วิธีแก้เคล็ด ทำไมทำบุญให้ทานแล้วไม่เห็นผล
เรื่องนี้มีคนถามผมมามาก ก็เลยถือโอกาสอธิบายให้เข้าใจตรงนี้เลย ข้อแรกการทำทาน เป็น 1 ในบุญกิริยาวัตถุ 10 คือ การบริจาคทานหรือการให้ เป็นเพียง 1 ใน การทำบุญ 10 อย่าง
อย่างไรก็ตามเราต้องรู้จักเงื่อนไขสำคัญในการให้ทานเสียก่อน ทานนั้นจึงจะมีผลมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ 3 เงื่อนไข หลักๆ คือ
2.วัตถุทาน คือของที่ให้ ต้องบริสุทธิ์ คือไม่ได้โกงเขามา ไม่ได้ขโมยเขามา เป็นของที่เราหามาได้อย่างสุจริตและเป็นของที่สะอาด ไม่สกปรก ไม่มีมลทินและ ไม่เป็นของต้องห้ามเช่น อาวุธ ยาพิษ ฯลฯ
3.ปฏิคาหก หรือผู้รับทานต้องบริสุทธิ์ เหมือนข้อ 1 คือผู้รับก็ต้องเป็นคนมีศีล มีความสุจริตทั้งกาย วาจา ใจ
หากบริสุทธิ์ทั้ง 3 เงื่อนไข อานิสงส์ผลของทานก็ย่อมจะบริบูรณ์ และให้ผลดีอย่างเต็มที่ และให้ผลเร็ว
นอกจากนี้ วัตถุทาน ยังแบ่งออกเป็น 3 ประเภท หรือ 3 ระดับ คือ
1.ทาสทาน การให้วัตถุสิ่งของเลวกว่าที่เรากินเราใช้ตามปกติ เช่นปกติกินข้าวสาร แต่ทำทานด้วยปลายข้าว หรือเศษข้าว อย่างนี้เรียกว่า ทาสทาน ให้ผลน้อยมาก
2.สหายทาน คือการให้ทานวัตถุสิ่งของเสมอกับของที่เรากินเราใช้ ให้ผลดีเสมอตัว
3.สามีทาน คือการให้วัตถุสิ่งของที่ดีกว่าประเสริฐกว่าสิ่งที่เราเคยกินเคยใช้ ตามปกติ หรือนานๆจึงจะกล้ากินกล้าใช้ที ทานแบบนี้ให้ผลดีมาก สูงส่งกว่าทานทั้งหลาย
ยังมีอีกอย่างที่ส่งผลในการทำบุญต่างๆรวมถึงทำทานด้วย คือ”เจตนา”เช่นในการให้ทาน แบ่งเป็น 3 อย่างคือ
๑. ปุพพเจตนา คือ เจตนาก่อนที่จะทำกุศล มีทาน เป็นต้น เช่น คิดที่จะให้ทาน ว่าเราจะให้ทานกับผู้นี้ ก็เป็นเจตนาก่อนให้ ผลของบุญจะให้ผลในปฐมวัย
อันนี้ผมคงต้องรอชาติหน้า หากใครตอนเด็กๆได้รับของกินของเล่นมากมาย หรือได้รับการดูแลอย่างดี เกิดในครอบครัวที่มีทรัพย์สินเงินทอง ผลก็มาจากปุพพเจตนาในการให้ทานในกาลก่อน
๒. มุญจนเจตนา คือ เจตนา ขณะที่ทำกุศล มีการให้ทาน เป็นต้น ที่เป็นขณะที่ให้ ผลของทานก็จะให้ผลในช่วงวัยกลางคน
ถ้าตอนนี้ผมอยู่ในกลางคนถ้าอยากให้ทานได้ผลในตอนนี้ ก็ให้ระลึกตอนเคยขณะทำบุญว่ามีจิตในขณะทำบุญอย่างไร เช่น แจ่มใส เบิกบาน หรือเต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธาอย่างไร ใจก็น้อมไปอย่างนั้นเนืองๆ
๓. อปรเจตนา คือ เจตนาหลังจากที่ให้ทาน คือ เจตนาที่เกิดพร้อมกับกุศลจิต เช่น ขณะที่ให้ทานสำเร็จไปแล้ว ก็นึกถึงกุศล คือทานที่เราให้ไปแล้ว ด้วยจิตโสมนัสในกุศลนั้น ว่าเราให้ด้วยดีแล้ว ก็ชื่อว่า อปรเจตนา เป็นเจตนาหลังให้ผลของทานจะให้ผลหลังวัยกลางคนไปแล้ว ตอนนี้ผมพ้นวัยกลางคนไปแล้ว ก็ให้ระลึกถึงกุศลที่เคยทำมาในอดีต ตั้วแต่เด็กจนแก่ ให้ระลึกบ่อยๆ ทำเนืองๆ ผลของบุญก็จะมาสนองในชาตินี้นี่เอง
หลายๆคนอาจจะลืมเคล็ดลับในข้อนี้ คือไม่เคยระลึกถึงบุญที่เราเคยทำมาเนืองๆ ผลบุญก็ย่อมไม่ปรากฏในชีวิตนี้ อาจจะต้องรอไปขาติหน้า ฉะนั้นก็จงรีบปฏิบัติรีบระลึกถึงบุญทาน เมื่อระลึกได้แล้ว ก็สามารถอุทิศกุศลนี้ต่อไปได้อีก ให้กับญาติทั้งหลาย เรียกว่าปัตติทานมัย คือบุญสำเร็จจากการให้ส่วนบุญที่ได้บำเพ็ญมาแล้ว ก็คือได้บุญสองเท่า ยิ่งอุทิศไม่ต้องไปกลัวว่าผลบุญจะหมด แต่จะกลับเพิ่มพูนคูณทวี มากขึ้น ๆ
ดังนั้นการทำบุญทำทานจะต้องรู้วิธีการ และรู้เหตุและผล ต้องมีเจตนาและปสาทะ ต้องมีจิตอันเป็นกุศลประกอบการทำบุญทุกชนิด จึงจะเห็นผลของบุญได้เร็วในชาตินี้