การกำหนดดวงชาตาเด็กโดยการผ่าคลอดสามารถทำได้หรือไม่
ที่มีการถกเถียงกันก็คือ การกำหนดดวงชาตาของเด็กทารกนั้น โหราจารย์สามารถใช้วิชาโหราศาสตร์กระทำการนี้ได้หรือไม่ และทำแล้วจะผิดครูหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับนักโหราศาสตร์ หรือนักพยากรณ์ในสายอื่นๆทั่วไป เพราะเพิ่งจะมีการนิยมกำหนดฤกษ์ผ่าคลอดในไม่กี่สิบปีมานี้เอง ปูมโหรโดยทั่วไปก็ยังไม่สามารถระบุชี้ชัดอย่างไรได้เพราะมีข้อมูลไม่พอ และสายครูอาจารย์ในศาสตร์ที่ตนเองร่ำเรียนมา ก็ไม่เคยมีสอนให้ฤกษ์ผ่าคลอดเอาไว้ ไม่ว่าในตำราไหน ว่าทำได้หรือไม่ ทำแล้วดีจริงหรือไม่ ไม่มีใครรับรองได้ นอกจากจะเสี่ยงดวงเสี่ยงวิชากันเอาเอง
ส่วนประเด็นนี้มีคำตอบจากโหราศาสตร์ภารตะของพราหมณ์ฮินดูโบราณ ซึ่งมีการกำหนดฤกษ์คลอดมาแล้วแต่โบราณอย่างเชี่ยวชาญและเป็นระบบ อีกทั้งมีตำหรับตำราชั้นคัมภีร์อธิบายวิธีการกำหนดฤกษ์คลอดนี้เอาไว้มากมายเอาไว้หลายพันปีมาแล้ว (ซึ่งไม่มีในโหราศาสตร์ระบบอื่นๆ) จึงนับว่าสายนี้ไม่ผิดครูเพราะครูท่านสอนวิธีเอาไว้แล้ว
การกำหนดฤกษ์คลอดล่วงหน้า ของโหรพระเวท(ภารตะ)แบบโบราณ
แต่ในสมัยโบราณไม่มีการผ่าคลอด การกำหนดฤกษ์คลอดจึงจำเพาะจงจงไปที่การ ร่วมสังวาสกัน (กามพฤติ-นิเษกะ) ในเวลาฤกษ์ยามที่โหรกำหนด วิธีนี้เรียกว่า “อาธานะจักร” หรือ “อาธานะกุณฑลิ” เมื่อสามี-ภรรยาทำการสังวาสกันในเวลาที่เป็นศุภมงคลตามดวงฤกษ์อาธานะแล้ว ก็สามารถคำนวณเวลาคลอดของทารกออกมาได้ตามฤกษ์ยามที่ได้ผูกเอาไว้ล่วงหน้า เด็กทารกที่เกิดมาก็จะมีดวงชาตา เพศ รูปลักษณ์ ผิวพรรณ อุปนิสัย ความสามารถตามที่ได้กำหนดไว้ตามฤกษ์ทุกประการ อีกทั้งดวงฤกษ์อาธานะนี้ สามารถกำหนดระยะของตัวอ่อนของทารกที่อยู่ในครรภ์ได้อย่างละเอียด โดยไม่ต้องอุลต้าซาวด์แต่อย่างใด เช่น มหาฤาษีแต่โบราณท่านกำหนดเอาไว้ในหลักวิชาโหราศาสตร์ก่อนเกิด ตัวอย่าง เช่น คัมภีร์ไชยมินิสูตร ของมหาฤาษีไชยมิณี มีรายละเอียด ของฤกษ์คลอดแบบโบราณดังนี้ คือ
ในอัธยายะ ๓ บาท ๔. ของคัมภีร์ มีการอธิบายดังนี้
วิธีการหาอุปเคราะห์ในดวงอาธานะจักร เพื่อกำหนดดวงชาตาของทารก และกำหนดอาธานะลัคน์ (ลัคนาของการตั้งครรภ์) และเปรียบเทียบวิธีการคำนวณของวิธีของมหาฤาษีปะราสาระกับมหาฤาษีไชยมิณิ ในเรื่อง ระยะเวลาตั้งครรภ์, การแท้ง ,การผสมพันธ์ ,ความหวังในการตั้งครรภ์ , อสุจิและเชื้อผสมพันธุ์ ,การเจริญของทารกในครรภ์ ,ลักษณะวิสัยของเชื้อกำเนิด ,การก่อรูปของทารก ,เพศของทารก ,โรคของมารดา, ผิวพรรณของทารก ,คู่แฝด, และอวัยวะบกพร่อง
ในอัธยายะ ๔ บาท ๑. ของคัมภีร์ มีการอธิบายดังนี้
การพิจารณาความเจริญและบกพร่องของอวัยวะของทารก ,ลูกผิดกฎหมาย ,วรรณะผิวพรรณของทารก,ทารกมีความสุข, ทารกมีบุญ ,ทารกมีความรู้ ,ทารกฉลาดและแข็งแรง ,โดยพิจารณาจากลัคน์ปราณบาท ,ลัคน์อาธานะ ในการตั้งครรภ์
ในอัธยายะ ๔ บาท ๒. ของคัมภีร์ มีการอธิบายดังนี้
เรื่อง มารการก (จุดวิบัติของทารก) ,เรือนที่เป็นโยคทำให้ทารกไม่สมประกอบ ,ฝาแฝด ,การกำหนดเวลาคลอด ,การคลอดก่อนกำหนด ,วินิจฉัยโรคของทารก ,ทารกอายุสั้น โดยพิจารณาจากลัคน์อาธานะในขณะตั้งครรภ์
ในอัธยายะ ๔ บาท ๓. ของคัมภีร์ มีการอธิบายดังนี้
เรื่อง เพศของทารก, สีผิวของทารก ,รูปร่างและความฉลาด ,คลอดง่าย-คลอดยาก เป็นต้น โดยพิจารณาจากลัคน์อาธานะในขณะตั้งครรภ์และขณะคลอด
ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เพื่อให้เห็นว่า วิชาโหรภารตะนั้นมีการกำหนดฤกษ์คลอดเอาไว้จริงๆ มาแต่โบราณนับพันๆปีมาแล้ว นี่เป็นหนึ่งในหลายสิบคัมภีร์ทีทำการอธิบายการหาฤกษ์คลอดเอาไว้ ซึ่งคัมภีร์เหล่านี้แต่งโดยโหราจารย์ที่มีชื่อเสียงระดับบูรพาจารย์ และวิธีการนี้ในปัจจุบันก็ยังนิยมทำกันอยู่ในประเทศอินเดีย
ประจักษ์พยานจากฤกษ์คลอดในสมัยโบราณ (อาธานะ)
ตัวอย่างเด่นๆที่สำคัญ จากประวัติศาสตร์ฮินดูโบราณเห็นจะไม่มีใครเกินประวัติของท่าน มหาฤาษีวยาสะ ขอเล่าเรื่องแทรกเกี่ยวกับการถือกำเนิด ของท่านในแง่มุมทางโหราศาสตร์ โดยมีตำนานมาว่า คืนหนึ่งขณะที่ฤาษีประราสาระกำลังนั่นเรือข้ามฟากอยู่นั้นท่านได้คำนวน "อาธานะกุณฑลิ" หรือเรียกอีกอย่างว่า "อาธานะจักร" ดวงกาลชาตาพิเศษ สำหรับหาเวลาที่ดีในการร่วมกามารมณ์ของบุรุษ-สตรี เพื่อการปฏิสนธิของทารก
ซึ่งหากบิดามารดาได้ร่วมกามพฤติ (การร่วมกามรมณ์) หรือ ทำการ"นิเษกะ" (การร่วมกามารมณ์ครั้งแรกของสตรี) ในช่วงเวลานี้แล้ว ทารกเมื่อเกิดมาจะได้เป็นคนดีมีความสามารถสูง รูปร่างงดงาม เฉลียวฉลาดและไม่ทุพลภาพซึ่งในขณะนั่งเรือข้ามฟากอยู่นั้น อาธานะกุณฑลิจักร ก็ได้แสดงให้ว่าจะผู้มีบุญญาธิการยิ่งใหญ่จะมาถือกำเนิด ถ้าหากมีหญิงชายใดร่วมสังวาสกันในเวลานั้น บุตรที่อกมาจะเป็นชาย มีบุญญาธิการเป็นอันมาก ท่านมหาฤาษีก็ได้แจ้งแก่นางสัตยาวดีผู้ซึ่งนั่งเรือข้ามฟากมาด้วยกัน และท่านก็ขอทำการ"นิเษกะ" กับนาง ซึ่งนางก็ตอบตกลง ผลก็คือการให้กำเนิดมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คือพระมหาฤาษีวยาสะในกาลต่อมา
ในการคำนวน อาธานะกุณฑลิจักร นี้ จะช่วยในการเลือกเพศทารก การกำหนดเวลาคลอด สติปัญญา ผิวพรรณ บุคคลิก และความเจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าของทารก โดยโหราจารย์ฮินดูก็ได้มีการสืบทอดวิชากันมาจนถึงปัจจุบันนี้
สำหรับแง่มุมทางโหราศาสตร์ อาธานะกุณฑลิจักร ก็น่าจะเป็นคำตอบสำหรับปัญหาการคำนวนดวงชาตาในปัจจุบัน ซึ่งโหรมักจะรู้แต่เวลาคลอด แต่ไม่รู้เวลาปฏิสนธิ ดังนั้นผู้ที่คลอดในเวลาเดียวกัน(ดวงชาตาจะเหมือนกัน)แต่เวลาปฏิสนธิอาจจะต่างกัน และผู้ที่ปฏิสนธิพร้อมกันแต่เวลาคลอดก็จะต่างกัน (ฝาแฝด)
ส่วนบิดาของท่านคือมหาฤาษีประรา สาระ(ปราศร) ผู้ที่รจนาคัมภีร์ทางโหราศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ คัมภีร์พฤหัต ประราสาระ โหราศาสตรา และถือเป็นคัมภีร์ชั้นเอกของโหราศาสตร์ภารตะ ส่วนบิดาของมหาฤาษีประราสาระก็คือ มหาฤาษีวาสิฐะ ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดมหาฤาษี (สัปตฤาษี) ผู้ยิ่งใหญ่และท่านทั้งหลายล้วนเป็นครูของพระราม(ศรีราม)
อ่านประวัติของท่านโดยละเอียดได้ที่
* พระบูรพมหาพฤฒาจารย์-ฤษีวยาสะ (กฤษณะ ไทวปายนะ วยาส)
**ดวงชาตาของผู้มีบุญมาเกิด “ดวงกำเนิดพระราม” ดวงชาตาที่หาได้ยากในรอบหมื่นปี