และอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำลายผลของฤกษ์ยามได้มากเช่นเดียวกันก็คือ ดวงชาตา วาสนา โชคเคราะห์ของคนที่อยู่ใกล้ๆกับตัวเราในขณะใช้ฤกษ์ยามนั้น ดวงชาตาของคนไม่ดีที่อยู่ใกล้ๆก็จะส่งผลทำลายฤกษ์ยามมงคลของเราได้อย่างรุนแรงเช่นกัน เพราะตอนนั้นเป็นการผสานพลังงานของฤกษ์ยามของฟ้าดิน หากมีคนอื่นๆอยู่ใกล้ๆก็จะส่งพลังแทรกเข้ามาสู่ตัวเราได้ง่าย หากเป็นคนดวงไม่ดีมาอยู่ใกล้ๆแล้วก็ยิ่งต้องถอยห่าง เป็นกฏทางปรัชญาฮินดูที่บอกว่า อาตมัน เท่ากับ ปรมาตมัน หมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีลักษณะอย่างเดียวกันและมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันไปเป็นลูกโซ่ ส่งเสริมและหักล้างกันไปเป็นทอดๆ หรือ คนจีนมักจะเรียกลักษณะนี้ว่าเป็น"ชี่" และลักษณะที่ส่งผลทำลายนี้เรียกว่า"ดวงชง" คำว่า "ชง"ก็คือความหมายนี้
ดังนั้นวิธีการดูว่าชงกันหรือไม่ก็ไม่ต้องไปถามปีเกิดให้ยุ่งยาก เพียงพอรู้ประวัติ สถานภาพ บุคลิกนิสัย ใจคอ ก็พอจะดูว่าคนๆนี้จะเสริมดวงหรือพิฆาตดวงชาตาของเรา(สำหรับการทำงานมงคลต่างๆ) เช่นเป็นคนใจร้อน ก็แสดงว่า หากพาคนใจร้อนไปทำกิจการใดใดด้วย ผลลัพธ์ออกมาก็จะเป็นไปในทำนอง รีบร้อน ร้อนรน ทำอะไรได้ครึ่งๆกลางๆไม่สำเร็จ นี่ก็เป็นผลกระทบจาก "อาตมัน" "หรือ "ชี่" ของคนๆนั้นนั่นเอง (ภาษาชาวบ้านเรียกว่าชงกันหรือดวงชงกัน)
ตัวอย่างเช่น วันนี้ท่านจะไปออกรถใหม่ แต่ท่านนำเพื่อนที่เคยประสบอุบัติเหตุ หรือมีดวงอุบัติเหตุไปร่วมออกรถใหม่ด้วย รถของท่านก็อาจจะต้องประสบอุบัติเหตุตามดวงของเพื่อนด้วย หรือคนเคยติดคุก ติดตะราง เคยล้มเหลวในชีวิต(ยังไม่พื้นตัว) คนมีคดีความ คนดวงแตก แม่หม้าย พ่อหม้าย คนพิการ คนบ้านแตก คนอกตัญญู คนไร้ศีลธรรม ฯลฯ ก็ถือว่าเป็นดวงทำลายผลของฤกษ์มงคลทั้งสิ้น ดังนั้นก็ต้องสำรวจตรวจตราให้รอบคอบไม่ควรให้มาใกล้ตัวเรามากจนเกินไปหรือมาเป็นประธานในการทำพิธีมงคลต่างๆ แต่ถ้ามาเป็นแขก โบราณท่านไม่ห้าม
แต่ในทางกลับกัน หากเราได้คนดี มีศีลธรรม มียศศักดิ์ มีตำแหน่ง มีฐานะ มาร่วมทำพิธีในการมงคลต่างๆของเรา ก็จะยิ่งเป็นการเสริมดวง เสริมบารมีของเราให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป (เรียกว่าดวงฮะกัน) สมัยโบราณถือกันมากโดยเฉพาะพิธีแต่งงาน ซึ่งคนที่จะมาสวมมงคลให้กับคู่บ่าวสาวนั้นจะต้องเป็นผู้ที่มียศศักดิ์ มีฐานะ มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกหลานดี ก็จะถือว่าจะช่วยเสริมมงคลให้กับคู่บ่าวสาวมากยิ่งขึ้น
