
บทเรียนโหราศาสตร์พระเวท(ภารตะ) บทที่ 2 อายนางศะ คืออะไร ทำไมจึงสำคัญ (3)
สำหรับในบทที่ 2 ตอนที่ 3 นี้เราจะมาเรียนรู้เรื่อง”ข้อถกเถียงในโลกโหราศาสตร์” ในเรื่องมุมมองของจักรวาลหรือจักราศีทั้ง 2 ระบบ คือ สายนะ และ นิรายนะ ที่ได้อธิบายไปแล้ว จุดเริ่มต้นของข้อถกเถียง เริ่มมีมาตั้งแต่ตั้งแต่ยุคกรีกจนถึงอินเดียโบราณ นักโหราศาสตร์หรือนักดาราศาสตร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ต่างก็ตั้งคำถามเดียวกันว่า “จักรราศีที่เรามองเห็นบนฟ้า ควรยึดตามดวงดาวจริง หรือยึดตามฤดูกาลของโลก?” คำถามนี้นำไปสู่การแบ่งแนวคิดออกเป็นสองสำนักใหญ่ของโลกโหราศาสตร์
(1) ระบบ “สายนะ” – จักราศีแห่งฤดูกาล (Tropical Zodiac)
โหรตะวันตก ยึด “จุดวสันตวิษุวัต” เป็นจุดเริ่มต้นของจักรราศีเมษ กล่าวคือ ฟ้าเริ่มต้นที่ “ฤดูใบไม้ผลิ” ไม่ใช่ “กลุ่มดาวอัศวินี” เพราะฉะนั้น ไม่ว่าฟ้าจะเคลื่อนไปอย่างไร จุด 0° ราศีเมษ ของระบบสายนะก็จะคงอยู่ตรงข้าม “ดวงอาทิตย์ขึ้นในวันวสันตวิษุวัต” เสมอ “และระบบนี้ถือว่าวันวสันตวิษุวัตคือจุดเริ่มต้นของราศีเมษแบบสายนะ” ข้อดี ของระบบนี้คือ การเชื่อมโยงอย่างตรงไปตรงมาระหว่าง ดาราศาสตร์–ฤดูกาล–ภูมิอากาศ–ชีวิตประจำวัน และเหมาะกับโลกตะวันตกที่เน้น “ฤดูกาล” และ “พลังของธรรมชาติ” เป็นหลัก
ระบบสายนะ ไม่ต้องใช้อายนางศะ
โหราศาสตร์สายนะ (Tropical Astrology) คือระบบที่ “ผูกจักรราศีไว้กับฤดูกาล” ของโลก
- จุด 0° เมษ (Aries) = วันวิษุวัตฤดูใบไม้ผลิ (Vernal Equinox)
- จุด 90° กรกฎ (Cancer) = วันครีษมายัน (Summer Solstice)
- จุด 180° ตุลย์ (Libra) = วันวิษุวัตฤดูใบไม้ร่วง (Autumnal Equinox)
- จุด 270° มกร (Capricorn) = วันเหมายัน (Winter Solstice)
ดังนั้น จักรราศีในระบบนี้ “หมุนไปพร้อมกับแกนโลก” เมื่อแกนโลกส่าย จุดวิษุวัตก็เลื่อน — ซึ่งระบบสายนะถือว่า “จุดที่หมุนไปพร้อมกับแกนโลก คือจุดเริ่มต้นของราศีเมษ”
(2) ระบบ “นิรายนะ” – จักราศีแห่งดวงดาว (Sidereal Zodiac)
โหรภารตะ ถือว่าจักรราศีไม่ควรยึดตามฤดูกาลที่เปลี่ยนได้ แต่ควรยึด “กลุ่มดาวคงที่” (หรือกลุ่มดาวฤกษ์ หรือ ดาวนักษัตร) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพลังจักรวาลอันนิรันดร์ ดังนั้น จุดเริ่มต้นของราศีเมษ จึงถูกกำหนดไว้ที่ “0° ของอัศวินีนักษัตร” (अश्विनी ) และจะสถิตอยู่คงที่และไม่เคลื่อนไปตามฤดูกาล ตามที่คัมภีร์โหราศาสตร์ภารตะได้กล่าวไว้ว่า “บาทแรกของอัศวินีนักษัตร คือจุดเริ่มต้นของราศีเมษ”
ข้อดี ของระบบนี้คือ การรักษาความสัมพันธ์ระหว่าง “จักรราศี” และ “ดาวฤกษ์” ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่จริงบนท้องฟ้า และยังสอดคล้องกับปรัชญาพระเวทที่เชื่อว่า “จักรวาลภายนอก” (ब्रह्माण्ड – พฺรหมานฺฑะ) คือภาพสะท้อนของ “จักรวาลภายใน” (पिण्डाण्ड – ปิณฑานฺฑะ) คำว่า 'ปิณฑันทะ' มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า "จุลภาค" หรือ "ร่างกายของปัจเจกบุคคล" มาจากคำว่า 'ปิณฑัน' (ร่างกาย) และ 'อันทะ' (รูปไข่) ในปรัชญาอินเดีย “ปิณฑันทะ” เป็นแนวคิดสำคัญที่ใช้เปรียบเทียบกับ 'พรหมันฑะ' (มหภาค) หรือ จักรวาลของพระพรหมซึ่งแก่นแท้ของแนวคิดนี้คือ:
สิ่งใดก็ตามที่อยู่ในจักรวาลก็อยู่ในปัจเจกบุคคลเช่นกัน ร่างกายของปัจเจกบุคคลคือตัวแทนขนาดจิ๋วของจักรวาล ทฤษฎีนี้กล่าวว่าองค์ประกอบ พลังงาน และกระบวนการทั้งหมดของจักรวาลล้วนปรากฏอยู่ในปัจเจกบุคคลเช่นกัน
***ในการศึกษาโหราศาสตร์พระเวทเพื่อให้ได้เข้าถึงแก่น และเพื่อทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เราจำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้ “อภิปรัชญา” ของพระเวทสาขาต่างๆ ไปพร้อมๆ กัน
ระบบ “นิรายนะ”จำเป็นต้องใช้ค่าอายนางศะ
ในทางตรงกันข้าม โหราศาสตร์นิรายนะ เช่น โหราศาสตร์พระเวท กำหนดจุดเริ่มต้นของจักรราศีไว้ “ตามตำแหน่งจริงของกลุ่มดาว” ไม่ใช่ฤดูกาล จุดเมษ นิรายนะ = ตำแหน่งในท้องฟ้า “ตรงข้ามดาวจิตราปักษ์ (Spica)” และถือว่าตำแหน่งนี้ “คงที่” อยู่กับกลุ่มดาวฤกษ์(นักษัตร) แต่เพราะแกนโลกส่าย ทำให้จุดวิษุวัตในระบบสายนะ (Tropical) เลื่อนถอยหลังทุกปี ดังนั้น เพื่อให้ “จุดเมษของระบบนิรายนะ” กลับไปตรงกับกลุ่มดาวจริง เราจึงต้องหักออกด้วยค่า “อายนางศะ”

ประเภทของค่าอายนางศะ
คำว่า “อายนางศะ” มาจากคำว่า อายัน (अयन – อยน) แปลว่า “การเคลื่อนถอยของจุดวิษุวัต” (Precession) และคำว่า อางศะ (अंश – อํศ) แปลว่า “ส่วน” หรือ “องศา” ดังนั้น “อายนางศะ” หมายถึง “ค่าความต่างระหว่างจุดเริ่มต้นของจักรราศีตามระบบนิรายนะกับสายนะ”
***ดังนั้นหากกล่าวถึงคำว่า “องศา-ลิปดา-พิลิปดา” กรุณาอย่าเข้าใจว่าเป็นภาษาอังกฤษ เพราะคำว่า “องศา” มาจากคำว่า อางศะ (अंश – อํศ) แปลว่า “ส่วน” หรือ “องศา” ส่วนคำว่า ลิปดา และ พิลิปดา มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต คือ “ลิปฺตา” และ “วิลิปฺตา” ตามลำดับ ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของการวัดมุม
เมื่อนักดาราศาสตร์และโหราจารย์แต่ละสายต่างก็คำนวณ “จุดเริ่มต้นจักรราศี” แตกต่างกันไป จึงเกิด “ระบบอายนางศะ” หลากหลายแบบขึ้น เนื่องจากการคำนวณค่าดังกล่าวขึ้นอยู่กับ “จุดอ้างอิงของดาวฤกษ์” จึงมีนักโหราศาสตร์หลายสำนักกำหนด “ระบบอายนางศะ” ไว้ต่างกันไป ดังนี้
1.ลาหิรี อายนางศะ (लाहिरी अयनांश ) หรือ จิตราปักษ์ อายนางศะ ( चित्रपक्ष अयनांश )เป็นระบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอินเดียปัจจุบัน เสนอโดย ศาสตราจารย์ เอ็น. ซี. ลาหิรี (N. C. Lahiri) และได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการโดยรัฐบาลอินเดีย
จุดอ้างอิงของระบบนี้คือ “ดาวจิตราปักษ์” หรือดาว สไปกา (Spica / Alpha Virginis)
ซึ่งใช้เป็นจุดตรงข้ามของจุดวิษุวัต บนสุริยวิถีในปี ค.ศ. 285
2. รามัน อายนางศะ (रामन् अयनांश)
เสนอโดย ดร. บี. วี. รามัน (Dr. B. V. Raman) นักโหราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงระดับโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 20 อิงจากการคำนวณในคัมภีร์ สุริยสิทธานตะ (सूर्यसिद्धान्त) แม้ค่าจะต่างจากระบบลาหิรีเพียงเล็กน้อย แต่ยังคงให้ผลพยากรณ์ที่แม่นยำและใช้กันแพร่หลาย มีค่าต่างจาก Lahiri เพียงเล็กน้อย (ประมาณ 20′ – 30′ ) แต่ได้รับความนิยมในสายโหราศาสตร์วิชาการ โดยเฉพาะในสำนัก Bangalore Astrological Institute
3. กฤษณมูรติ อายนางศะ ( कृष्णमूर्ति अयनांश – กฤษฺณมูรติ อยนามศะ)
ใช้ในระบบ โหราศาสตร์ KP (कृष्णमूर्ति पद्धति ) ซึ่งโหราศาสตร์ KPเป็นโหราศาสตร์ฮินเดียยุคใหม่ ที่พัฒนาโดยท่าน ศรีกฤษณา มูรติ เน้นการพยากรณ์โดยใช้วิชาปรัศนศาสตร์ อ้างอิงจากตัวเลข 1-108 หรือ 1-249 ที่สัมพันธ์กับระบบวิมโษตรีทศา ทั้งมหาทศา และภุกติ เพื่อพยากรณ์เหตุการณ์เฉพาะช่วงเวลา จุดเด่นคือ การใช้ค่าอายนางศะที่ปรับละเอียดตามสมการคำนวณเชิงฟิสิกส์ ทำให้ผลทำนายมีความแม่นยำระดับ “วินาที”
4. เฟแกน–แบรดลีย์ อายนางศะ (Fagan–Bradley)
ระบบนี้มาจากโลกตะวันตก ใช้ใน “Western Sidereal Astrology” เป็นความพยายามของนักโหราศาสตร์ตะวันตกในการนำแนวคิด “จักราศีคงที่” มาประยุกต์กับศาสตร์ของตน แม้จะไม่ใช้ในโหราศาสตร์พระเวท แต่มีคุณูปการสำคัญในการเชื่อมสะพานความเข้าใจระหว่างสองโลกแห่งโหราศาสตร์
5. ยุกเตศวร อายนางศะ (युक्तेश्वर अयनांश)
โดยอ้างอิงจากทฤษฎีของสวามี ศรี ยุกเตศวร คิรี คุรุ มีการใช้ระบบนี้ในโหราศาสตร์สุริยคติบางรูปแบบเพื่ออธิบายการเคลื่อนตัวของวิษุวัต แม้ว่าระบบนี้จะยังไม่แพร่หลายในปัจจุบัน โดยท่านใช้วิธีคำนวณตามหลัก “โยคิกะดาราศาสตร์” เชื่อมระหว่างคัมภีร์สุริยสิทธานตะกับการรับรู้ทางจิต และถือว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคใหม่แห่งแสงสว่าง (सत्ययुगप्रवेश – สตฺยยุคปรเวศะ)
อายนางศะแบบใดดีที่สุด
มาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในโหราศาสตร์พระเวท คือ “ลาหิรี อายนางศะ” ถือเป็น มาตรฐานสากล และได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายที่สุด เพราะระบบนี้ได้รับการรับรองโดยรัฐบาลอินเดีย ให้ใช้เป็น “ค่าอ้างอิงหลักทางดาราศาสตร์และปฏิทินฮินดู”

ลาหิรี อายนางศะใช้ในศาสตร์ใดบ้าง
1. โหราศาสตร์พระเวทแบบดั้งเดิม ใช้ในการคำนวณดวงชะตา และตำแหน่งดาวเคราะห์
2. การคำนวณปฏิทินฮินดู (ปํญจางคะ) ใช้กำหนดฤกษ์มงคล ตามคัมภีร์ มูหูรตะ(मुहूर्त) วันทำพิธีกรรมต่างทางศาสนาฮินดู, และคำนวนปฏิทินจันทรคติ
3. การคำนวณทศาและการโคจรของดาวเคราะห์ ใช้ในการทำนายช่วงเวลาแห่งเหตุการณ์สำคัญในชีวิตเจ้าชะตา จากมหาทศา อันตรทศา และอนุทศาของดาวเคราะห์ที่ให้ผลในช่วงต่างๆของชีวิต
สรุป อายนางศะ แบบใดดีที่สุด
“หาใช่ท้องฟ้าหรือดวงดาวที่แตกต่าง — หากแต่เป็นมุมมองของผู้จ้องมองต่างหากที่ต่างกัน” อายนางศะที่ “ดีที่สุด” ขึ้นอยู่กับ แนวทางที่เราศึกษา หากต้องการ ความแม่นยำเชิงเทคนิคและการคำนวณทางดาราศาสตร์ → ใช้ ลาหิรี หากต้องการ ความละเอียดทางพยากรณ์ → ใช้ กฤษณมูรติ หากต้องการ ความเข้าใจเชิงจิตวิญญาณและโยคะ → ใช้ ยุกเตศวร ในที่สุดแล้ว “อายนางศะ” เป็นเพียงเครื่องมือ แต่ “จิตแห่งผู้รู้ฟ้าดิน” คือสิ่งที่ทำให้การอ่านและแปลความหมายของท้องฟ้าให้กลายเป็นศาสตร์แห่งปัญญา
สัจจะแห่งพระเวทและความจริงทางวิทยาศาสตร์
พระเวทรู้เรื่องนี้มาก่อนวิทยาศาสตร์หลายพันปี เมื่อคัมภีร์โบราณกล่าวว่า (अयनगतेः कारणं कालस्य चक्रं) (อยนคเตห์ การณัม กาลัสยะ จกรัม) “การส่ายของฟ้า คือกลไกแห่งวงล้อกาลเวลา” เราจึงเห็นว่า ทั้งนักดาราศาสตร์และมหาฤๅษีแห่งพระเวท ต่างมอง “ฟ้าเดียวกัน” — เพียงแต่ภาษาที่ใช้ต่างกันเท่านั้น ดังนั้น “วิชาว่าด้วยอายนางศะคือสะพานที่เชื่อมวิทยาศาสตร์กับธรรมะ”
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ในปัจจุบัน ล้วนได้จากงานวิจัยของนักดาราศาสตร์ยุคใหม่ มิใช่จากคัมภีร์โบราณโดยตรง แต่... เหล่ามุนี–ฤษีในสมัยพระเวท สมควรได้รับเกียรติอย่างสูงสุด เพราะท่านได้ “สังเกตและบันทึก” การเคลื่อนของจุดวิษุวัต (Precession of Equinox) มานับเป็นพันปีๆมาแล้ว ก่อนนักวิทยาศาสตร์โลกตะวันตก จะรู้จักสิ่งนี้เสียอีก! นี่คือ “ความสำเร็จยิ่งใหญ่” ของดาราศาสตร์ของพระเวท ซึ่งผูกโยงการสังเกตดาวฤกษ์ เข้ากับ “กาละ” หรือกาลเวลาได้อย่างสมบูรณ์
-------------------------------------------------------------------------------------------------
จบบทที่ 2
*******************************
#โหราศาสตร์ภาคคำนวน #โหราศาสตร์ภาคพยากรณ์ #สอนโหราศาสตร์ฟรี #อาจารย์ณภัทร #astroneemo #เรียนโหราศาสตร์ฟรี #เรียนโหราศาสตร์ #เรียนดูดวง #โหราศาสตร์พระเวท #โหราศาสตร์ไทย #โหราศาสตร์ภารตะ #โหราศาสตร์อินเดีย #อาศรมศรีจักนารท #บทเรียนโหราศาสตร์ #เรียนวิชาโหราศาสตร์ฟรี #เรียนโหราศาสตร์ออนไลน์ www.astroneemo.net https://www.facebook.com/groups/VedicAstrologyThailand
*******************************
***ประกาศ***
อาศรมศรีจักรนารท โดยอาจารย์ ณภัทร (AstroNeemo) ได้เริ่มเปิดสอน"โหราศาสตร์ภารตะ"หรือ"โหราศาสตร์พระเวท" ฟรี!!! ทางออนไลน์แล้ว
1.Facebook: กลุ่มโหราศาสตร์พระเวท https://www.facebook.com/groups/VedicAstrologyThailand
2.Website: https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-21-50/vedic-astrology-lesson.html
*******************************
สนใจดูดวงชะตาด้วย โหราศาสตร์พระเวท(ภารตะ) กับ อาจารย์ ณภัทร (AstroNeemo)
กรุณาคลิ๊กลิงก์นี้ครับ https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-20-37/211067-%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B0.html
*******************************
บริการของเรา
ดูฤกษ์ออกรถ ดูฤกษ์ยกเสาเอก ดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ดูฤกษ์เปิดกิจการใหม่ ดูฤกษ์จดทะเบียนบริษัท ดูฤกษ์แต่งงานพิธีไทย-ฤกษ์จดทะเบียนสมรส ดูฤกษ์เปลี่ยนชื่อ ดูฤกษ์ตั้งศาลพระภูมิ ดูฤกษ์เข้าทำงานใหม่ ดูฤกษ์ลาสิกขาบท ดูฤกษ์โกนผมไฟ ดูฤกษ์ผ่าคลอด ดูฤกษ์มงคลอื่นๆ
ดูฮวงจุ้ย-แก้ฮวงจุ้ย คำนวนดวงพิชัยสงคราม-เสริมดวง-แก้ดวง ดูดวงชะตาด้วยโหราศาสตร์พระเวท(โหรภารตะ)
กดติดตาม เพื่ออ่านบทความใหม่ๆ ผ่าน Facebook ของอาจารย์
*******************************
