Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

Jataka Parijata 112 127

คัมภีร์ปาริชาตชาดก บทที่ ๗ ว่าด้วยราชาโชค โศลกที่ ๑๑๓-๑๒๗

จันทราธิโยค

โศลกที่ ๑๑๓

             ถ้ามีศุภเคราะห์อยู่ในภพที่ ๖-๗ และ ๘ จากลัคนา จากจันทร์ในชะตา เรียกว่าได้จันทระอธิโยค หรืออธิโยคจากจันทร์ ซึ่งท่านกล่าวว่าจะได้เป็นใหญ่ เช่นเป็นขุนนาง รัฐมนตรี หรือขุนพล มีความรุ่งเรือง มีความผาสุก สามารถที่จะชนะศัตรูได้อย่างง่ายดาย จะมีอายุยืนยาวกว่า ๗๐ ปี จะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน มีสุขภาพดี ไม่มีวิบัติหรือภยันตรายอย่างใด

หมายเหตุ

             ศุภเคราะห์นอกจากจันทร์ก็ยังเหลือสามดวงคือพุธ    พฤหัสบดีและศุกร์     ท่านว่าพุธ

พฤหัสบดี และศุกร์ ทั้งสามพระเคราะห์นี้ต้องอยู่ในภพที่ ๖-๗ และ ๘ จากจันทร์ทั้งสามดวง คือภพละดวง แต่อะไรจะอยู่ภพไหนนั้นแล้วแต่ท่านจะคิดเอาเอง ตามความเห็นของข้าพเจ้าคิดว่าเป็นไปได้คือสมมุติให้จันทร์อยู่เมษ   อาทิตย์อยู่สิงห์  พุธอยู่กันย์   ศุกร์อยู่ตุลย์และพฤหัสบดีอยู่พิจิก จะห็นได้ว่าศุภเคราะห์นั้นแยกกันทุกราศีในภพที่ ๖-๗ และ ๘ จากจันทร์ และต่างก็ไม่ร่วมกับบาปเคราะห์ใดๆด้วย เรื่องจันทระอธิโยคนี้มีผู้รู้ได้ให้ความเห็นแตกต่างกันไปอีกมากมายด้วย แต่สำหรับโศลกนี้มีความหมายตามที่กล่าวมานี้เท่านั้น

                                            ลัคนาธิโยค

โศลกที่ ๑๑๔

             ถ้ามีศุภเคราะห์อยู่ในภพที่ ๖-๗ และ ๘ จากลัคนา และศุภเคราะห์เหล่านั้นไม่ร่วมหรือรับแสงจากบาปเคราะห์ด้วย บาปเคราะห์ต้องไม่อยู่ในภพที่ ๔ จากลัคนา ท่านว่าเจ้าชะตาได้ลัคนาธิโยค หรืออธิโยคจากลัคนา ฯ

หมายเหตุ

            อธิโยคจากลัคนาก็เป็นไปในทำนองเดียวกับอธิโยคจากจันทร์ ท่านบังคับไว้ว่าบาปเคราะห์ต้องไม่อยู่ในภพที่ ๔ จากลัคนา และต้องไม่ร่วมหรือให้แสงถึงศุภเคราะห์ด้วย บาปเคราะห์ที่สำคัญก็คืออาทิตย์ อังคารและเสาร์ มีทางเป็นไปได้คือสมมุติให้ลัคนาอยู่เมษ กุมจันทร์ตามตัวอย่างที่ยกมาแล้ว มีเสาร์อยู่เมถุน และมีอังคารอยู่มังกร

โศลกที่ ๑๑๕

            ผู้ใดเกิดมาได้ลัคนาธิโยค จะเป็นผู้มีความรู้เด่นหลายประการในวิชาต่างๆและจะเป็นคิดค้นพบสิ่งใหม่ๆเกี่ยวกับวิชาการต่างๆ เป็นผู้คงแก่เรียน ชอบค้นคว้าหาเหตุผล จะได้เป็นนายคน  จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังเกี่ยวกับการค้นคว้าทางหลักวิชา หรือการก่อสร้างที่สำคัญในโลก มีความเจริญรุ่งเรือง ชีวิตประสบความสำเร็จ เป็นที่ชอบพอรักใคร่ของผู้ใหญ่ทั่วไป ฯ

                                            คชเกสะรีโยค

โศลกที่ ๑๑๖

            ถ้าพฤหัสบดีอยู่ในภพเกนทระจากพระจันทร์ โยคที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า คชเกสะรีโยค หรือถ้าจันทร์ในชะตาได้รับแสงจากศุกร์ พฤหัสบดี และพุธ โดยจันทร์ไม่อยู่ในตำแหน่งนิจ หรืออัสตะ ก็เรียกว่าชะตาได้ คชเกสะรีโยคเช่นกัน ฯ

โศลกที่ ๑๑๗

            ผู้ใดมีคชเกสะรีโยคในชะตา จะเป็นคนทะมัดทะแมง ขยันขันแข็งเอาการเอางาน มีฐานะดีมั่งคั่งสมบูรณ์ทรัพย์ มีพืชพันธุ์ธัญญาหารมากมาย เป็นคนฉลาดหลักแหลม มีศีลธรรม และเป็นที่โปรดปรานของราชาเป็นอย่างดียิ่ง ฯ

หมายเหตุ

             คำว่า คช หมายความว่าช้าง  เกสะรีหมายความถึงสิงโต เพราะฉะนั้นความหมายของคช เกสะรี ก็หมายถึงการต่อสู้กันระหว่างพระยาราชสีห์กับพระยาช้างสาร หรือการต่อสู้ระหว่างสิงโตกับช้าง ผลปรากฎว่าช้างเป็นฝ่ายปราชัย และความหมายของโยคนี้เปรียบเจ้าชะตาว่าเป็นสิงห์โต ซึ่งตามปกติแล้วไม่ทำร้ายช้าง แต่เมื่อเกิดสู้ช้างขึ้นมา ช้างนั่นแหละจะเป็นฝ่ายปราชัย บางท่านให้ความหมายว่าผู้ใดที่ได้คชเกสะรีโยค ไม่รังแกผู้น้อย แต่มักผิดใจกับนายใหญ่ๆเสมอ

                                                  อมลาโยค

โศลกที่ ๑๑๘

             ในดวงชะตาถ้ามีศุภเคราะห์อยู่ในภพที่ ๑๐ จากลัคนา หรือจันทร์ เจ้าชะตาจะมีชื่อเสียงเกียรติยศปรากฎอยู่อย่างรุ่งโรจน์  โดยปราศจากมลทินใดๆทั้งสิ้น  และความดีเด่นต่างๆของเจ้าชะตาจะไม่เสื่อมสิ้นไปเลย แม้เจ้าชะตาตายไปแล้วก็ตาม ฯ

โศลกที่ ๑๑๙

             ถ้ามีศุภเคราะห์อยู่ในภพที่ ๑๐ จากลัคนา หรือจันทร์ เจ้าชะตาจะได้อะมะละโยค เจ้าชะตาจะมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ปรากฎในแผ่นดินชั่วฟ้าดินสลาย หรือตราบจนดาวต่างๆจะพินาศสิ้นไป ฯ

โศลกที่ ๑๒๐

             ผู้ใดในชะตามีอะมะลาโยค จะเป็นที่พอใจและเคารพนับถือของผู้ยิ่งใหญ่และราชา จะมีความผาสุก มั่งคั่งและสมบูรณ์ทรัพย์อย่างมหาศาล เป็นผู้ที่ชอบความอิสรภาพ รักญาติพี่น้อง มีความเมตตากรุณา เป็นที่มีค่าควรแก่แผ่นดิน ฯ

หมายเหตุ

              คำว่า อมล หรือ อะมะลา แปลว่าพระลักษมี สายสะดือ ความสะอาด บริสุทธิ์ สีขาว ในที่นี้หมายถึงโยคแห่งความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ปราศจากมลทินใดๆ

                                             เวศีโยค

โศลกที่ ๑๒๑

            ถ้ามีดาวพระเคราะห์อยู่ในภพที่ ๑๒-๒ หรือ กระหนาบหน้าและหลังอาทิตย์ จะเกิดโยคขึ้น ๓ ประการ คือเวสิโยค มีพระเคราะห์อยู่ในภพที่ ๑๒ จากอาทิตย์  เวศิโยค มีพระเคราะห์อยู่ในภพที่ ๒ จากอาทิตย์  อุภยะจรีโยค มีพระเคราะห์กระหนาบหน้าและหลังอาทิตย์

             ถ้าพระเคราะห์ที่ทำให้เกิดโยคต่างๆเหล่านี้เป็นเกษตร์  อยู่ในเรือนมิตรหรือได้ตำแหน่งอุจจ์  จะทำให้เจ้าชะตามีความเป็นอยู่เทียบเท่าพระราชา มีฐานะดี มั่นคงและมั่งคั่ง มีความผาสุก และจะได้เป็นใหญ่ด้วย ฯ

โศลกที่ ๑๒๒

            ผู้ใด้เกิดได้ศุภเวสิโยค คือมีศุภเคราะห์อยู่ในภพที่ ๑๒ จากอาทิตย์ จะเป็นคนสุภาพอ่อนโยน ช่างพูดเจรจาเป็นที่ต้องใจของผู้ฟัง มั่งคั่งสมบูรณ์ทรัพย์  องอาจกล้าหาญและจะได้ชัยชนะแก่ศัตรู

            ถ้าผู้ใดเกิดได้บาปเวศีโยค คือมีบาปเคราะห์อยู่ในภพที่ ๒ จากอาทิตย์ จะเป็นคนที่ชอบคบมิตรชั่ว     ใจบาปหยาบช้า   ชอบประพฤติตนเลวทราม   จะไม่มีความสุข   ลำบากยากจนข้นแค้น ฯ

โศลกที่ ๑๒๓

            ถ้าผู้ใดเกิดได้ศุภเวศิโยค คือมีศุภเคราะห์อยู่ในภพที่ ๑๒ จากอาทิตย์ จะเป็นคนเจ้าปัญญา ชอบความอิสรภาพ ชอบแสวงหาความรู้ คงแก่เรียน มีความผาสุก มีฐานะดีมั่งคั่ง มีชื่อเสียงโด่งดัง และมีกำลังแข็งแรงด้วย

             ถ้าผู้ใดเกิดได้บาปเวศิโยค คือมีบาปเคราะห์อยู่ในภพที่ ๑๒ จากอาทิตย์ เจ้าชะตาจะเป็นคนทึบปัญญา โง่เขลา เจ้าชู้มักมากในกามตัณหา มักเป็นอาชญากร ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จะต้องถูกขับไล่ไสส่งหรือถูกเนรเทศ ฯ

โศลกที่ ๑๒๔

              ถ้าผู้ใดเกิดได้ศุภอุภยะจริโยค คือมีศุภเคราะห์กระหนาบหน้าและหลังอาทิตย์ จะเป็นผู้ที่มีฐานะอย่างพระราชา มีฐานะดีมั่งคั่งสมบูรณ์ทรัพย์ มีความผาสุก จะเป็นที่นิยมรักใคร่ของบุคคลทั่วไป เพราะความเมตตาปราณีและความสุภาพอ่อนโยนของเจ้าชะตา มีนิสัยชอบสังคมและรักหมู่คณะ เต็มไปด้วยลักษณะของผู้นำ

               ถ้าผู้ใดเกิดได้บาปอุภยะจริโยค คือมีบาปเคราะห์กระหนาบหน้าและหลังอาทิตย์ จะเป็นคนชั่วร้ายทรยศคดโกง ขี้โรคมีโรคเรื้อรังประจำตัว เอาตัวไม่รอดต้องเป็นลูกน้องหรืออาศัยผู้อื่นตลอดเวลา และลำบากยากจน ฯ

                                               อัถศุภโยค

โศลกที่ ๑๒๕

             ถ้ามีบาปเคราะห์กระหนาบหน้าและหลังลัคนา เรียกว่า ปาปะกรรตะริโยค

             ถ้ามีศุภเคราะห์กระหนาบหน้าและหลังลัคนา  เรียกว่า ศุภะกรรตะริโยค  หรือ เสามยะกรรตะริโยค ถ้ามีศุภเคราะห์กุมลัคนา เรียกว่า ศุภโยค  และ ถ้ามีบาปเคราะห์กุมลัคนา เรียกว่า อะศุภโยค ฯ

หมายเหตุ

             กรรตะริ หรือ กรตตรี หรือ กรรตรี แปลว่า พร้า มีด กระบี่เล็กๆ หรือตระไกร กรรไกร ในที่นี้หมายความว่ากรรไกรคือเปรียบเหมือนพระเคราะห์ที่อยู่ในภพที่ ๑-๑๒ จากลัคนา เป็นกรรไกรหนีบลัคนาอยู่ตลอดกาล

โศลกที่ ๑๒๖

             ถ้าผู้ใดเกิดในศุภโยค จะเป็นคนช่างพูดสุภาพอ่อนโยนน่ารักใคร่นับถือ 

             ถ้าผู้ใดเกิดในอศุภโยค จะเป็นคนเจ้าชู้ ทรยศคดโกงและต้องอาศัยผู้อื่นตลอดเวลา เอาตัวไม่รอด ฯ

โศลกที่ ๑๒๗

             ถ้าผู้ใดเกิดในศุภะกรรตะริโยค จะมีความเป็นอยู่อย่างโอ่โถงสมบูรณ์ผาสุก  มีฐานะดีมั่นคง และมีกำลังกายดีสุขภาพสมบูรณ์ 

             ถ้าผู้ใดเกิดในปาปกรรตะริโยค  จะเป็นโจร อาชญากร   จะกินอาหารที่ไม่บริสุทธิ์  และต้องขอทานหรือขอเขากิน  ต้องอาศัยผู้อื่นเอาตัวไม่รอด ฯ