว่ามีกำลังหรือไม่ และให้ผลดีกี่ส่วน และให้ผลร้ายกี่ส่วน (อิษฏผล-กัษฏผล) ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดดวงชาตาว่าจะดีหรือร้าย หากดีจะดีมากแค่ไหน หากร้ายจะร้ายเพียงใด ทั้งนี้ต้องปรุงผลดาวเคราห์ให้ได้กำลังดีที่สุด เพื่ออำนวยผลแก่ดวงชาตาให้มากที่สุด กรุณาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ษัฑพละ : กำลังของดวงดาว

P1160060 resize