
บทเรียนที่ 7 อิทธิพลของดาวเสาร์ และเคล็ดลับการพยากรณ์
ปรัชญาและรากฐานแห่งสรรพศาสตร์ โดยเฉพาะที่มาของวิทยาศาสตร์ กล่าวเอาไว้ว่า" วิทยาศาสตร์แรกเริ่มเดิมทีนั้น ถือกำเนิดขึ้นจาก "แรงบันดาลใจแห่งสัญชาตญาณ" และสิ่งที่เหล่า "มหาฤษี" หรือผู้หยั่งรู้ (ऋषि ) ได้ประจักษ์แจ้งในสภาวะแห่งจิตสำนึกขั้นสูง หรือในระดับ "จิตสำนึกแห่งจักรวาล" และที่เหนือกว่านั้น สิ่งเหล่านี้ได้กลายมาเป็นที่รู้จักในนามของ "ศาสตร์แห่งญาณทัศนะทั้ง 12 แขนง" ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจึงถูกขนานนามว่าเป็น "คัมภีร์พระเวท" ด้วยเหตุนี้ ศาสตร์ทั้งหลายเหล่านี้จึงถูกกล่าวขานว่ามีต้นกำเนิดมาจากเบื้องบน
คัมภีร์พระเวทเหล่านี้มิเคยถูกจารึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในเบื้องต้น แต่”พระเวท”เป็นสิ่งที่ "ได้ยินมา" หรือ “ศฺรุติ”หมายถึง การสดับรับฟังผ่านเสียงทิพย์แห่งจักรวาล และสิ่งที่เหล่ามหาฤษียังคงสดับฟังอยู่นั้น ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวอันเล็กน้อยของ "ศาสตร์ของพระเวทอันยิ่งใหญ่มหาศาลและไร้ขอบเขต" ซึ่งได้รับการนิยามว่าเป็นดั่ง "ลมหายใจของพระผู้เป็นเจ้า"
วันนี้ทำไมบทเรียนเรื่อง "ดาวเสาร์" จึงเริ่มต้นด้วยปรัชญาที่ลึกซึ้งเช่นนี้ ให้นักศึกษาพึงตระหนักว่า ในทางโหราศาสตร์ ดาวเสาร์ (ศนิ) คือตัวแทนของ "กาลเวลา" และ "ความจริงแท้" ดาวเสาร์คือครูผู้เคร่งครัดที่สอนให้เรารู้ว่า ความรู้ที่แท้จริงไม่ได้มาโดยง่าย แต่ต้องผ่านการเคี่ยวกรำของกาลเวลา และความอดทน
เฉกเช่นเดียวกับ "พระเวท" ที่เป็นความจริงอันเป็นนิรันดร์ ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลก การจะเข้าใจดาวเสาร์ จึงต้องเข้าใจรากฐานของความจริงเหล่านี้เสียก่อน ไม่ใช่เพียงแค่ท่องจำว่าเสาร์คือโทษทุกข์ แต่เสาร์คือ "ปรัชญาแห่งชีวิต" ที่ลึกซึ้งที่สุดในจักรราศี
ดาวเสาร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ศนิครหะ" (ดาวเสาร์) ในโหราศาสตร์พระเวท ถือว่ามีบทบาทสำคัญยิ่งทั้งในทางโหราศาสตร์และในเทพปกรณัมฮินดู ในฐานะที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นดาวเคราะห์แห่งระเบียบวินัย กฎแห่งกรรม และความยุติธรรม พลังงานของดาวเสาร์จึงมีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมความเพียรพยายาม ความรับผิดชอบ และการเติบโตทางจิตวิญญาณ
ในทางโหราศาสตร์พระเวท ตำแหน่งที่สถิตของดาวเสาร์ในดวงชะตากำเนิด จะเผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบทเรียนชีวิต อุปสรรคความท้าทาย ตลอดจนขีดความสามารถในการทำงานหนักและความอดทนอดกลั้นของเจ้าชะตา การทำความเข้าใจอิทธิพลของดาวเสาร์และการเรียนรู้วิธีสร้างสมดุลให้กับพลังงานของดาวดวงนี้ ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการก้าวข้ามอุปสรรค การบรรลุภาระหน้าที่แห่งกรรม และการประสบความสำเร็จในระยะยาว
ดาวเสาร์ในมุมมองดาราศาสตร์และโหราศาสตร์
เพื่อให้การศึกษาโหราศาสตร์พระเวทมีความลึกซึ้งสมบูรณ์ เราจำเป็นต้องพิจารณา "กายภาพ" (ดาราศาสตร์) เพื่อเชื่อมโยงสู่ "สภาวะธรรม" (โหราศาสตร์) ของดาวเสาร์ ดังนี้:
๑. มุมมองทางดาราศาสตร์
องค์ประกอบธาตุ : ดาวเสาร์จัดเป็น ดาวเคราะห์ก๊าซยักษ์ (Gas Giant) ไม่มีพื้นผิวแข็งให้เหยียบยืนเหมือนโลก บรรยากาศส่วนใหญ่ประกอบด้วย ไฮโดรเจน (Hydrogen - 96%) และ ฮีเลียม (Helium - 3%) บรรยากาศจึงมีแต่ลม ดาวเสาร์จึงเป็นดาวเคราะห์ธาตุลม(กลางธาตุ)หรือราศีกุมภ์ มีภูมิอากาศที่แปรปรวน มีพายุ และความหนาวเย็นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งดาวเสาร์ทางโหราศาสตร์ก็หมายถึงความหนาวเย็น
วงแหวน : เอกลักษณ์อันโดดเด่นที่สุดคือ "วงแหวน" ซึ่งประกอบด้วยก้อนน้ำแข็งและเศษหินจำนวนมหาศาล เปรียบเสมือน "ภาระ" หรือ "พันธนาการ" (วงแหวนแห่งกรรม) ที่ดาวเสาร์ต้องแบกรับไว้ตลอดเวลา
ขนาด : ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากดาวพฤหัสบดี มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 9 เท่าของโลก และมีปริมาตรที่สามารถบรรจุโลกได้ถึง 760 ใบ (โดยประมาณ)
ดาวบริวาร : ดาวเสาร์มีดวงจันทร์บริวารมากที่สุดในระบบสุริยะ (จากการค้นพบล่าสุดมีมากกว่า 146 ดวง) ดวงที่ใหญ่ที่สุดคือ ไททัน (Titan) ซึ่งเปรียบเสมือนบริวารหรือลูกน้องจำนวนมากที่ต้องดูแล (สอดคล้องกับความหมายของดาวเสาร์ที่เป็นเจ้าแห่งกรรมกรและชนชั้นแรงงาน)
การโคจร : ดาวเสาร์อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มาก จึงโคจรช้ามาก ใช้เวลาประมาณ 29.5 ปี ในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ
๒. มุมมองทางโหราศาสตร์
การโคจร : ในทางโหราศาสตร์ ดาวเสาร์ (ศนิ) คือ "เทพเจ้าแห่งความเชื่องช้า" (Manda) โคจรผ่าน 1 ราศี ใช้เวลาประมาณ 2 ปีครึ่ง (30 เดือน) โคจรครบรอบจักรราศี (12 ราศี) ใช้เวลาประมาณ 30 ปี การที่ดาวเสาร์อยู่นานในแต่ละราศี ทำให้ผลของกรรม (ทั้งดีและร้าย) ที่ส่งผลต่อเจ้าชะตานั้น "ยืดเยื้อและยาวนาน" กว่าดาวดวงอื่น
การเปรียบเทียบกับวรรณะทั้ง 4 ในคัมภีร์พระเวท มีการจัดจำแนกดาวเคราะห์ตามระบบวรรณะทางสังคม เพื่อบ่งบอกหน้าที่และบทบาท ดังนี้ วรรณะพราหมณ์ ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี และ ดาวศุกร์ วรรณะกษัตริย์ ได้แก่ ดาวอาทิตย์ และ ดาวอังคาร วรรณะแพศย์ ได้แก่ ดาวจันทร์ และ ดาวพุธ วรรณะศูทร ได้แก่ ดาวเสาร์ (ศนิ)
ความหมายของดาวเสาร์ในฐานะ "ศูทร"ดาวเสาร์ไม่ได้หมายถึงความต่ำต้อยในเชิงดูถูก แต่หมายถึง "ผู้รับใช้" , "ชนชั้นแรงงาน" และ "ผู้แบกรับภาระ" ของสังคม ดาวเสาร์คือรากฐานของสังคมและดวงชะตาของทุกๆคน หากขาดซึ่งแรงงานและผู้เสียสละ (ศูทร) สังคมของพราหมณ์และกษัตริย์ย่อมพังทลายลง ดาวเสาร์จึงเป็นตัวแทนของ ความอดทน , ความอ่อนน้อมถ่อมตน , และ การทำงานหนัก
เคล็ดลับการพยากรณ์ : การตีความ "วรรณะศูทร" ในยุคดิจิทัล นักโหราศาสตร์รุ่นใหม่พึงระลึกว่า อย่าตีความดาวเสาร์ว่าเป็นเพียง "ทาส" หรือ "คนรับใช้" ตามบริบทสังคมอินเดียโบราณเพียงอย่างเดียว ในโลกปัจจุบัน ดาวเสาร์ (ศูทร) หมายถึง "ระบบอุตสาหกรรม" (Industry), "สหภาพแรงงาน", "เครื่องจักรกลหนัก", หรือแม้แต่ "วิศวกรโยธา" ที่ต้องคลุกคลีกับฝุ่นโคลนเพื่อสร้างตึกระฟ้า
ผู้ที่มีดาวเสาร์เด่นในดวงชะตา จึงมักจะเป็น "ผู้สร้าง" ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่นักพูดที่เพ้อฝัน หรือนักรบที่บ้าอำนาจ แต่คือผู้ลงมือทำอย่างจริงจัง จนประสบความสำเร็จด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของตนเอง นี่คือความยิ่งใหญ่ของ "วรรณะศูทร" ในยุคโลกาภิวัตน์
ตำแหน่งอิทธิพลของดาวเสาร์ เกษตร อุจจ์และตำแหน่งนิจ
ดาวเสาร์เป็นดาวเกษตรครองราศีมังกร (ธาตุดิน, เน้นการปฏิบัติจริง) และราศีกุมภ์ (ธาตุลม, มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และมองการณ์ไกล) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติคู่ขนานของดาวเสาร์ที่มีทั้งความระเบียบวินัยและวิสัยทัศน์ ดาวเสาร์ทำหน้าที่เป็น "ดาวเกษตร" ในสองราศีที่แตกต่างกัน:
1.ราศีมังกร เป็นจรราศีแม่ธาตุดิน แสดงถึงความหนักแน่น การทำงานหนัก และการสร้างโครงสร้างทางสังคม
2.ราศีกุมภ์ เป็นสถิรราศีธาตุลม แสดงถึงปัญญาญาณ การปฏิวัติ และการมองไปยังอนาคต สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า ดาวเสาร์ไม่ได้มีแค่ความเคร่งครัดแบบอนุรักษ์นิยมเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นนักวางแผนระยะยาวที่มีวิสัยทัศน์ อีกด้วย
3.อุจจ์ ดาวเสาร์สถิตใน ราศีตุลย์ จะทรงพลังที่สุด เพราะราศีตุลย์เป็นเรือนของพระศุกร์ที่เน้นเรื่องความสมดุลและความยุติธรรม ซึ่งสอดคล้องกับธรรมชาติของดาวเสาร์ที่เป็นผู้พิพากษา
4.นิจ: ดาวเสาร์จะอ่อนกำลังที่สุดใน ราศีเมษ ซึ่งเป็นเรือนของพระอังคาร เพราะราศีเมษเต็มไปด้วยพลังงานที่ใจร้อนและวู่วาม ความผลีผลาม ซึ่งขัดแย้งกับธรรมชาติที่เชื่องช้าและรอบคอบของดาวเสาร์อย่างสิ้นเชิง
5.อิทธิพลในภพเรือนต่างๆ
ดาวเสาร์จะมีกำลังเข้มแข็งมากเมื่อสถิตในภพที่ 10 (การงานและกรรม) และภพที่ 11 (ลาภผลและเครือข่ายสังคม) แต่จะกลายเป็นเรื่องท้าทายหากไปสถิตในภพที่ 1, 8 หรือ 12 เว้นแต่จะได้รับมุมสัมพันธ์ที่ดีจากดาวศุภเคราะห์
ภพที่ให้คุณ: ดาวเสาร์ชอบเรือนอุปจัย (เรือนแห่งการเจริญเติบโต) โดยเฉพาะ ภพที่ 10 ซึ่งเกี่ยวข้องกับหน้าที่การงาน และ ภพที่ 11 ซึ่งคือความสำเร็จและรายได้
ภพที่ท้าทาย: หากดาวเสาร์อยู่ใน ภพที่ 1 มักทำให้เจ้าชะตาเคร่งเครียด, ภพที่ 8 อาจนำมาซึ่งความเจ็บป่วยเรื้อรัง, หรือ ภพที่ 12 อาจหมายถึงการสูญเสียหรือความโดดเดี่ยว
ตำนานการกำเนิดของดาวเสาร์ (ศนิเทพ)
ตามเทพปกรณัมฮินดู ดาวเสาร์ หรือศนิเทพ เป็นโอรสของพระสุริยะ (พระอาทิตย์) และนางฉายา ผู้เป็นชายาเงาของนางสัญญา ชายาคนแรกของพระสุริยะ การกำเนิดของดาวเสาร์นั้นเปี่ยมไปด้วยนัยสำคัญทางจักรวาลและสัญลักษณ์แห่งกรรม กล่าวกันว่าเมื่อแรกประสูติ การจ้องมองอันเข้มข้นรุนแรงของดาวเสาร์ทำให้ราชรถของพระบิดาต้องหยุดชะงักลง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงพลังอำนาจของพระองค์ที่สามารถส่งอิทธิพลเหนือแม้กระทั่งพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล
ดาวเสาร์ได้รับการเคารพบูชาในฐานะเทพแห่งระเบียบวินัย ความยุติธรรม และกฎแห่งกรรม บทบาทของพระองค์ในเทพปกรณัมฮินดูคือครูผู้เข้มงวดแต่มีความยุติธรรม คอยดูแลให้ทุกดวงจิตได้รับผลจากการกระทำของตน ไม่ว่าจะดีหรือร้าย แม้ว่าดาวเสาร์จะมีชื่อเสียงในทางโหราศาสตร์ว่าเป็นดาวบาปเคราะห์ (ดาวที่ให้โทษ) แต่จุดมุ่งหมายสูงสุดของดาวเสาร์คือการนำทางผู้คนไปสู่การเติบโตทางจิตวิญญาณและการหลุดพ้น ด้วยการสอนให้รู้จักความอดทน ความอดกลั้น และความอ่อนน้อมถ่อมตน
ตำนานของดาวเสาร์ยังกล่าวถึงความภักดีอย่างลึกซึ้งที่พระองค์มีต่อพระศิวะอีกด้วย เชื่อกันว่าดาวเสาร์ได้บำเพ็ญตบะอย่างหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งปัญญาและพรสวรรค์ในการมอบความยุติธรรมตามกฎแห่งกรรมอย่างไม่ลำเอียง เรื่องราวของพระองค์มักเน้นย้ำในประเด็นเรื่องความเพียรพยายาม ความสมดุล และการกระทำที่ชอบธรรม ทำให้พระองค์เป็นบุคคลสำคัญในการนำทางมนุษยชาติให้ก้าวผ่านความซับซ้อนของชีวิตและกฎแห่งกรรม
เวลาสากลและแนวคิดเรื่องกาลเวลา
ดาวเสาร์ในฐานะตัวแทนแห่งกาลเวลา และกาลเวลาคืออะไร ในทางภูมิศาสตร์และดาราศาสตร์-โหราศาสตร์ เราทราบกันดีว่า หนึ่งองศาของเส้นลองจิจูด มีค่าเท่ากับเวลา 4 นาที ดังนั้น การคำนวณเวลาจึงต้องอ้างอิงจากเส้นลองจิจูดเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม การคำนวณหาเวลา อาทิตย์อุทัย และ ลัคนา จำเป็นต้องอาศัยค่า ละติจูด (เส้นรุ้ง) เข้ามาร่วมด้วย เพื่อคำนวณหา”เวลาท้องถิ่น” ซึ่งค่าทางคณิตศาสตร์เหล่านี้จะแปรเปลี่ยนไปตามพิกัดละติจูดของแต่ละสถานที่
แนวคิดเรื่อง "กาลเวลา" ในทางโหราศาสตร์พระเวท วางรากฐานอยู่บนปรากฏการณ์ทางฟากฟ้าที่สำคัญ 2 ประการ คือ การหมุนรอบตัวเองของโลก และ การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
ทำไมจึงจำเป็นต้องศึกษาเรื่องนี้ เพราะ "ลัคนา" (ตัวตนของเรา) เปลี่ยนไปตามการหมุนรอบตัวเองของโลก (ทุกๆ 2 ชั่วโมงโดยประมาณ) ในขณะที่ "ราศีเกิด”ที่คำนวนจากการโคจรของดาวอาทิตย์" (ตัวตนภายนอก) เปลี่ยนไปตามการโคจรรอบดวงอาทิตย์ (ทุกๆ 1 เดือน)
โหราศาสตร์พระเวทให้ความสำคัญกับ "ลัคนา" มากกว่า เพราะมันคือจุดที่เฉพาะเจาะจงที่สุดสำหรับบุคคลนั้นๆ ที่เกิด ณ พิกัดนั้น และเวลานั้นจริงๆ ครับ ดังนั้นการผูกดวงที่แม่นยำ จึงขาดความเข้าใจเรื่องลองจิจูดและละติจูดไปไม่ได้เลย
เคล็ดลับการพยากรณ์-โหราศาสตร์พระเวทก็ยังให้ความสำคัญกับดาวจันทร์ในดวงชะตา(ชนมราศี)เสมอด้วยลัคนา เพราะลัคนาคือตัวตนของเจ้าชะตา ส่วนดาวจันทร์แสดงถึงจิตใจเบื้อลึกของเจ้าชะตา ในการพยากรณ์จึงจำเป็นต้องพยากรณ์ดวงชะตาจาก 2 ตำแหน่งนี้เสมอ เช่น ในกรณีที่ลัคนาอ่อนแอไม่เข้มแข็งเราก็จะใช้ชนมราศีหรือตำแหน่งดาวจันทร์แทนลัคนา หรือใช้ผสมทั้งสองอย่าง เพื่อให้คำพยากรณ์มีมิติที่ลึกลงไปกว่าการพยากรณ์จากลัคนาแต่เพียงอย่างเดียว
ซึ่งการใช้จันทร์แทนลัคนามีใช้กันมานานับพันๆปีมาแล้วในระบบของโหราศาสตร์พระเวท เพราะสมัยโบราณไม่มีนาฬิกาแขวนประจำตามบ้านเรือนเหมือนในสมัยนี้ เพราะนาฬิกามีแพร่หลายไม่เกิน 100 ปีมานี้เอง แต่โหราศาสตร์มีมากว่า 5000 ปี และเมื่อไม่มีเวลาเกิดโหรสมัยนั้นทำนายดวงชะตาด้วยอะไร
ดังนั้นเวลาเกิดของคนในสมัยนั้นมักจะมาจากความทรงจำ และการกะเวลาโดยประมาณ และการใช้จันทร์อย่างเดียวโดยไม่ใช้ลัคนา(เพราะเวลาเกิดไม่แน่นอน) ก็เป็นหลักการพยากรณ์ในยุคพันๆปีที่ผ่านมา ดังนั้นในการพิจารณาดวงชะตาจำเป็นต้องพิจารณาดาวจันทร์ประกอบด้วยเสมอ พร้อมๆกับตั้งดวงกาลชะตาประกอบเพิ่มอีกเพื่อการพยากรณ์ที่รัดกุมและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
บทบาทของดาวเสาร์ในการพยากรณ์ดวงชะตา
ดาวเสาร์ (ศนิ) ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในระบบสุริยะ (รองจากดาวพฤหัสบดี) ถือเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในทางโหราศาสตร์
ด้วยขนาดที่ใหญ่โตมโหฬาร ดาวเสาร์สามารถบรรจุโลกของเราเข้าไปได้ถึง 700 ใบ! ในทางโหราศาสตร์ ดาวเสาร์คือ "ตัวบ่งชี้" หรือ "ดาวเจ้าการ" “หรือดาวการกะ” แห่ง โทษทุกข์และความเศร้าโศก
อย่างไรก็ตาม หากดาวเสาร์ให้คุณ หรือมีความเข้มแข็งในดวงชะตา เจ้าชะตาผู้นั้นจะกลายเป็น "ผู้มีปัญญาญาณ" ผู้ซึ่งสามารถหลุดพ้นจากบ่วงแห่งความทุกข์โศกทั้งปวงได้
ในทางตรงกันข้าม หากดาวเสาร์อ่อนแอ (นิรฺพละ) เจ้าชะตามักจะมีนิสัยโศกเศร้า หดหู่ ซึมเศร้า และไม่สามารถดิ้นรนให้หลุดพ้นจาก "ข่ายใยแห่งความทุกข์ในวัฏฏะ" หรือความทุกข์ทางโลกได้เลย
ลักษณะต้นแบบของดาวเสาร์
ในโครงสร้างต้นแบบระดับจักรวาล ดาวเสาร์เป็นตัวแทนของระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ และการล่วงเลยไปของกาลเวลา ดาวเสาร์รวบรวมหลักการแห่งโครงสร้าง ความมีระเบียบ และความยุติธรรมตามกฎแห่งกรรม ซึ่งมักนำมาซึ่งความท้าทายเพื่อช่วยให้บุคคลเติบโตแข็งแกร่งขึ้นและมีปัญญามากขึ้น ในขณะที่พระอาทิตย์เป็นสัญลักษณ์ของพลังชีวิตและการกระทำ ดาวเสาร์จะเข้ามาเติมเต็มพลังงานนี้ด้วยการปลูกฝังความอดทนและความอดกลั้นเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ
ดาวเสาร์สอนบทเรียนเรื่องการปล่อยวาง การควบคุมตนเอง และความอ่อนน้อมถ่อมตน อิทธิพลของดาวเสาร์ส่งเสริมให้บุคคลยอมรับการทำงานหนักและเผชิญหน้ากับความกลัวของตน โดยคอยเตือนใจว่ารางวัลที่ยั่งยืนจะมาถึงได้ก็ด้วยความพยายามอย่างสม่ำเสมอและการยึดมั่นในธรรมะ (หน้าที่ที่ชอบธรรม) เท่านั้น
เรื่องราวและลักษณะต้นแบบของดาวเสาร์ (ศนิเทพ) เตือนใจเราว่าความยากลำบากไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นโอกาสสำหรับการเติบโตและการตระหนักรู้ในตนเอง การปรับตัวให้สอดคล้องกับพลังงานของดาวเสาร์ จะช่วยให้บุคคลสามารถนำพาชีวิตผ่านพ้นความท้าทายต่างๆ ไปได้อย่างสง่างาม และปรากฏตัวออกมาแข็งแกร่งขึ้น มีปัญญามากขึ้น และสอดคล้องกับวิถีทางจิตวิญญาณมากขึ้น
เคล็ดลับการพยากรณ์-ในยุคปัจจุบัน เรามักได้ยินคำว่า "โรคซึมเศร้า" (Depression) กันบ่อยครั้ง ในทางโหราศาสตร์พระเวท ดาวเสาร์ที่อ่อนแอหรือถูกเบียนนี่แหละคือ "ตัวการ" แต่พึงระลึกไว้เสมอว่า "เสาร์คือดาบสองคม" คมหนึ่งคือความทุกข์ที่กัดกินใจ
แต่อีกคมหนึ่งคือ "ปัญญาที่เกิดจากความทุกข์" ผู้ที่ผ่านความทุกข์มาอย่างสาหัสเท่านั้น จึงจะเข้าใจสัจธรรมของชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง พระพุทธองค์ก็ทรงเห็น "ทุกข์" ก่อน จึงแสวงหา "ธรรม" จนตรัสรู้ ดังนั้น หากเห็นดาวเสาร์เด่นในดวงใคร อย่าเพิ่งทายว่าร้าย ให้มองลึกไปถึงศักยภาพในการเป็น "ปราชญ์" หรือ "ผู้ที่มีความอดทนและมีความเพียรเป็นเลิศ" ของเขาด้วย

อิทธิพลของดาวเสาร์ในเรือนทั้ง 12
หลังจากที่เราได้ทำความเข้าใจปรัชญาแห่ง "ความทุกข์" และ "กาลเวลา" ของดาวเสาร์ไปแล้ว ในส่วนนี้เราจะมาเจาะลึกอิทธิพลของ ดาวเสาร์ (शनि –พระศนิ) เมื่อสถิตอยู่ในเรือนชะตาต่างๆ ทั้ง 12 เรือน ดังนี้
๑. ดาวเสาร์ในลัคนา
ดาวเสาร์เมื่อสถิตใน ลัคนา ถือว่าให้ผลไม่สู้ดีนักในแง่ของ สุขภาพ เจ้าชะตามักจะมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนในช่วงวัยเด็ก และมักจะถูกความ เกียจคร้าน หรือความเฉื่อยชาครอบงำอยู่เสมอ
เคล็ดลับการพยากรณ์: ตามกฎ "ดาวการกะ" ดาวเสาร์เป็นตัวแทนของความล่าช้า เพราะเป็นดาวโคจรช้า เมื่อกุมลัคนา (ตัวตน) จึงทำให้เจ้าชะตาทำอะไรเชื่องช้า คิดมาก หรือดูอมทุกข์ แต่ในทางกลับกัน หากดาวเสาร์ได้ตำแหน่งดี เช่น เป็นเกษตรในราศีมังกร หรือ กุมภ์ หรือเป็นอุจจ์ในราศีตุลย์ จะก่อให้เกิดโยคดีขึ้นเรียกว่า "ศาศะ โยค" ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าของปัญจมหาบุรุษโยค ทำให้เจ้าชะตามีอำนาจวาสนา เป็นผู้นำชุมชนหรือองค์กรได้เช่นกัน ดังนั้นอย่าเมื่อเห็นดาวเสาร์ก็อย่าเพิ่งทายเสีย แต่ก็ต้องดู "มาตรฐานดาว" ประกอบเสมอ
๒. ดาวเสาร์ในเรือนที่ 2
ในเรือนที่ 2 (เรือนกฎุมพะ) ดาวเสาร์มักทำให้เจ้าชะตาเป็นผู้ที่ ไม่เคยพอ ในทรัพย์สิน หรือมักรู้สึกขาดแคลน มีแนวโน้มที่จะ พูดจาไม่จริง (อสตฺยะ) มักจะได้ไปใช้ชีวิตอยู่ใน ต่างแดน แต่หากดาวเสาร์มีกำลังหรือได้ตำแหน่งดีเป็รอุจน์เป็นเกษตรก็จะทำให้มีข้อดีคือ เจ้าชะตาจะเป็นผู้ที่ รักความยุติธรรม
เคล็ดลับการพยากรณ์: มีโยคร้ายอยู่โยคหนึ่งที่ทำให้คนมักชอบพูดโกหก หลอกลวง เรียกว่า โดยหากดาวเจ้าเรือนที่ 2 ไปสถิตในเรือนที่ 2 จากเสาร์ในดวงชะตา ก็จะกลายเป็น “อสัตยะวจีโยค”ต่อให้ดาวเสาร์จะได้ตำแหน่งดีอย่างไร โยคร้ายนี้ก็ยังคงอยู่ แต่จะทำให้การโกหกแนบเนียนมากยิ่งขึ้นจนแทบไม่มีใครจับได้
๓. ดาวเสาร์ในเรือนที่ 3
ดาวเสาร์ในเรือนที่ 3 (เรือนสหัชชะ) ส่งผลให้เจ้าชะตาเป็นผู้ที่มี สติปัญญาดีเยี่ยม และมีจิตใจที่กว้างขวาง และเจ้าชะตาจะเป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็ง รักการผจญภัย จะมีพรั่งพร้อมด้วยบริวาร และมีความสุขสบายในบั้นปลายชีวิต
เคล็ดลับการพยากรณ์: เรือนที่ 3 เป็นเรือน "อุปจัย" (เรือนแห่งการพยายามและการเติบโต) หลักการก็คือเมื่อดาวบาปเคราะห์สถิตย์ในเรือนอุปจัยจะให้คุณมากกว่าให้โทษ และดาวบาปเคราะห์อย่างเสาร์เมื่อมาอยู่ในเรือนนี้ จะให้ผลดีมากในเรื่องความกล้าหาญ ความมีน้ำอดน้ำทนและมีความพยายาม ยิ่งอายุมาก จะยิ่งประสบความสำเร็จ
๔. ดาวเสาร์ในเรือนที่ 4
การที่ดาวเสาร์ครองเรือนที่ 4 (เรือนพันธุ) บ่งบอกถึงโรคภัยที่เกี่ยวกับ หัวใจ และปัญหาเกี่ยวกับจิตใจ เจ้าชะตามักขาดความสุขและความสงบทางใจ อาจมีนิสัยไม่ซื่อตรง และมักจะเป็นผู้ที่ชอบฝ่าฝืนกฎระเบียบของสังคมหรือเป็นพวกที่ชอบต่อต้านสังคม และมีเกณฑ์ต้องพลัดพรากไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง
เคล็ดลับการพยากรณ์: คำว่าพลักพรากไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง หรือต่างประเทศ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีสำหรับคนโบราณในบริบททางสังคมในยุคสมัยนั้น แต่ในยุคปัจจุบันการที่ได้ไปอยู่ต่างถิ่นต่างเมืองหรือต่างประเทศก็อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป อาจจะกลับกลายเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำไป
๕. ดาวเสาร์ในเรือนที่ 5
หากดาวเสาร์สถิตในเรือนที่ 5 (เรือนปุตตะ) เจ้าชะตาจะขาดความสุขและความพึงพอใจจาก บุตร หรือ บริวาร เจ้าชะตาจะมีสติปัญญาที่ไม่เฉียบแหลมนัก และมีจิตใจรวนเรไม่มั่นคง แต่อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งนี้มักส่งผลให้เจ้าชะตามี อายุยืนยาว
เคล็ดลับการพยากรณ์: เรื่อนที่ 5 เป็นเรือนปุตตะ หมายถึงบุตร บริวาร และรวมไปถึงการตั้งครรภ์ การแต่งงาน การลงทุน การตัดสินใจ การศึกษาชั้นสูง ฯลฯ หากดาวเสาร์มาสถิตย์ในเรือนนี้ย่อมทำลายความหมายดีดีในเรือนนี้ลงไป หรือ อาจจะทำให้ล่าล้าออกไปอีก โดยปกติและเจ้าชะตาจะได้รับผลดีในบั้นปลายอายุ เช่น มีบุตรตอนแก่
๖. ดาวเสาร์ในเรือนที่ 6
ดาวเสาร์ในเรือนที่ 6 (เรือนอริ) คือ ผู้ทำลายล้างศัตรูคู่แข่งขัน เจ้าชะตาจะชื่นชอบในความสุขทางโลก และมักจะเป็นคนกินจุ หรือชื่อชอบในรสอาหาร จะมีอาชีพมั่นคงและจะมั่งคั่งร่ำรวย
เคล็ดลับการพยากรณ์: เรือนที่ 6 ก็เป็นเรือน "อุปจัย" เช่นกัน ดาวเสาร์ในเรือนนี้จะทำให้เจ้าชะตาเป็นนักสู้ที่กัดไม่ปล่อย ศัตรูหน้าไหนก็ทำอะไรไม่ได้ และมักจะรวยจากการแก้ปัญหา เช่น ทนายความ, แพทย์, ที่ปรึกษา หรือเป็นนักธุรกิจ
๗. ดาวเสาร์ในเรือนที่ 7
เจ้าชะตาจะมีสถานะเปรียบประดุจดั่ง ราชา เนื่องจากดาวเสาร์เป็นดาวแห่งการหลุดพ้น และเมื่อสถิตในเรือนที่ 7 จะได้รับ "ทิคะพล" หรือกำลังที่ได้จากทิศหรือตำแหน่งที่สถิต(จากระบบษัฑพละ) อย่างเต็มที่ แต่เหรียญย่อมมีสองด้าน มักจะมีนิสัยด้านลบพัฒนาขึ้นมาด้วย เช่น การขาดความสงบทางใจ ขาดความสุข และมีความเกียจคร้านแฝงอยู่
เคล็ดลับการพยากรณ์: การดูกำลังของดาวเคราะห์นอกจากจะดูจากการได้ตำแหน่งอุจน์ เกษตรแล้ว ยังต้องจากระบบประกำลังของดาวเคราะห์ เรียกว่า ระบบษัฑพละ เพราะดาวเสาร์จะได้กำลังดีจาก”ทิคะพละ”หากสถิตในเรือนที่ 7 กรุณาศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ “ษัฑพละกำลังของดวงดาว” https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-21-50/2016-09-26-02-29-18/61-2014-07-08-05-35-30.html
๘. ดาวเสาร์ในเรือนที่ 8
ตำแหน่งนี้ถือเป็นตำแหน่งที่ให้ผลร้าย ทำให้เจ้าชะตามีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วยได้ง่าย เจ้าชะตาอาจมีนิสัยไม่ซื่อตรง มีความโศกเศร้า และมักจะถูก ทอดทิ้งจากญาติพี่น้อง
เคล็ดลับการพยากรณ์: ตามตำราส่วนใหญ่ "เสาร์ในเรือน 8" มักหมายถึง อายุยืน (เพราะเสาร์คือ อายุสการกะ อยู่ในเรือน อายุสถาน) แต่ชีวิตจะเต็มไปด้วยความทุกข์หรือโรคเรื้อรังตามคุณลักษณะของดาวเสาร์ที่กล่าวไว้ ดังนั้นต้องแยกแยะระหว่าง "ปริมาณ" (อายุยืน) กับ "คุณภาพ" (ความสุข) ของชีวิตออกจากกัน
๙. ดาวเสาร์ในเรือนที่ 9
การที่ดาวเสาร์ครองเรือนที่ 9 (เรือนศุภะ) มักทำให้เจ้าชะตาเป็นคน อวดดี มีอัตตาสูง มักจะขัดสนทรัพย์สิน และขาดความสุขจากบิดา หรืออาภัพบิดา มักหมกมุ่นในการกระทำที่เป็นบาป เจ้าชะตาจะมีความเชี่ยวชาญใน การสงคราม การต่อสู้ และอาจจะมีความสุขกับการได้ทรมานผู้อื่นหรือทรมานสัตว์
เคล็ดลับการพยากรณ์: เรือนศุภะเป็นเรือนของบิดาในโหราศาสตร์ภารตะเพราะนับจากเรือนที่ 9 ไปยังเรือนที่ 5 ก็จะเป็นภพปุตตะ(ลูก) และนับจากภพปุตตะคือเรือนที่ 5 ไปเรือนที่ 9 ก็คือลูก ดังนั้นภพที่ 9 จึงหมายถึงบิดาของเจ้าชะตา ส่วนภพที่ 4 ก็จะเป็นภพของมารดา (กรณีนี้หมายถึงเรือน)
ส่วนอีกทฤษฏีหนึ่งในเรื่องการกะ หากเจ้าชะตาเกิดกลางวัน ดาวอาทิตย์และจันทร์ เป็นการกะของบิดาและมารดา และหากเจ้าชะตาเกิดกลางคืน ดาวเสาร์และศุกร์ เป็นการกะของบิดาและมารดา (กรณีนี้หมายถึงดาว) ดังนั้นการพยากรณ์ดาวหรือเรือน ในเรื่องบิดามารดา ขอให้นักศึกษาพิจารณาโดยแยบคายอย่างที่สุด
๑๐. ดาวเสาร์ในเรือนที่ 10
ตำแหน่งที่ให้คุณ ของดาวเสาร์ในเรือนนี้ จะส่งผลให้เจ้าชะตาเป็นผู้คงแก่เรียน มีสติปัญญา มีความเป็นชายชาตรี และจะได้เป็น ผู้นำ จะมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดี แต่เจ้าชะตามักจะเปลี่ยนอาชีพอยู่บ่อยครั้ง
เคล็ดลับการพยากรณ์: เรือนที่ 10 คือเรือนกัมมะ (การงาน) ดาวเสาร์คือดาวแห่งการงาน คือเป็น “กรรมมะ การกะ” โดยธรรมชาติ อีกทั้งเป็นเรือนอุปปัจจัย เมื่อมาสถิตเรือนนี้จึงให้ผลดีมากในเรื่องความรับผิดชอบและอำนาจ แต่ด้วยความที่เสาร์คือ "ความไม่แน่นอน ความล่าช้า และความทุกข์" จึงทำให้ต้องมีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงตำแหน่งบ่อยๆ หรือต้องแบกรับภาระหนักกว่าคนอื่น
๑๑. ดาวเสาร์ในเรือนที่ 11
นี่คือตำแหน่งที่ดีที่สุด สำหรับดาวเสาร์ ดาวเสาร์ที่สถิตในเรือนที่ 11 อีกทั้งเป็นเรือนอุปปัจจัยจะส่งผลให้เจ้าชะตาเป็นผู้ที่มี ความมุ่งมั่นตั้งใจสูงอย่างยิ่ง มีสุขภาพดี ร่ำรวย และมีปัญญา เจ้าชะตาจะได้รับความโปรดปรานจากผู้มีอำนาจ อาจมีความสามารถเชิงช่าง เช่น เป็นช่างแกะสลัก หรือประติมากรที่มีฝีมือ และมีบริวารจำนวนมาก
เคล็ดลับการพยากรณ์: เรือนที่ 11 นอกจากจะเป็นเรือนอุปปจัยและก็ยังเป็นเรือน”ตรีษะฑายะ” (เรือนที่ 3,6,11) เรือนที่ให้โทษแก่ดวงชาตา หมายความว่าเรือนนี้ให้โทษ 2 สถาน แต่เมื่อมีดาวบาปเคราะห์มาสถิตย์ ก็ย่อมกลับกลายเป็นให้คุณไป ทั้งนี้นักศึกษาต้องแยกแยะผลร้ายและข้อยกเว้นต่างๆระหว่างเรือน ทุสถานะ(6,8,12) เรือนอุปปัจจัย(3,6,10,11) และเรือนตรีษัฑายะ (3,6,11)
เรือนตรีษะฑายะ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-21-50/2016-09-26-02-29-18/49-2010-01-14-07-49-04/1890-3611.html
๑๒. ดาวเสาร์ในเรือนที่ 12
ในเรือนที่ 12 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ให้ผลร้าย ดาวเสาร์จะทำให้เจ้าชะตา ปราศจากความสุขและทรัพย์สิน มักจะถูกรุมเร้าด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ตกเป็นเป้าของ กลอุบายจากศัตรู ไปที่ไหนก็มักจะเผชิญกับความพ่ายแพ้ เป็นคนไร้ความปรานี และมักต้องใช้ชีวิต ห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอน
เคล็ดลับการพยากรณ์: ดาวเสาร์หากอยู่ในภพที่ 12 อาจจะทำให้รายจ่ายมากขึ้น แต่ดาวเสาร์กลับให้คุณทางด้านการพัฒนาทางจิตวิญญาณ เมื่อมาอยู่ภพที่ 12 ทำให้เจ้าชะตาสนใจที่จะพัฒนาจิตวิญญาณ สนในศาสนา และไม่สนใจในการแสวงหาความสุขทางวัตถุมากนัก
--------------------------------------------------------------------------------------
***ประกาศ***
อาศรมศรีจักรนารท โดย อ.ณภัทร ศรีจักรนารท (AstroNeemo) ได้เริ่มเปิดสอน"โหราศาสตร์ภารตะ"หรือ"โหราศาสตร์พระเวท" ฟรี!!! ทางออนไลน์แล้ว
1.Facebook: กลุ่มโหราศาสตร์พระเวท https://www.facebook.com/groups/VedicAstrologyThailand
2.Website: https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-21-50/vedic-astrology-lesson.html
3.TikTok : astroneemo
*******************************
สนใจดูดวงชะตาด้วย โหราศาสตร์พระเวท(ภารตะ) กับ อ.ณภัทร ศรีจักรนารท (AstroNeemo)
เส้นทางไปบ้านอาจารย์ https://maps.app.goo.gl/LKz3vbnMDU5Qnu3P6
กรุณาคลิ๊กลิงก์นี้ครับ https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-20-37/211067-%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B0.html
*******************************
บริการของเรา
ดูฤกษ์ออกรถ ดูฤกษ์ยกเสาเอก ดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ดูฤกษ์เปิดกิจการใหม่ ดูฤกษ์จดทะเบียนบริษัท ดูฤกษ์แต่งงานพิธีไทย-ฤกษ์จดทะเบียนสมรส ดูฤกษ์เปลี่ยนชื่อ ดูฤกษ์ตั้งศาลพระภูมิ ดูฤกษ์เข้าทำงานใหม่ ดูฤกษ์ลาสิกขาบท ดูฤกษ์โกนผมไฟ ดูฤกษ์ผ่าคลอด ดูฤกษ์มงคลอื่นๆ
ดูฮวงจุ้ย-แก้ฮวงจุ้ย คำนวนดวงพิชัยสงคราม-เสริมดวง-แก้ดวง ดูดวงชะตาด้วยโหราศาสตร์พระเวท(โหรภารตะ)
กดติดตาม เพื่ออ่านบทความใหม่ๆ ผ่าน Facebook ของอาจารย์
*******************************