บทเรียนโหราศาสตร์พระเวท(ภารตะ) บทที่ 2 อายนางศะ คืออะไร ทำไมจึงสำคัญ
ต่อจากบทที่ 1 ที่เราได้ศึกษาระบบจักราศีแบบสายนะ กับ นิรายนะ และบทนี้เราจะมาเรียนเรื่องสำคัญที่ต้องเกี่ยวข้องกับจักรวาล 2 ระบบที่อยู่บนฟ้าเดียวกัน ต่อเนื่องจากบทที่ 1 ก็คือเรื่อง “อายนางศะ” คืออะไร เนื่องจากปัจจุบันระบบการคำนวณและเครื่องมือการคำนวณพัฒนาไปมาก จนเกิดเป็น Software โหราศาสตร์ที่หลากหลาย จนทำให้ผู้เรียนหรือผู้ใช้งานไม่ได้ตระหนักถึงที่มาและความสำคัญ ของโหราศาสตร์ภาคคำนวน วิธีการคำนวณ ที่มา แนวคิด และปรัชญาที่ลึกล้ำของพระเวทที่แฝงอยู่ในหลักการคำนวณของโหราคณิตศาสตร์ ซึ่งบทเรียนที่ 2 นี้จะได้ปูพื้นฐานแนวคิดเรื่อง “อายนางศะ” ซึ่งหลายท่านอาจจะไม่ได้ให้ความสนใจมาก่อน เพราะมี Software เข้ามาช่วยในการคำนวณ จนเราละเลยหรือไม่ให้ความสำคัญ
แนวคิดของ “อายนางศะ”
จุดกำเนิดของ “อายนางศะ” (Ayanāṁśa – अयनांश – อยนามศะ) ในบทที่ 1 ได้อธิบายว่า จักรวาล 2 ระบบที่อยู่บนฟ้าเดียวกัน ซึ่งจุดเริ่มต้นของจักรราศี มี 2 ระบบ คือ
1️.จักรราศีระบบสายนะ คือ จักรราศีที่ยึดตามฤดูกาล และจุดวิษุวัต (Vernal Equinox – वसन्त विषुव – วสันต วิษุวะ) เป็นหลัก
2️.จักรราศีระบบนิรายนะ คือ จักรราศีที่ยึดตามตำแหน่งของกลุ่มดาวฤกษ์(fixed stars) หรือ ดาวนักษัตร
ซึ่งในปี ค.ศ. 285 หรือ พ.ศ. 828 จุดเริ่มต้นของของจักราศีคือ “ราศีเมษ”ของจักรราศีทั้ง 2 ระบบนี้ ได้โคจรมาบรรจบพบกันและตรงกันพอดี และจากนั้นต่อมา “จุดวิษุวัตฤดูใบไม้ผลิ” ได้เริ่มเคลื่อน “ถอยหลัง” บนเส้นสุริยวิถี (Ecliptic Path) ซึ่งเป็นผลจาก “การส่ายของแกนโลก” (Precession) ดังนั้น “อายนางศะ คือ มุมแห่งการถอยหลังของจุดวิษุวัต”
การกำหนดมาตรฐานของค่า อายนางศะ (ลาหิรี อายนางศะ)
นักดาราศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่าน นีโลตปละ จันทร ลาหิรี (नीलोत्पल चन्द्र लाहिरी ) นักวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศอินเดีย ได้คำนวณค่าการส่ายของจุดวิษุวัตอย่างละเอียด และเสนอให้รัฐบาลอินเดียประกาศเป็นมาตรฐานแห่งชาติ
และต่อนั้นมารัฐบาลอินเดียก็ได้ประกาศ “ค่าการส่ายของจุดวิษุวัต” ให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อเป็นมาตรฐานแห่งชาติ และขนานนามว่า “ลาหิรี อายนางศะ” (लाहिरी अयनांश) เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน นีโลตปละ จันทร ลาหิรี
รัฐบาลอินเดียจึงกำหนดว่า “จุดเริ่มต้นของจักรราศีเมษ (0° Aries – मेष )” ตรงกับ จุดบนสุริยวิถีที่อยู่ “ตรงข้าม 180 องศากับดาวจิตราปักษ์ (चित्रा)” หรือ ดาว Spica หรือดาว Virginis หรือ”ดาวรวงข้าว”
ซึ่งเป็นจุด วสันตวิษุวัต ของปี ค.ศ. 285
โดยจากการคำนวณ “อัตราการถอยของจุดวิษุวัต คือ 50.3 วินาทีต่อปี” ดังนั้น ในทุกๆ 72 ปี จุดวิษุวัตจะถอย 1 องศา และใน 25,920 ปี จะครบหนึ่งรอบ 360° ของจักรราศี เรียกวงรอบนี้ว่า “วิษุวจักร” (विषुव चक्र)
ซึ่งวงรอบการส่ายของจักรวาลนี้ทางตะวันตกเรียกว่า The Great Year หรือ“ปีอภิวรรษ” ส่วนในคัมภีร์ดาราศาสตร์อินเดีย เรียกช่วงเวลานี้ว่า विषुव पूर्वगमन चक्रकाल – วิษุว ปูรวคมน จกรกาละ,หรือ “กาละแห่งการส่ายของจุดวิษุวัต”
ในระบบโหราศาสตร์ “ปีอภิวรรษ” the Great Year หรือ ปีเพลโต Platonic Year คือวัฏจักรประมาณ 25,920 ปีของการเคลื่อนตัวของวิษุวัต ซึ่งตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ณ จุตวิษุวัตจะค่อยๆ เลื่อนผ่านกลุ่มดาวจักรราศีทั้ง 12 ราศีหรือ ใช้ราศีนับเป็นยุคทางโหราศาสตร์ ซึ่งได้กล่าวเอาไว้แล้วในบททที่ 1
หลักการคำนวณค่าอายนางศะในทางโหราศาสตร์พระเวท
ในโหราศาสตร์ภารตะ การหาตำแหน่งดาวเคราะห์ ทุกๆดวง จะต้อง “หักค่าอายนางศะออกจาก “องศาดาวเคราะห์” แบบสายนะ” เพื่อให้ได้ “องศาดาวเคราะห์”แบบนิรายนะ และในปี ค.ศ. 2025 ค่าความต่างนี้ประมาณ 23.5 องศา จึงทำให้ ดวงชะตาบุคคล ราศีและลัคนาของระบบตะวันตก กับ ระบบพระเวท แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ในเชิงโหราศาสตร์ พระเวทถือว่า “หากค่าอายนางศะคลาดแม้เพียงเล็กน้อย”
ผลการพยากรณ์ทั้งระบบจะเปลี่ยนทันที เพราะตำแหน่งดาว และราศี จะเลื่อนผิดทั้งหมด
ความเห็นของ สอง สำนักโหราศาสตร์
โหรตะวันตก เชื่อว่า “จุดวิษุวัตอยู่ในราศีมีน 6°” ส่วนโหรภารตะ ยืนยันว่า “จุดเริ่มต้นของจักรราศียังคงอยู่ที่ 0° อัศวินีนักษัตร ดังที่ปรากฏในคัมภีร์โหรภารตะว่า “บาทแรกของอัศวินีนักษัตร คือ จุดเริ่มต้นของราศีเมษ”
ความหมายเชิงภาษาศาสตร์ของคำว่า “อายนางศะ”
อายนางศะ มาจากคำสันสฤกตว่า อายัน+อัมศะ (अयनांशः = अयन + अंश) อายัน หมายถึง การเคลื่อน หรือ การเดินทาง ส่วนคำว่า อัมศะ หมายถึง ส่วน หรือ เศษส่วน ดังนั้นคำว่า อายนางศะ จึงหมายถึง “ส่วนแห่งการเคลื่อนของจุดอายัน” หรือ “ระยะมุมแห่งการถอยของจุดวิษุวัต”
ความสำคัญของ อายนางศะ ในโหราศาสตร์พระเวท
เพราะเหตุใดเราจึงต้องรู้ค่าอายนางศะ เพราะอายนางศะ คือ หัวใจของ กาลจักร (काल चक्र)
ที่เชื่อมดาราศาสตร์กับโหราศาสตร์เข้าด้วยกัน มีผลต่อศาสตร์ย่อยเกือบทุกแขนง ดังนั้นความสำคัญของ อายนางศะ จึงมีดังนี้
1.เพื่อกำหนดตำแหน่งที่แท้จริงของดาวเคราะห์และจักรราศี
ในการคำนวณดวงชะตา โหรจำเป็นต้องรู้ตำแหน่งที่ “แท้จริง” ของดาวเคราะห์ในสุริยจักรวาล เมื่อหักค่าอายนางศะออกจากลองจิจูดแบบสายนะ เราจึงจะได้ “ลองจิจูดแบบนิรายนะ” ซึ่งสอดคล้องกับตำแหน่งของ “ดวงดาวจริง” บนท้องฟ้า และหากค่าอายนางศะผิดแม้เพียง 1 องศา ดาวก็จะย้ายราศี และจะทำให้โครงสร้างดวงทั้งหมดจะเปลี่ยนไป
2. เพื่อให้คำพยากรณ์แม่นยำตามหลักโหราศาสตร์พระเวท
ในระบบโหราศาสตร์พระเวท การพยากรณ์ไม่ได้อาศัยเพียงการดูราศี แต่ยังต้องดูตำแหน่งดาวที่เสวยนักษัตรต่างๆ ทั้ง 27 นักษัตร ซึ่งสัมพันธ์กับพลังคลื่นแห่งจักรวาล ที่ดาวเคราะห์และดาวนักษัตรฤกษ์แผ่ออกมา หากค่าอายนางศะคลาดเคลื่อน การแปรความหมายพลังจักรวาลของดวงดาวต่างๆที่ส่งถึงเจ้าชะตาจะผิดพลาดไปหมด ดังนั้น โหรพระเวทจึงถือว่า “อายนางศะคือเครื่องตัดสินตำแหน่งดาวที่แท้จริง”
3.ส่งผลต่อระบบ “มหาทศา” และ “นักษัตร”
ในโหราศาสตร์พระเวท ระบบ “มหาทศา” สำคัญมากในการพยากรณ์ โดยเฉพาะ ระบบวิมโษตรีทศาविम्शोत्तरी दशा ที่ต้องอ้างอิงจาก “นักษัตรที่จันทร์เสวย” ในดวงชะตา ขณะที่เจ้าชะตาถือกำเนิด หรือเรียกว่า ชนม นักษัตร (जन्म नक्षत्र )
ดังนั้น หากค่าอายนางศะคลาดเคลื่อน นักษัตรกำเนิดของเจ้าชะตาก็จะเปลี่ยนตาม และส่งผลให้ “ลำดับทศาของชีวิต” (दशा क्रम ทศา กรมะ) ซึ่งเป็นแสดงช่วงเหตุการณ์ วันเดือน ปี ที่จะบ่งบอกว่า เมื่อใดกรรมดีกรรมชั่วจะให้ผล” (कर्मफल काल – กรฺมผล กาละ) ผิดไปทั้งหมด
ดังนั้น“เมื่อเปลี่ยนนักษัตร ช่วงเวลาแห่งทศาก็จะเปลี่ยนตาม” นี่คือเหตุผลที่โหราจารย์ชาวอินเดียจะตรวจสอบ “ค่าอายนางศะ” ก่อนทำนายทุกราย
4.สำคัญต่อการหาฤกษ์ยามและการทำนายเฉพาะกิจ
โหราศาสตร์ภารตะหรือโหราศาสตร์พระเวทมีหลากหลายแขนง ซึ่งมีศาสตร์หลักๆดังนี้
1.วิชามุหูรตะ (मुहूर्त ) คือ วิชาการเลือกเฟ้น “ฤกษ์ยามมงคล” เช่นฤกษ์สร้างบ้าน ฤกษ์แต่งงาน
2.วิชาปรัศนศาสตร์ (प्रश्न) คือ ดวงคำถามเฉพาะกิจ หรือ ดวงกาลชะตา
3. วิชามณฑน์ (Mundane लौकिक ज्योतिष – เลาคิก โชติษะ) คือ โหราศาสตร์โลก เช่น ดูดวงบ้านเมือง การเมือง ภัยธรรมชาติ ภัยสงคราม ฯลฯ
ทั้งสามแขนงนี้จำเป็นต้องใช้ “ตำแหน่งดาวจริง” ตามระบบนิรายนะ หากใช้ค่าผิดจากอายนางศะที่แท้จริง ผลพยากรณ์จะคลาดเคลื่อนทั้งหมด “การคำนวณที่ขาดค่าอายนางศะ ย่อมก่อให้เกิดความคลาดในผลพยากรณ์”
บทสรุปสำหรับตอนนี้
“อายนางศะ มิใช่เพียงค่าทางคณิตศาสตร์ แต่คือ จิตวิญญาณของโหราศาสตร์พระเวท” มันคือ สะพานเชื่อมระหว่าง “จักรวาลแห่งฤดูกาล” (ระบบสายนะ) และ “จักรวาลแห่งดวงดาว” (ระบบนิรายนะ)
คือ เส้นแบ่งระหว่าง “กาลเวลา ( काल – กาละ)” และ “จักรวาล (ब्रह्माण्ड – พฺรหมานฺฑะ)”
อายนางศะจึง เปรียบเสมือน “เข็มทิศจักรวาล” ที่ชี้ตำแหน่งแห่งดาวให้ตรงกับ “ท้องฟ้าจริง” ไม่ใช่ “ท้องฟ้าตามฤดูกาล” ดังนั้น อายนางศะ จึงมิใช่เพียงค่าทางการคำนวณ แต่ อายนางศะ คือหัวใจของโหราศาสตร์
เพราะเมื่อเรารู้ “ตำแหน่งที่แท้จริงของดวงดาว” เราก็จะเข้าใจ “แผนที่ของกรรม” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการรู้จักตนเองตามแนวทางแห่งพระเวท
*******************************
*เรียนโหราศาสตร์ภารตะ(โหรพระเวท)ฟรี ได้ที่นี่ ศึกษาจากบทเรียน อ่านได้ที่นี่ https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-21-50/2016-09-26-02-29-18/219-astrology-lesson.html
*แหล่งรวมความรู้โหราศาสตร์ภารตะ อ่านได้ที่นี่ https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-21-50/2016-09-26-02-29-18.html
*กดติดตาม เพื่ออ่านบทเรียนใหม่ๆ ผ่าน Facebook ของอาจารย์ Napat Patrapongphaiboon (Astro Neemo)
*******************************
บริการของเรา
ดูฤกษ์ออกรถ ดูฤกษ์ยกเสาเอก ดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ดูฤกษ์เปิดกิจการใหม่ ดูฤกษ์จดทะเบียนบริษัท ดูฤกษ์แต่งงานพิธีไทย-ฤกษ์จดทะเบียนสมรส ดูฤกษ์เปลี่ยนชื่อ ดูฤกษ์ตั้งศาลพระภูมิ ดูฤกษ์เข้าทำงานใหม่ ดูฤกษ์ลาสิกขาบท ดูฤกษ์โกนผมไฟ ดูฤกษ์ผ่าคลอด ดูฤกษ์มงคลอื่นๆ
ดูฮวงจุ้ย-แก้ฮวงจุ้ย คำนวนดวงพิชัยสงคราม-เสริมดวง-แก้ดวง ดูดวงชะตาด้วยโหราศาสตร์พระเวท(โหรภารตะ)
กดติดตาม เพื่ออ่านบทความใหม่ๆ ผ่าน Facebook ของอาจารย์
*******************************