พิธีกรรมการลงยันต์ดวงพิชัยสงครามของอาจารย์
1.การลงอักขระ เนื่องการลงดวงพิชัยสงคราม มีกรรมวิธีโดยเฉพาะของครูอาจารย์ในแต่ละสาย ซึ่งไม่เหมือนกัน คาถากำกับก็ไม่เหมือนกัน การลงอักขระ มีการลงแบบย่างตาม้าก็มี เขียนลงจากบนลงล่างก็มี จากขวาไปซ้ายหรือซ้ายไปขาว จากล่างขึ้นบน หรือ จากดวงในเขียนออกไปดวงนอก ฯลฯ
2.การลงพระคาถา อันนี้มีแบบแผนว่าจะต้องเป็นอิติปิโสก่อนเป็นหลัก แล้ว ตามด้วพระคาถาต่างๆ ซึ่งจะไม่กล่าวในที่นี้
3.การแก้พื้นดวงชาตา การตัดตัวเสียในดวง เช่นในดวงชาตาของตนบางคนมีดาวเคราะห์เสีย(ให้โทษ)ในดวงชาตา เช่น ดาวสำคัญตกในภพ อริ มรณะ วินาศน์ ดาวเคราะห์อยู่ในลักษณะเบียฬกัน (ให้โทษ) ดาวเจ้าเรือนลัคน์สถิตย์ในทุสถานะภพ ดาวเคราะห์ดับ(เป็นอัสตะ) ดาวเคราะห์สัปยุทธ์กัน (กุมกันสนิทองศา) ดาวจันทร์เป็นหีนโทษ หรือ กษิณจันทร์ ดาวปาปเคราะห์ เช่น ราหู-เกตุ เบียฬพระเคราะห์สำคัญ ซึ่งตรงนีอาจารย์จะมีวิธีเสริมและแก้ไขไปทีละตัว ซึ่งบางรายอาจจะทำได้หมด แต่บางรายก็ทำได้เฉพาะบางตัว
4.แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับฤกษ์ยามในการลงอักขระเป็นสำคัญ หากฤกษ์ยามไม่ถูกต้องแล้ว การลงคาถาและอักขระก็ไม่เป็นผล เพราะฤกษ์ยามมงคลเป็นบาทฐานของพลังจากจักรวาลทั้งมวล อีกทั้งอาศรมฯเรามีการใช้ฤกษ์ยามชั้นสูงจากโหราศาสตร์พระเวทของพรามหณ์อันศักดิ์สิทธิ์ ในการหาฤกษ์ลงอักขระ อาจารย์จะใช้ฤกษ์ตามหลักคัมภีร์มูหูรตะเป็นหลักในการคำนวณฤกษ์ยามลงอักขระเป็นปฐม และต้องหลีกเลี่ยงช่วงเวลาร้ายต่างๆ เช่น วันที่จันทร์เสวยฤกษ์ร้าย วันที่พระอาทิตย์ย้ายราศี(สุริยสังกรานมณะ) จันทร์ดับ(อมาวาสี) เวลาโยคร้าย กรณะร้าย ทุรมูหูรตะ วาชระยาม ยมกาล ราหูกาล คัณฑานตะกาล(ช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่างกลางวัน-กลางคืน หรือเวลาหลังพระอาทิตย์ตกภายใน 48 นาที) วันที่คราส จันทคราส สุริยคราส ฯลฯ ซึ่งทังหมดนี้ไม่สามารถลงอักขระดวงพิชัยสงครามได้เลย ดังนั้นอาจารย์ในการจัดทำจึงใช้เวลาค่อนข้างนานคือประมาณ 1เดือน หรือมากกว่า
ผลตอบรับจากผู้ที่นำไปบูชา
จากหลายปีที่ผ่านที่ได้ดวงพิชัยให้ผู้ที่ศัทธาในวิชาสายนี้นับร้อยๆราย ก็ปรากฏว่าได้ผลในเสริมดวงชาตาเกือบทุกๆคน ทั้งได้เลื่อนยศตำแหน่ง กิจการก้าวหน้า หายป่วยจากโรคร้าย ได้บริวารดี หรือ ได้งานที่ดีขึ้น รายได้มั่นคงขึ้น ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุขได้โชภลาภ ลาภลอย ถูกรางวัลสลากกินแบ่ง ไปไหนก็มีแต่คนรักชอบ คนเชื่อถือคำพูดของเรมากขึ้น ฯลฯ
แต่ก็มีกรณีที่ไม่ได้ผลมีแจ้งมาเพียง 2-3 ราย(ใน 5ปี) เท่านั้นที่บอกว่ายังไม่ได้ผล เข้าใจว่าเจ้าตัวปฏิบัติไม่ครบ เช่น ว่าไม่รักษาสัจจะ หรือ ไม่สวดคาถา ก็เลยไม่ปรากฏผล หรือไม่ก็คาดหวังผลสูงจนเกินไป เช่น หวังจะถูกหวยรวยโชคเป็นล้านๆ ซึ่งเป็นไปไม่ได้