ฤกษ์เปลี่ยนชื่อ--ฤกษ์ยามคือสิ่งที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานสนามแม่เหล็กโลก พลังงานสนามแม่เหล็กของจักรวาล และพลังงานสนามแม่เหล็กเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล "ฤกษ์ยามที่ดีและถูกต้อง"เท่านั้นจึงจะสามารถแก้ไขอุปสรรคต่างๆที่เข้ามาในในชีวิตและพื้นดวงชาตาเดิมได้ โดยจะต้องคำนวนความสัมพันธ์ระหว่าง ฟ้า-ดิน-คน ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะฉะนั้นฤกษ์ยามที่คำนวนความสัมพันธ์ของพื้นดวงเดิมของเจ้าการเท่านั้น จึงจะทำได้
ส่วนฤกษ์ยามตามปฎิทินฤกษ์ยามต่างๆ(ฤกษ์โหล) นั้น ไม่อาจจะมาทดแทนได้ เพราะต้องใช้ผู้รู้ทางวิชาโหราศาสตร์เท่านั้นจึงจะหาความสัมพันธ์และฤกษ์ยาม ที่ดีเป็นมงคลได้
ตัวอย่างเช่น หากมีคนมาบอกว่าวันนี้จะมีพายุใหญ่ จงอย่านำเรือออกทะเล หากมีคนเชื่อไม่นำเรือออกทะเลในวันนั้นก็ต้องพบกับอุปสรรคและลมมรสุมต่างๆ นาๆ ดีไม่ดีเรืออาจอัปปางเอาได้ แต่หากมีคนเชื่อไม่ออกเรือในวันนั้นก็จะพบกับความสวัสดีอยู่รอดปลอดภัย ไม่มีปัญหาใดใดเกิดขึ้น ฤกษ์ยามก็เป็นอย่างนี้ หากมีคนเชื่อและปฎิบัติตามอย่างน้อยเขาก็จะไม่พบกับความวิบัติร้ายแรง หรือไม่ก็บรรเทาผลร้ายที่จะเกิดมีขึ้นในชีวิตได้ไม่มากก็น้อย
การให้ฤกษ์เปลี่ยนชื่อ-เปลี่ยนนามสกุลใหม่
ในสมัยปัจจุบันนี้มีคนเชื่อถือเรื่องการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุลและนามมงคลกันมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนามสกุลกันเป็นจำนวนมาก บางคนก็เปลี่ยนมาถึง 6-7 ครั้ง โดยยคิดว่าเปลี่ยนแล้วดี แต่จนแล้วจนรอดก็ยังต้องเปลี่ยนใหม่อยู่ร่ำไป เพราะดวงเดิมไม่สามารถเปลี่ยนตามไปด้วยได้ จึงยังคงเป็นดวงชาตาแบบเดิมๆ
สิ่งที่น่าคิดก็คือว่าในหลักวิชาการเรียกชื่อขานนาม ให้เป็นมงคลให้ถูกต้องตามหลักวิชาโหรแบบโบราณแล้ว ก็ควรจะตั้งชื่อให้ได้ตามหลักทักษา นามกำเนิด โดยคิดตามจำนวนพี่น้องท้องเดียวกันโดยเป็นคนที่เท่าใด(ชาย)และ(หญิง) จะคำนวนแยกกัน แต่ปัจจุบันนี้มีคนตั้งชื่อโดยไม่ไปปรึกษาผู้รู้ ทางโหร ตั้งเอาเองบ้าง ชอบคิดเองบ้าง เอาชื่อตคนอื่นมาตั้งบ้าง แล้วคิดว่าดี หรือไม่ก็ใช้ชื่อโดยใช้วิชาเลขศาสตร์เพียงอย่างเดียว ไม่เอาทักษา ไม่ดวงชาตา ไม่เอานามกำเนิด ชื่อที่ปรากฏออกมาก็มักเป็นชื่อแบบแปลกๆ ไม่ถูกต้องตามหลักภาษาศาสตร์ ทั้งอักขระ ทั้งไวยากรณ์ ทั้งสมาส สนธิ ก็ผิดหลักภาษา เขียนและสะกดกันไม่ค่อยจะถูก จนเป็นภาษาวิบัติ ชื่อก็วิบัติ ดวงชาตาก็วิบัติตามกันมาติดๆ จึงไม่แปลกที่บางคนตั้งแล้วตั้งอีกหลายๆรอบ ดวงก็ไม่ดีขึ้นมีแต่แย่ลง
อ่านบทความเรื่องหลักการการตั้งชื่อตามหลักทักษาปกรณ์ คลิ๊กที่นี่
ฤกษ์เปลี่ยนชื่อ-ในทางโหรโบราณท่านถือมากในเรื่องการตั้งชื่อ ขานนาม รวมถึงการเฉลิมพระนามของเจ้านาย เจ้าฟ้าฯ การจารึกพระนามในพระสุพรรณบัตร และการอวยยศตั้งตำแหน่ง ให้ราชทินนาม ฯลฯท่านมักเอาดวงชาตาไปผูกดูก่อน ดาวใหนให้คุณทางดวงชาตา ก็เสริมชื่อไปทางอักษรนามของดาวดวงนั้น ดาวดวงไหนให้โทษท่านก็งดเว้นวรรคอักษรนั้นเสีย อีกทั้งก็ต้องดูนามกำเนิดว่าเป็นลูกคนที่เท่าใดในฝ่ายชาย เป็นลูกคนที่เท่าใดในฝ่ายหญิง และก็เอาทักษามาจับ แล้วจึงตั้งชื่อ ส่วนการตั้งชื่อในสมัยโบราณก็มีฤกษ์ยามในการตั้งชื่อขานชื่อ มีพิธีรีตองกันพอสมควร
ที่อธิบายกันมายืดยาวไม่ใช่ผมต้องการจะไปเป็นหมอดูรับตั้งชื่อหรอกนะครับ เพียงแต่มีคนเรียกร้องขอฤกษ์ตั้งชื่อ เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ท่านเพียงไปขอชื่อนามมงคลที่ท่านต้องการจากครูอาจารย์ท่านใดมาก็ได้ ผมก็จะรับดูฤกษ์ยามเปลี่ยนชื่อให้ตาม"ฤกษ์ของระบบโหราศาสตร์"อย่างเดียว (ไม่ใช่ฤกษ์ของระบบอื่นนะครับ)
ดัง นั้นหัวใจของฤกษ์เปลี่ยนชื่อที่ถูกต้องก็คือ การใช้ฤกษ์บนและฤกษ์ล่างให้สัมพันธ์กัน เพื่อให้เกิดศุภอิทธิพล เป็นศุภผลแก่เจ้าการ หรือเจ้าของงานที่จะกระทำการโดยฤกษ์นั้นๆ
ซึ่งพอจะเป็นหลักประกันได้ว่าชื่อ-สกุลที่ท่านเปลี่ยนนั้น จะเป็นไปตามฤกษ์ยามโดยถูกต้อง ซึ่งก็จะช่วยเสริมดวงชาตาให้ท่านได้อีกทางหนึ่งนอกว่าชื่อนามมงคลที่ท่านได้มาแล้ว
***หากท่านต้องการทราบรายละเอียดและความหมายเกี่ยวกับการดูฤกษ์ อ่าน "กฎเกณฑ์การให้ฤกษ์" คลิ๊กที่นี่..
หมายเหตุ 1)หากสงสัยว่าวิชาโหรฯมีการคำนวนดวงชาตาของฤกษ์ยามที่ละเอียดซับซ้อนและแตกต่างจากวิชาอื่นๆอย่างไร กรุณาอ่านบทความ โหราวิทยา บทที่ 4 การคำนวนกำลังดาวเคราะห์และเรือนชาตาโดยคลิ๊ก โหราวิทยาบทที่ 4 การคำนวณกำลังดาวเคราะห์และเรือนชาตา
หมายเหตุ 2) หากท่านเข้าใจว่าวิชาโหรฯเป็นวิชาที่งมงายไร้เหตุผล ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่มีหลักการ ขอให้ท่านเข้าไปศึกษา วิชาการคำนวณดวงชาตาของโหรฯเสียก่อน โดยคลิ๊ก การคำนวณดวงพิชัยสงคราม,คัมภีร์สุริยยาตร์และมานัตต์
