
บทเรียนที่ 8: อิทธิพลของดาวศุกร์ และเคล็ดลับการพยากรณ์ ตอนที่ 1
สิ่งที่ส่องแสงสว่างโชติช่วงนั้นเรียกว่า "โชติ" (Jyotis – ความสว่าง/แสง) และด้วยเหตุนี้ "โชติษะ" หรือ โหราศาสตร์ (ศาสตร์แห่งแสงสว่าง) จึงหมายถึง ศาสตร์ที่ว่าด้วยดวงดาวและวัตถุฟากฟ้าที่กำลังส่องแสง วิชานี้ได้รับการนิยามเปรียบเปรยว่าเป็นดั่ง "ประทีปในความมืด"ที่คอยส่องสว่างนำทาง ขจัดความมืดบอด และเผยให้เห็นความจริง ในยุคโบราณ ปราชญ์ผู้ทรงภูมิรู้แห่งพระเวท ได้ขนานนามเรียกขานนักโหราศาสตร์ว่า "ไทวชญะ" (दैवज्ञ) คำว่า "ไทวชญะ" นี้ มาจากรากศัพท์ที่แปลว่า "ผู้หยั่งรู้โชคชะตา" (Diviner) หรือ "ผู้พยากรณ์" (ผู้บอกกล่าวสิ่งที่ยังมาไม่ถึง)
ดาวศุกร์: มุมมองเชิงดาราศาสตร์และโหราศาสตร์
เพื่อให้เข้าใจถึงอิทธิพลของ "ศุกระ" หรือดาวศุกร์อย่างถ่องแท้ เราจำเป็นต้องพิจารณาทั้งในมิติของกายภาพ (Physical) และมิติของจิตวิญญาณ (Spiritual) ซึ่งมีความสอดคล้องและขัดแย้งกันอย่างน่าอัศจรรย์ ดังนี้:
1. มิติด้านดาราศาสตร์ ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 2 จากดวงอาทิตย์ (อยู่ถัดจากดาวพุธ) และเป็นดาวเคราะห์เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้โลกที่สุด ขนาดและกายภาพ ได้รับฉายาว่า "ฝาแฝดของโลก" เนื่องจากมีขนาด มวล และแรงโน้มถ่วงใกล้เคียงกับโลกมากที่สุดในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหมด
บรรยากาศ แม้จะดูสุกสว่างสวยงามจากภายนอก แต่พื้นผิวของดาวศุกร์คือ "นรกอเวจี" อย่างแท้จริง มีอุณหภูมิพื้นผิวสูงที่สุดในระบบสุริยะ (ประมาณ 462°C) ร้อนกว่าดาวพุธเสียอีก เนื่องจากปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) และมีเมฆฝนที่เป็นกรดกำมะถันซึ่งมีพิษอย่างแรง
ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองในทิศทาง "ตามเข็มนาฬิกา" (Retrograde Rotation) ซึ่งตรงข้ามกับดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ (รวมถึงโลก) นั่นหมายความว่าบนดาวศุกร์ "ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกและตกทางทิศตะวันออก" ความสว่าง-ดาวศุกร์ เป็นวัตถุท้องฟ้าที่สว่างที่สุดในยามค่ำคืน (รองจากดวงจันทร์) คนไทยเรียกว่า "ดาวประกายพรึก" (มีที่มามาจากภาษาเขมร ประกาย แปลว่า ดาว และคำว่า พรึก แปลว่ารุ่งเช้า)เมื่อเห็นตอนเช้ามืด และเรียกว่า "ดาวประจำเมือง" เมื่อเห็นตอนหัวค่ำ
2. มิติด้านโหราศาสตร์
ดาวศุกร์ ในภาษาสันสกฤตเรียกว่า "ศุกระ" ซึ่งแปลว่า "ความสว่าง, ความบริสุทธิ์, หรือ น้ำอสุจิ" ในปุราณะตำนาน ท่านคือ "ศุกราจารย์" ครูของเหล่าอสูร ผู้รอบรู้สรรพวิชาและเวทมนตร์ ดาวศุกร์ เป็น "ดาวศุภเคราะห์โดยธรรมชาติ" เป็นดาวธาตุน้ำ (ชละ ตัตวะ) มีคุณสมบัติเย็น ชุ่มชื้น และให้ความสุข (ตรงข้ามกับความร้อนแรงทางดาราศาสตร์อย่างสิ้นเชิง)
ในทางโหราศาสตร์ ดาวศุกร์โคจรผ่านจักรราศีหนึ่งใช้เวลาประมาณ 30 วัน (ใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์) และมักจะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ได้ไม่เกิน 48 องศา ทำให้เรามักเห็นดาวศุกร์สถิตอยู่ใกล้ๆ กับดาวอาทิตย์หรือดาวพุธในดวงชะตาเสมอ ดาวศุกร์ เป็นตัวแทนของ ความรัก , ยานพาหนะ , ศิลปะ , ความงาม , และ น้ำเชื้อกำเนิดชีวิต
ตารางเปรียบเทียบ: วิทยาศาสตร์ vs โหราศาสตร์
|
หัวข้อเปรียบเทียบ |
มุมมองดาราศาสตร์ |
มุมมองโหราศาสตร์ |
|
อุณหภูมิ |
ร้อนที่สุด เป็นพิษ, อันตราย |
เย็น , ชุ่มชื้น, อ่อนโยน |
|
ทิศทางการหมุน |
หมุนย้อนกลับ |
ตัวแทนของกิเลสที่มักสวนทางกับธรรมะ |
|
ความสว่าง |
สว่างที่สุดรองจากดวงจันทร์ |
สัญลักษณ์ของความรุ่งโรจน์, เสน่ห์, ความโดดเด่น |
|
ฉายา |
ฝาแฝดของโลก |
คู่ครอง, ความสุขทางโลก |
|
องค์ประกอบ |
หิน, ลาวา, แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ |
ธาตุน้ำ , รสหวาน |
ความขัดแย้งระหว่าง "ความร้อนระอุภายใน" ทางดาราศาสตร์ กับ "ความเย็นศุภเคราะห์" ทางโหราศาสตร์ สะท้อนสัจธรรมที่ลึกซึ้งว่า "ความงามและความสุข นั้นมักซ่อนความเร่าร้อนแห่งกิเลส ตัณหา และความหลงใหล ไว้ภายใน หากเข้าใกล้มากเกินไปโดยขาดสติ ก็อาจถูกเผาไหม้ได้เช่นกัน" เนื้อหาส่วนนี้จะช่วยให้นักศึกษาเห็นภาพรวมของดาวศุกร์ได้ชัดเจนขึ้น ว่า ทำไมโหราศาสตร์ถึงมองดาวศุกร์ว่าเป็น "กิเลส" (ความร้อนที่ซ่อนอยู่) แต่แสดงออกด้วย "ความงาม" (แสงสว่างที่เห็นภายนอก)
นิยามของ "ดาวเคราะห์" และ "ครหะ"
ในโหราศาสตร์ระบบนิรายนะ (Sidereal Astrology) หรือโหราศาสตร์ดาราคตินั้น นิยามของคำว่า "ดาวเคราะห์" กินความหมายกว้างครอบคลุมถึงเทห์ฟากฟ้าใดๆ ก็ตามที่มี "แรงดึงดูด" หากเราพิจารณาที่มาของคำศัพท์ จะพบความแตกต่างที่น่าสนใจและมีความหมายลึกซึ้งดังนี้:
ในภาษากรีก: ใช้คำว่า "พลาเนตา" (Planeta) ซึ่งแปลว่า "ผู้พเนจร" สื่อถึงการเคลื่อนที่ไปมาบนท้องฟ้าในภาษาสันสกฤต: ใช้คำว่า "ครหะ" (Graha) ซึ่งมาจากธาตุศัพท์ที่แปลว่า "จับ, ยึด, หรือ กุม" ดังนั้น "คราหะ" จึงหมายถึง "วัตถุฟากฟ้าที่มีอำนาจในการดึงดูด" หรือผู้ที่เข้ายึดกุมจิตใจและชะตาชีวิตของมนุษย์นั่นเอง
ดังนั้น ในระบบโหราศาสตร์ของเรา องค์ประกอบของ "ครหะ" หรือดาวเคราะห์ทั้ง 9 จึงประกอบไปด้วยดวงดาวผู้ส่องสว่าง 2 ดวง ได้แก่ พระอาทิตย์ และ พระจันทร์ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงและพลังงานชีวิตและจุดคำนวณทางคณิตศาสตร์ 2 จุด คือจุดตัดกันของวงโคจรโลกรอบดวงอาทิตย์ และวงโคจรดวงจันทร์รอบโลก เรียกว่า ราหู (North Node) และ เกตุ (South Node)
รวมกับดาวเคราะห์หลักอีก 5 ดวง ได้แก่ ดาวอังคาร, ดาวพุธ, ดาวพฤหัสบดี, ดาวศุกร์ และดาวเสาร์ ซึ่งมีลักษณะทางกายภาพที่เป็นดาวเคราะห์จริงๆ รวมทั้งหมดเป็นดาว "นพเคราะห์" (นวครหะ) ที่มีอิทธิพลต่อจักรวาลและชีวิตมนุษย์
บทบาทของดาวศุกร์ในดวงชะตา
1.นรกในฟากฟ้า หรือ เทพธิดาแห่งความงาม
แม้ว่านักดาราศาสตร์จะนิยามดาวศุกร์ว่าเป็นดั่ง "นรกบนสรวงสวรรค์" อันเนื่องมาจากอุณหภูมิที่ร้อนระอุและบรรยากาศที่เป็นพิษร้ายแรง แต่ในทางโหราศาสตร์กลับมีมุมมองที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ในศาสตร์แห่งดวงดาว ดาวศุกร์ หรือ "ศุกระ" ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ศุภเคราะห์บริสุทธิ์" (ศุภครหะ) ที่ให้คุณอย่างยิ่ง เป็นดาวแห่งความอ่อนโยน ความสว่างไสว และความร่มเย็น เป็นตัวแทนของน้ำอมฤตที่ช่วยชุบชีวิตที่อับเฉาโรยราให้กลับฟื้นคืนชีพให้กลับมาอย่างมีชีวิตชีวา
2.เจ้าแห่งกวีนิพนธ์ สุนทรียศาสตร์ และวาทศิลป์
ดาวศุกร์ซึ่งเป็นดาวแห่งความรัก ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความเป็นมิตรนี้ ทำหน้าที่ปกครองศิลปวิทยาการที่ประณีตงดงาม ได้แก่ ด้านกวีนิพนธ์ โดยดาวศุกร์มีความสามารถในการร้อยเรียงถ้อยคำให้ไพเราะจับใจ ด้านสุนทรียศาสตร์ ได้แก่การรับรู้ถึงความงาม ศิลปะ ดนตรี และความรื่นรมย์ และรวมไปถึงวาทศิลป์ หรือศิลปะการใช้ถ้อยคำที่สละสลวยและโน้มน้าวจิตใจคน
3.กรณีศึกษา: ดวงชะตาของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)
ตัวอย่างที่น่าสนใจคือดวงชะตาของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งมีดาวศุกร์สถิตอยู่ในตำแหน่ง "มหาอุจจ์" หรือตำแหน่งที่ทรงพลังสูงสุด (ในราศีมีน)
แม้เราจะรู้จักเขาในฐานะนักฟิสิกส์ แต่ดาวศุกร์ที่เข้มแข็งนี้เองที่มอบจินตนาการอันบรรเจิด และความสามารถในการมองเห็น "ความงดงามและระเบียบแบบแผน" ของจักรวาล ในมุมมองที่เป็นศิลปะ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของ”ทฤษฎีสัมพัทธภาพ” ส่วนนี้น่าสนใจตรงที่ทำให้เห็นภาพว่าดาวศุกร์ในดวงชะตาของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ไม่ใช่เรื่องชู้สาว แต่คือ "สุนทรียภาพขั้นสูง"
4. ตัวแทนแห่งความรักทางโลกและความสุข
ดาวศุกร์เป็นดาว "การกะ" โดยตรงของ "ตัณหาและความรักทางโลก" และความสุขสำราญทั้งปวงในชีวิตมนุษย์ ดาวศุกร์เป็นตัวแทนของความปรารถนา ความสะดวกสบาย ความหรูหรา และรสสัมผัสที่น่าอภิรมย์ และสำหรับเจ้าชะตาดาวศุกร์คือผู้บอกถึงคุณภาพของความสุขและความรักที่จะได้รับในช่วงชีวิตนี้
อิทธิพลของดาวศุกร์ในภพเรือนต่างๆ
ในลำดับถัดไป เราจะมาพิจารณาถึงอิทธิพลของ ดาวศุกร์ หรือ "ศุกระ" ซึ่งเป็นดาวเคราะห์แห่งความรัก และสุนทรียภาพ เมื่อสถิตอยู่ในภพเรือนทั้ง 12 ของดวงชะตา ในทางโหราศาสตร์นั้น ภพเรือนทั้ง 12 ไม่ได้เป็นเพียงช่องตารางคำนวณทางเรขาคณิต แต่เปรียบเสมือน "12 มิติของชีวิต" เนื่องจากชีวิตของมนุษย์นั้นมีความซับซ้อนและเป็น "พหุมิติ"
ชีวิตไม่ได้ดำเนินไปเพียงเส้นทางเดียว แต่ประกอบไปด้วยแง่มุมที่หลากหลาย ทั้งเรื่องตัวตน ทรัพย์สิน พี่น้อง มารดา บุตร อุปสรรค คู่ครอง มรณะ ธรรมะ การงาน ลาภผล และการหลุดพ้น ซึ่งดาวศุกร์จะเข้าไปแต่งแต้มสีสันและให้ความหมายที่แตกต่างกันไปในแต่ละมิติเหล่านั้นของเจ้าชะตา
1. ดาวศุกร์ในลัคนา
การที่ดาวศุกร์สถิตในลัคนา (ภพที่ 1) จะส่งผลให้ เจ้าชะตา เป็นผู้ที่มีรูปโฉมงดงาม หน้าตาหล่อเหลาหรือสวยงาม มีดวงตาที่งดงามและมีเสน่ห์ เป็นคนที่ชีวิตเต็มไปด้วยความสุขสำราญ มีอายุขัยยืนยาว เป็นที่ดึงดูดใจของเพศตรงข้าม จะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ และการได้บุตรที่ดี
ลัคนาคือตัวตนและร่างกาย เมื่อดาวศุกร์ซึ่งเป็นดาวแห่งความงาม เข้ามาสถิตในลัคนา ย่อมปรุงแต่งให้เจ้าชะตา มีบุคลิกภาพที่ดูดี มีสง่าราศี ผิวพรรณผ่องใส และมักจะมีหน้าตาที่ชวนมอง ที่เด่นที่สุดก็คือ ดาวศุกร์ในเรือนลัคน์จะทำให้เจ้าชะตามี ดวงตางาม หวานฉ่ำ แวววาว หรือที่เรียกว่า "ตาหวาน" ซึ่งใช้สื่ออารมณ์ความรู้สึกได้ดีเยี่ยม
ด้านความสุขและอายุขัย ดาวศุกร์เป็น "ศุภเคราะห์ตามธรรมชาติ" เมื่อกุมลัคน์ จะช่วยคุ้มครองดวงชะตา ให้ผลในเรื่องความสุขกายสบายใจ ไม่ค่อยมีความทุกข์ร้อน และส่งเสริมให้มีอายุยืนยาว ด้านแรงดึงดูดทางเพศ พลังของดาวศุกร์คือ "กามะ" เมื่อสถิตที่ตัวตนของ เจ้าชะตา จะทำให้เป็นคนที่มี "เสน่ห์" โดยธรรมชาติ เพศตรงข้ามมักจะอยากเข้าหาและให้ความเอ็นดู
ด้านความสมบูรณ์ในครอบครัว นอกจากเรื่องส่วนตัวแล้ว ยังส่งผลดีไปถึงการมีบุตรธิดาที่น่ารัก ว่านอนสอนง่าย และนำความภาคภูมิใจมาให้แก่ครอบครัว ซึ่งดาวศุกร์ในลัคนานี้ถือเป็นจุดตั้งรับที่ยอดเยี่ยมมาก ทำให้เจ้าชะตาเป็นคน "มีเสน่ห์เป็นอาวุธ" อย่างแท้จริง
เคล็ดลับการพยากรณ์: ทำไมดาวศุกร์ในตำแหน่งนี้ถึงทำให้ เจ้าชะตา "หล่อสวย มีเสน่ห์ และอายุยืน" อ้างอิงจากกฎของโยคเกณฑ์ ดาวเคราะห์ทุกดวงจะส่งเกณฑ์ (เล็ง) ไปยังเรือนที่ 7 (เรือนคู่ครอง) เสมอ
เมื่อดาวศุกร์ (ดาวแห่งความรัก) สถิตที่ลัคนา (ตัวตน) ย่อมเล็งไปที่เรือนที่ 7 (ปัตนิ) โดยตรง พลังงานนี้สร้าง "แรงดึงดูดระหว่างขั้ว" อย่างมหาศาล ทำให้เจ้าชะตาเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างรุนแรงโดยธรรมชาติ ไม่ต้องพยายามเรียกร้องความสนใจ ใครเห็นก็เมตตา
การผสมผสานของดาวและภพ เนื่องจาก”ลัคนา” คือ "ร่างกายตัวตนและผิวพรรณวรรณะ" ส่วนดาวศุกร์ คือ "ความงามและความสมบูรณ์" สมการนี้ตรงไปตรงมาที่สุด ก็คือ ร่างกาย และ ความงาม ก็เท่ากับ รูปลักษณ์ที่งดงาม ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ธาตุลมต้นธาตุและธาตุดินกลางธาตุ ดังนั้นดาวศุกร์จะปรุงแต่งธาตุดินและธาตุลมในร่างกายทำให้ผิวพรรณผ่องใส มีน้ำมีนวล ซึ่งไม่แห้งแล้งเหมือนเสาร์ หรือร้อนแรงเหมือนอาทิตย์
“วิชาชุบชีวิต” ในตำนานปุราณะ ดาวศุกร์คือผู้ครอบครองวิชา "สัญชีวนี" (วิชาชุบชีวิตคนตายให้ฟื้น)ซึ่งในทางโหราศาสตร์ นัยยะนี้แปลความได้ว่า ดาวศุกร์คือดาวแห่ง "พลังชีวิต" เมื่อมาสถิตในลัคนา (จุดกำเนิดชีวิต) จึงช่วยซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดทรุดโทรม ช่วยเพิ่มพลังชีวิต ซึ่งจะทำให้เจ้าชะตามีอายุยืนยาว และดูอ่อนกว่าวัยอยู่เสมอ ลองสังเกตดูหากใครตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก หน้าตาและผิวพรรณย่อมผ่องใสและงดงามกว่าปกติ
2.ดาวศุกร์ในเรือนที่ 2
ดาวศุกร์ในเรือนกฎุมพะ เมื่อดาวศุกร์สถิตอยู่ใน เรือนที่ 2 จะส่งผลให้ เจ้าชะตา มีความเป็นกวี ได้รับการศึกษาที่ดี และมีความมั่งคั่งร่ำรวย นอกจากนี้ยังเป็นผู้ที่มีความรู้ในศาสตร์แห่งดนตรี และมีพรสวรรค์ในการเจรจาพาที หรือมีวาทศิลป์เป็นเลิศ
ในดวงชะตาของกวีเอกระดับโลกอย่าง ลอร์ด เทนนิสัน (Tennyson), ลอร์ด ไบรอน (Byron), โอมาร์ คัยยาม (Omar Khayam), รพินทรนาถ ฐากูร (Tagore) และ ศรี อรพินโท (Aurobindo) ล้วนมีดาวศุกร์สถิตอยู่ในเรือนที่ 2 นี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่บันดาลให้พวกเขามีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะกวีผู้ยิ่งใหญ่ในระดับโลก
ด้วยวาจาที่เป็นทรัพย์ เพราะเรือนที่ 2 คือ "วากะสถานะ" หรือเรือนแห่งคำพูด เมื่อดาวศุกร์ ซึ่งเป็นดาวแห่งความหวานและความรื่นรมย์ มาสถิตเรือนนี้ ก็จะทำให้ เจ้าชะตา เป็นคน "ปากหวาน" พูดจาไพเราะเสนาะหู มีโวหารคารมคมคาย จึงไม่แปลกที่ตำแหน่งนี้จะสร้างกวี นักประพันธ์ หรือนักพูดระดับโลกขึ้นมาได้
ด้านความมั่งคั่งและการเงิน เรือนที่ 2 คือ "ธนสถาน" หรือเรือนกฎุมพะ ดาวศุกร์ถือเป็นดาวศุภเคราะห์ให้คุณ และเป็นหนึ่งในตัวแทนของ "โภคทรัพย์" เมื่อมาอยู่ในเรือนการเงินโดยตรง ย่อมส่งเสริมให้ เจ้าชะตา มีฐานะดี มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ มักได้ทรัพย์สินจากศิลปะ ความงาม หรือเครื่องประดับ
ด้านวิชาความรู้และศิลปะ เรือนที่ 2 ยังหมายถึงการศึกษาเบื้องต้นและการสะสมความรู้ อิทธิพลของดาวศุกร์จะทำให้ เจ้าชะตา สนใจในศาสตร์ที่เป็นปราณีตศิลป์ เช่น ดนตรี วรรณกรรม และศิลปะต่างๆ และทำให้เป็นผู้มีความรู้รอบตัวดี และมีรสนิยมดี
กวีระดับโลกอย่าง ท่านฐากูร (Tagore) หรือ ศรี อรพินโท (Aurobindo) จึงทำให้เห็นภาพชัดเจนมาก ว่า ดาวศุกร์ในเรือนที่ 2 คือ "วาจาที่เป็นศิลปะ" อย่างแท้จริง
เคล็ดลับการพยากรณ์: ดาวศุกร์ในเรือนที่ 2 (กฎุมพะ) ทำไมดาวศุกร์ในเรือนนี้ถึงสร้าง "กวีเอก และ มหาเศรษฐี" มาจากความสอดคล้องกับจักรราศีโลก เพราะในดวงโลก (กาลปุรุษ กุณฑลิ) เรือนที่ 2 คือ ราศีพฤษภ ซึ่งมี ดาวศุกร์เป็นเกษตร (เจ้าเรือน) ดังนั้น ไม่ว่าดาวศุกร์จะไปอยู่เรือนที่ 2 ของลัคนาใดก็ตาม ดาวศุกร์จะรู้สึก "เหมือนได้กลับบ้านเก่า" เสมอ ทำให้สามารถแสดงพลังด้านความมั่งคั่งและศิลปะออกมาได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีความขัดแย้ง
“วากยสถาน”(เรือนคำพูด)กับสุนทรียภาพ เคล็ดลับก็คือเรือนที่ 2 ควบคุมอวัยวะคือ "คอ กล่องเสียง และใบหน้า" เมื่อดาวแห่งดนตรีและกวีนิพนธ์ (ดาวศุกร์) มาสถิตที่ "กล่องเสียง" (เรือนที่ 2) ผลลัพธ์จึงไม่ใช่แค่พูดเก่ง แต่คือ "วาจาที่เป็นศิลปะ" เจ้าชะตาจะมีน้ำเสียงไพเราะ มีจังหวะจะโคนในการพูดเหมือนบทกวี จึงเป็นที่มาของคำทำนายว่าเป็น กวี หรือ นักร้อง นั่นเอง
ดาวศุภเคราะห์ในเรือนทรัพย์สิน เคล็ดลับเรือนที่ 2 คือ "คลังสมบัติ" หรือทรัพย์สินที่สะสมไว้ เมื่อดาวศุกร์คือตัวแทนของ "โภคทรัพย์" (เงินสด เครื่องประดับ ของมีค่า) เมื่อดาวแห่งทรัพย์โคจรเดินเข้าตำแหน่งการเงินการคลัง ก็ย่อมทำให้คลังนั้นเต็มเปี่ยม
เจ้าชะตามักสะสมทรัพย์ในรูปแบบของสวยงาม เช่น เพชรนิลจินดา งานศิลปะ หรือมีรายได้จากความงาม หรือของสะสมซึ่งมูลค่ามักจะเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา
3.ดาวศุกร์ในเรือนที่ 3
ดาวศุกร์ในเรือนสหัชชะ เมื่อดาวศุกร์สถิตใน เรือนที่ 3 จะส่งผลให้ เจ้าชะตา ขาดความสุขจากคู่ครอง และมักจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเพศตรงข้าม นอกจากนี้ยังทำให้เจ้าชะตาเป็นขี้โมโห ขี้โกรธอารมณ์รุนแรงและมีนิสัยตระหนี่ถี่เหนียว
เคล็ดลับการพยากรณ์ ทำไมดาวศุกร์ซึ่งเป็นดาวศุภเคราะห์ ถึงให้ผลเสียในเรือนที่ 3 โดยมีเหตุผลดังนี้
1.การขาดความสุขจากคู่ครอง ในทางโหราศาสตร์ เรือนที่ 4 (พันธุ) คือเรือนแห่งความสุขภายในใจ และความสุขจากครอบครัว เมื่อดูแบบภพซ้อนภพ เรือนซ้อนเรือน หรือที่เรียกว่าวิธี "ภาวาตะ ภาวะมะ" "भावात भावम" ซึ่งก็คือเราเอาเรือนที่ 4 ตั้งเป็นภพหลักเหมือนลัคนา ส่วนเรือนที่ 3 จะกลายเป็น "เรือนวินาศ" ของเรือนที่ 4 ผลลัพธ์ก็คือการที่ดาวศุกร์ ซึ่งเป็นตัวแทนความรัก และความสุขไปอยู่ในเรือนที่เป็น "วินาศของความสุข" จึงทำให้ความสุขในชีวิตคู่ลดน้อยถอยลง หรือมีความไม่มั่นคงในจิตใจ
2.ตกอยู่ใต้อิทธิพลเพศตรงข้าม เรือนที่ 3 เป็นเรือนแห่ง "กามะ" หรือ กามะตรีโกณ หรือเรือนแห่งความใคร่และความปรารถนา เมื่อดาวแห่งกิเลสสมบัติอย่างดาวศุกร์มาสถิต จึงไปกระตุ้นตัณหาและความหลงใหล ทำให้เจ้าชะตามักจะใจอ่อน หรือยอมโอนอ่อนผ่อนตามคนรักหรือเพศตรงข้ามได้ง่าย เช่น บางคนถึงกับกลายเป็น”คนกลัวเมีย” โดยไม่มีเหตุผล
3.ความตระหนี่ ตามหลัก "ภาวาตะ ภาวะมะ" "भावात भावम" เรือนที่ 3 คือเรือนที่ 2 (การเงิน) นับจากเรือนที่ 2 (กดุมภะของกดุมภะ) ซึ่งควรจะดีเรื่องเงิน แต่ในคัมภีร์โบราณบางเล่มมองว่า ดาวศุกร์ในเรือนที่ 3 เสียพลังงานไปกับเรื่องการเข้าสังคม เพื่อนฝูง พี่น้อง หรือไม่เจ้าชะตาก็ต้องหาเงินมาด้วยความยากลำบาก จนทำให้เจ้าชะตารู้สึกหวงแหนทรัพย์สินที่หามาได้ยาก จึงกลายเป็นคนขี้เหนียว ในสายตาผู้อื่น จริงๆหากมองในอีกแง่หนึ่ง หมายถึงเจ้าชะตามักจะเป็นคนประหยัด ใช้น้อยกินน้อย ไม่กล้ากินไม่กล้าใช้ แต่บางคนประหยัดเฉพาะตัวเอง แต่กลับใจกว้างกับคนอื่นๆ
4.ความโกรธ ปกติดาวศุกร์เป็นดาวที่เยือกเย็น แต่เรือนที่ 3 เป็นเรือนแห่งความกล้าและความขยันขันแข็ง ซึ่งมีพลังงานของดาวอังคารแฝงอยู่ (ใช้ลัคนาราศีเมษตามดวงชะตาของโลกและกาลบุรุษ) การที่ดาวศุกร์ (ความสุข) มาอยู่ในเรือนแห่งการต่อสู้ดิ้นรน อาจทำให้เกิดความคับข้องใจเมื่อไม่ได้ดั่งใจปรารถนา จึงแปรเปลี่ยนเป็นโทสะได้ง่าย
4.ดาวศุกร์ในเรือนที่ 4
ดาวศุกร์ในเรือนพันธุ-เรือนแห่งความสุข การที่ดาวศุกร์สถิตอยู่ใน เรือนที่ 4 จะส่งผลให้ เจ้าชะตา เป็นผู้มีความมั่งคั่งร่ำรวย มีบ้านเรือนที่งดงามและมีเอกลักษณ์เชิงศิลป์ เปี่ยมไปด้วยศิลปะหรือมีการตกแต่งที่ไม่ธรรมดา และมียานพาหนะที่หรูหราสะดวกสบาย นอกจากนี้เจ้าชะตายังจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงและมีผู้คนชื่นชมรักใคร่เป็นจำนวนมาก
อธิบายความ บ้านที่เปี่ยมด้วยศิลปะ เรือนที่ 4 คือเรื่องของที่อยู่อาศัย เมื่อดาวแห่งศิลปะ (ดาวศุกร์) มาครองเรือนนี้ บ้านของเจ้าชะตาจะไม่ใช่แค่ที่ซุกหัวนอน แต่จะเป็นสถานที่ที่ตกแต่งอย่างมีรสนิยม เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์สวยงาม งานศิลป์ หรือมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นสะดุดตา
ยานพาหนะหรูหรา ดาวศุกร์เป็นตัวแทนของ "ความสะดวกสบาย" เมื่อสัมพันธ์กับเรือนที่ 4 (ยานพาหนะ) จึงหมายถึงการครอบครองรถยนต์ราคาแพง รถที่นั่งสบาย หรือรถที่มีความสวยงามเป็นพิเศษ
ความสุขภายใน ตำแหน่งนี้ให้ผลดีเยี่ยมในเรื่องความสงบสุขทางใจ เจ้าชะตามักมีพื้นฐานครอบครัวที่อบอุ่น หรือมีแม่ที่สวยและใจดี มีเมตตา
เคล็ดลับการพยากรณ์ ทำไมดาวศุกร์ในเรือนที่ 4 ถึงให้คุณแรงในเรื่อง "บ้าน รถ และชื่อเสียง"
1.ดาวศุกร์ได้ทิคะพละ หรือ ความเข้มแข็งตามทิศ(ตามระบบษัฑพละ) นี่คือเคล็ดลับสุดยอดในการดูกำลังของดวงดาว และตำแหน่งที่ "ดีที่สุด" ตำแหน่งหนึ่งของดาวศุกร์ เพราะดาวศุกร์จะได้กำลังจาก "ทิคพละ" (พลังทิศเหนือ) เมื่อสถิตในเรือนที่ 4 (เพราะดวงชะตาของโลกเรือนที่ 4 คือทิศเหนือ)
อธิบายว่า ดาวเคราะห์แต่ละดวงจะมีทิศที่สถิตประจำของตนเองและจะทำให้มีพลังสูงสุด (คล้ายๆกับตำแหน่งอุจน์) เช่น ดาวศุกร์และดาวจันทร์ มีพลังสูงสุดในเรือนที่ 4 ดังนั้น ดาวศุกร์ในตำแหน่งนี้จึงสามารถให้ผลเรื่องความสุขทางวัตถุ (บ้าน, รถ, ที่ดิน) ได้เต็มที่ 100% ยิ่งกว่าเรือนอื่นๆ
2.อิทธิพลต่อเรือนกัมมะ ทำไมตำราบอกว่าจะมี "ชื่อเสียง" ทั้งๆที่อยู่เรือน 4 อธิบายว่าเพราะดาวศุกร์ในเรือนที่ 4 จะ "เล็ง" (ทฤษฎี) ตรงไปยัง เรือนที่ 10 กัมมะ การงาน ชื่อเสียง ผลลัพธ์ก็คือ การที่ดาวศุภเคราะห์ที่เข้มแข็ง (ได้ทิคพละ) ส่งแสงไปยังเรือนการงาน ทำให้เจ้าชะตาเป็นที่รักของสาธารณชน มีภาพลักษณ์ที่ดี และมักประสบความสำเร็จในอาชีพที่ต้องใช้เสน่ห์หรือการเข้าสังคม
3.โยคแห่งยานพาหนะ เคล็ดลับ-ดาวศุกร์คือการกะ (ตัวแทน) ของยานพาหนะโดยตรง และเรือนที่ 4 ก็คือเรือนยานพาหนะ หมายความว่าเมื่อ "ตัวแทน" มาอยู่ใน "เรือนของตัวเอง" พลังงานในด้านนี้เรื่องนี้จึงเพิ่มเป็นทวีคูณ ทำให้เจ้าชะตามักเปลี่ยนรถบ่อย หรือมีรถหลายคัน และมักได้รถที่สวยงามหรูหราเป็นพิเศษ
ตำแหน่งนี้ถือเป็น "จุดยุทธศาสตร์" สำคัญของดาวศุกร์ เพราะได้”ทิคะพละ” ซึ่งนักโหราศาสตร์ต้องจำให้แม่น
หมายเหตุ-คำไทยหลายคำ นำคำภาษาสันสกฤตมาใช้ โดยทำให้ความหมายเพี้ยนไปจากของเดิม เช่น คำว่า”ทฤษฎี”ในภาษาสันสกฤต หมายถึง “โยคเกณฑ์” (Aspect) ของดาวเคราะห์ ไม่ใช่”ทฤษฎี”ในภาษาไทยนะครับ
เช่นคำว่า “วิเศษทฤษฎี” ของดาวอังคารคือ ดาวอังคารมีโยคพิเศษสามารถส่งกำลังเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ไปยังเรือนที่ 4 และที่ 8 จากเรือนที่อังคารสถิต ดังนั้นคำว่า”วิเศษ”ในภาษาสันสฤกตแปลว่า “พิเศษ” ในภาษาไทย ดังนั้นคำว่า “วิเศษทฤษฎี” จึงแปลเป็นไทยว่า “โยคเณฑ์พิเศษ” ซึ่งไม่ใช่แปลว่า “ทฤษฎี” หรือหลักการอะไรที่เป็นของ”วิเศษ”
****อ่านต่อตอน 2*****
-------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------
***ประกาศ***
อาศรมศรีจักรนารท โดย อ.ณภัทร ศรีจักรนารท (AstroNeemo) ได้เริ่มเปิดสอน"โหราศาสตร์ภารตะ"หรือ"โหราศาสตร์พระเวท" ฟรี!!! ทางออนไลน์แล้ว
1.Facebook: กลุ่มโหราศาสตร์พระเวท https://www.facebook.com/groups/VedicAstrologyThailand
2.Website: https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-21-50/vedic-astrology-lesson.html
3.TikTok : astroneemo
*******************************
สนใจดูดวงชะตาด้วย โหราศาสตร์พระเวท(ภารตะ) กับ อ.ณภัทร ศรีจักรนารท (AstroNeemo)
เส้นทางไปบ้านอาจารย์ https://maps.app.goo.gl/LKz3vbnMDU5Qnu3P6
กรุณาคลิ๊กลิงก์นี้ครับ https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-20-37/211067-%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B0.html
*******************************
บริการของเรา
ดูฤกษ์ออกรถ ดูฤกษ์ยกเสาเอก ดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ดูฤกษ์เปิดกิจการใหม่ ดูฤกษ์จดทะเบียนบริษัท ดูฤกษ์แต่งงานพิธีไทย-ฤกษ์จดทะเบียนสมรส ดูฤกษ์เปลี่ยนชื่อ ดูฤกษ์ตั้งศาลพระภูมิ ดูฤกษ์เข้าทำงานใหม่ ดูฤกษ์ลาสิกขาบท ดูฤกษ์โกนผมไฟ ดูฤกษ์ผ่าคลอด ดูฤกษ์มงคลอื่นๆ
ดูฮวงจุ้ย-แก้ฮวงจุ้ย คำนวนดวงพิชัยสงคราม-เสริมดวง-แก้ดวง ดูดวงชะตาด้วยโหราศาสตร์พระเวท(โหรภารตะ)
กดติดตาม เพื่ออ่านบทความใหม่ๆ ผ่าน Facebook ของอาจารย์
*******************************