Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

Aries

 

ราศีเมษเป็นราศีอันดับที่ 1 ของจักรวาล เป็นราศีธาตุไฟต้นธาตุ มีดาวอังคารครองเป็นเกษตร สัญลักษณ์ของราศีนี้คือ แพะภูเขา ซึ่งหมายถึงบุคลิก อารมณ์และรูปร่างลักษณะของคนราศีนี้ สำหรับราศีเมษนี้ มีดาวที่ให้คุณและโทษเฉพาะคนเกิดราศีนี้มีดังนี้

1.ดาวอาทิตย์- เป็นดาวเจ้าเรือนที่ 5 ของดวงชาตาลัคนาราศีเมษ และจากหลักทั่วไปของโหราศาสตร์ท่านว่าดาวเคราะห์ที่เป็นเจ้าเรือนตรีโกณนั้นให้ศุภผลเสมอ ดังนั้นดาวอาทิตย์จึงเป็นดาวให้คุณกับลัคนาราศีเมษโดยเฉพาะ ทั้งความหมายเรือนและภพซึ่งเป็นภพที่ให้คุณ (ภพที่ 5-ปุตตะ) ทั้งความหมายในทางส่งเสริม (ตรีโกณ) และความหมายในการร่วมธาตุ (ตรีโกณร่วมธาตุไฟ กับราศีเมษ)และความหมายในการเป็นคู่มิตรต่อกันระหว่างอาทิตย์และอังคาร

ดังนั้นแม้ว่าอาทิตย์จะเป็นดาวบาปเคราะห์ ก็จะส่งผลดีให้เจ้าชาตาอย่างไม่มีข้อแม้ใดใด และถ้าหากสถิตในตำแหน่งที่ให้คุณ คือ ราศีเมษ (เป็นอุจน์) ราศีกรกฏ (เรือนคู่มิตร) ราศีสิงห์(เรือนตัวเอง-เกษตร-คู่มิตร) ก็จะให้คุณมากที่สุด แต่หากสถิตเรือนเกณฑ์-ตรีโกณอื่นๆเช่น ราศีมังกร (ภพ 10) ราศีตุลย์ (ภพ 7)  ราศีธนู(ภพ9) ก็จะให้คุณเช่นกัน  แต่หากไปสถิตราศีที่เป็นทุสถานะภพ เช่น ราศีกันย์ (ภพ 6-อริ) ราศีพิจิก (ภพ 8- มรณะ) และราศีมีน(ภพ 12 –วินาศ) ก็จะกลายเป็นให้โทษไป สำหรับลัคนานี้

2.ดาวจันทร์-เป็นดาวเจ้าเรือนที่ 4 ของลัคนาราศีเมษ ซึ่งเป็นเรือนเกณฑ์ โดยที่ดาวจันทร์เป็นได้ทั้งศุภเคราะห์และบาปเคราะห์ และเป็นดาวคู่มิตรกับดาวอังคารลัคนาราศีเมษ ผลจะเป็นไปดังนี้

2.1.ดาวจันทร์เป็นคู่มิตรกับอังคาร ในลัคนาราศีเมษ ย่อมจะให้คุณ (ตามหลักทั่วไปในโหราศาสตร์)

2.2.หากดาวจันทร์เป็นบาปเคราะห์ (เพราะอับแสง) ย่อมให้คุณกับราศีเมษ เพราะเป็นเจ้าเรือนเกณฑ์ ตามกฎที่ว่าดาวบาปเคราะห์หากเป็นเจ้าเรือนเกณฑ์จะให้คุณแก่เจ้าชาตา

2.3.หากดาวจันทร์ในดวงชาตาเป็นศุภเคราะห์ (เพราะมีแสง)ย่อมให้โทษ ตามกฎของ เกณฑราธิปติโทษ” (ดาวศุภเคราะห์หากเป็นเจ้าเรือนเกณฑ์จะให้โทษต่อดวงชาตา) กรุณาอ่าน เกณฑราธิปติโทษ ดาวศุภเคราะห์ให้โทษในดวงชาตา

อย่างไรก็ตามโดยลักษณะธรรมชาติของดาวจันทร์นั้นเป็นไปโดยอ่อนไหว ไม่รุนแรง การให้โทษจากจันทร์นั้นคงไม่ต้องกังวลมากนั้น และหากจันทร์สถิตย์ในตำแหน่งให้คุณกับดวงชาตา เช่นเป็นอุจน์ เป็นเกษตร นั้นย่อมให้คุณได้อย่างแน่นอน

3.ดาวอังคาร ถึงแม้จะเป็นบาปเคราะห์ธรรมชาติ แต่จะให้คุณต่อราศีเมษสถานเดียว เพราะเป็นลัคนาธิปติหรือเจ้าเรือนลัคน์ของตัวเอง และถึงแม้ว่าดาวอังคารจะเป็นเจ้าเรือนทุสถานะภพที่ 8 ด้วยก็ตาม ก็ไม่ส่งผลร้ายใดใดต่อลัคนาราศีเมษ เพราะตัวเองก็ย่อมไม่ทำลายตัวเองอยู่วันยังค่ำ แต่อย่างไรก็ตามการเป็นเจ้าเรือนภพ 8 ของอังคารจะไม่ก่อให้เกิดผลของราชาโยคใดใดได้เลย

และหากเจ้าเรือนนี้ไปสถิตในเรือนเกณฑ์ตามกฎ เช่น เมษ(เรือนเกษตร) มังกร(เรือนอุจน์)  ก็ย่อมให้คุณมาก

กรกฏ(เรือนคู่มิตร-นิจ) จะให้คุณเฉพาะในกรณีที่อังคารได้ นิจจะภังคะโยค คือล้างโทษจากการเป็น นิจ เช่นสถิตย์ร่วมพฤหัส (อุจน์) ในราศีกรกฏ  หรือจันทร์เจ้าราศีกรกฏ ได้ตำแหน่งอุจน์ในราศีพฤษภ หรือกฎเกณฑ์อื่นๆในนิจจะภังคราชาโยค

ส่วนอังคารในราศีตุลย์นั้นผลจะลดลงนิดหน่อยอันเนื่องจากเจ้าเรือน(ดาวศุกร์) นั้นเป็นกลางกับดาวอังคาร (ตามกฎคู่มิตร-ศัตรูตามธรรมชาติของดาวเคราะห์) แต่ถ้าหากดาวอังคารในราศีตุลย์มีดาวศุกร์อยู่ทำมุม 2,3,4,10,11และ 12 จากดาวอังคาร ก็ถือว่าเป็นคู่มิตรน้อยหรือคู่มิตรชั่วคราว ก็จะส่งผลให้อังคารมีสถานะดีขึ้น แต่หากเป็นคู่ศัตรูชั่วคราว ก็จะให้ผลตรงกันข้าม กรุณาอ่านวิเคราะห์ดาวคู่มิตร-ศัตรูแบบภารตะ-ไทย

หมายเหตุ -คู่มิตรชั่วคราว คำนวณจากดวงชาตา โดยดาวเคราะห์ในเรือนใดที่เป็น 2,3,4,10,11และ 12 จากดาวเคราะห์ใดก็จะเป็นมิตรชั่วคราวจากดาวเคราะห์นั้น

คู่ศัตรูชั่วคราวคำนวณจากดวงชาตา โดยดาวเคราะห์ในเรือนใดที่เป็น 1 (ร่วมกัน),7(เล็งกัน),5,9 (ตรีโกณกัน)และ 6,8 (อริ มรณะต่อกัน) จากดาวเคราะห์ใด ก็จะเป็นศัตรูชั่วคราวจากดาวเคราะห์นั้น

คัมภีร์ภวรรถรัตนากร ท่านกล่าวว่า ดาวอังคารเป็นศุภ(ให้ผลดี)ถ้าร่วมลัคน์ในราศีเมษ หรือ พิจิก อยู่เรือนที่ 4 ที่ 8 หรือ ที่ 9 ร่วมพฤหัสบดี หรือ ร่วมกับจันทร์ หรือเล็งกับจันทร์ จะให้ผลดีเป็นพิเศษ ซึ่งหลักการนี้คำนวนมาจากการเป็นคู่มิตรต่อกัน ระหว่าง อังคาร กับ อาทิตย์,จันทร์,พฤหัส

ส่วนดาวอังคารที่ให้โทษ ก็คือ ดาวอังคาร ที่เป็นนิจ(ในราศีกรกฏ) และอังคารในราศีของดาวพุธ(ดาวคู่ศัตรู)

4.ดาวพุธ ซึ่งดาวพุธนี้ถือว่าเป็นโทษกับลัคนาราศีเมษหลายชั้นด้วยกัน คือ(1)เป็นคู่ศัตรูกับดาวอังคารตามกฎคู่มิตร-ศัตรูถาวรตามธรรมชาติของโหราศาสตร์ภารตะ (2)เป็นเจ้าเรือนทุสถานะภพที่ 6-อริ ต่อลัคนาราศีเมษ (3) เป็นเจ้าเรือนภพที่ 3 หรือเป็นภพมรณะของมรณะ(พิจิก) (4) เป็นภพ ตรีษัฑทายะ(ที่3และที่ 6)ซึ่งให้โทษ ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ ดาวพุธจึงให้โทษรุนแรงมาก หากดาวพุธในดวงชาตาเป็นดาวบาปเคราะห์ แต่หากดาวพุธในดวงชาตาแสดงตนเป็นดาวศุภเคราะห์ก็จะกลับเป็นการให้ผลดี

อีกในกรณีหนึ่งพุธจะกลับเป็นผลดีหากพุธสถิตในตำแหน่งทุสถานะภพ คือ ที่ 6 (ราศีกันย์) ที่ 8 (ราศีพิจิก) และที่ 12 (ราศีมีน)  หรือหากสถิตในตำแหน่งเกษตรในราศีที่ไม่ใช่ทุสถานะ คือราศีมิถุน พุธก็จะให้แต่ความหมายแต่ในราศีมิถุน โดยแสดงผลร้ายจากความหมายภพที่ 6 (กันย์)น้อยลงไปจนไม่เหลือเลยหรือพุธในราศีมีน เป็นนิจ แต่กลับไม่ส่งผลร้ายใดใดให้ เพราะความเป็นเจ้าเรือนที่ 6 (อริ)ถูกทำลายไปโดยการสถิตย์ในเรือนที่ 12 (วินาศ)

5.ดาวพฤหัส ถือว่าเป็นมงคลแก่ลัคนาราศีเมษ เพราะ(1)ดาวพฤหัสเป็นมหาศุภเคราะห์เป็นมิตรกับอังคารเจ้าราศี (2)พฤหัสเป็นเจ้าเรือนตรีโกณ(ที่9) ของลัคน์เมษ การมีโยคร่วมกันระหว่าเจ้าเรือนเกณฑ์ที่ 4(จันทร์และเจ้าเรือนตรีโกณที่ 9 (พฤหัส)ให้ผลเป็นราชาโยค และ คชเกษริโยค  ซึ่งจะส่งผลดีให้กับดวงชาตาเป็นอย่างยิ่ง และหากพฤหัสมีกำลังเช่น เป็นอุจน์ เกษตร ก็จะลบล้างผลร้ายของการเป็นเจ้าเรือนที่ 12 ได้ เป็นอย่างมาก

6.ดาวศุกร์ ถือว่าให้โทษแก่ราศีเมษ เพราะเจ้าเรือน มารการก หรือ มารที่จะทำลายชีวิต เรือนมารการก หมายถึงเรือนที่ 2 และเรือนที่ 7 ของทุกๆลัคนา โดยเฉพาะราศีเมษ มีดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือนมารการก 2 สถานคือ เจ้าเรือน 2และที่ 7 และนอกจากนี้ดาวศุกร์ในดวงชาตาก็ถือว่าเป็น เกณฑราธิปติโทษอีกด้วย ดังนั้นดาวศุกร์จึงไม่ให้ความรุ่งเรืองใดใดแก่เจ้าชาตา

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างดาวศุกร์และดาวอังคารเจ้าเรือนลัคน์นั้นมีสถานะเป็นกลางต่อกัน ดังนั้นก็ต้องดูในแต่ละชาตาว่าเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกันเฉพาะชาตา หากคำนวณแล้วปรากฏว่าเป็นมิตรกับอังคารก็ถือว่าลดโทษลงไป แต่หากเป็นศัตรูกันก็ต้องระวังผลร้ายจากเรือนที่ดาวศุกร์ครองและตำแหน่งที่สถิตอยู่และการลบล้างผลร้ายใดใดก็ต้องให้ศุกร์สถิตย์ในตำแหน่งที่เป็นเกษตรหรือเป็นอุจน์ในดวงชาตาจึงจะพอสลายอิทธิพลร้ายๆได้

7.ดาวเสาร์ ถือว่าเป็นดาวให้โทษแก่ลัคนาราศีเมษ มีสองสถานคือ (1)ดาวเสาร์เป็นศัตรูถาวรโดยธรรมชาติกับดาวอังคาร เจ้าลัคนาราศีเมษ (2) ดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนที่ 11 ซึ่งเป็นเรือนพันธกะสถาน (3)เป็นเจ้าเรือน ตรีษัฑทายะ(ที่11)ซึ่งเป็นเรือนให้โทษ และ(4)ลักษณะของเสาร์เป็นดาวบาปเคราะห์ให้โทษอยู่แล้วโดยธรรมชาติของเสาร์ ดังนั้นเสาร์ จึงเป็นดาวให้โทษรุนแรงสำหรับลัคนาราศีเมษ นอกเสียว่าเสาร์นั้นได้ตำแหน่งอุจน์ เกษตร หรือมูลตรีโกณ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ให้คุณของเสาร์จึงพอจะล้างโทษได้ แต่การเป็นเจ้าเรือน ตรีษัฑทายะที่ 11 ของเสาร์(ราศีกุมภ์)นี้ หากสัมพันธ์กับดาวอื่นก็ย่อมจะไม่ก่อให้เกิดราชาโยคแต่อย่างใด เช่น พฤหัส(เจ้าเรือนที่ 9) ร่วมกับเสาร์(เจ้าเรือนที่ 10)ตามหลักแล้วควรจะเป็นราชาโยค แต่สำหรับราศีเมษจะไม่ให้ผลราชาโยค ในกรณีนี้

ส่วนดาวราหู-และเกตุ มีวิธีพิจารณาแตกต่างกันออกไปโดยเฉพาะ ซึ่งจะเขียนบทความแยกเป็นพิเศษในตอนต่อไป

โหราจารย์ฝ่ายภารตะท่านกล่าวว่า ชาวราศีเมษโดยทั่วไปเจ้าชาตาจะยากจนแม้จะเกิดในตระกูลมีทรัพย์ ก็เพราะความเอื้อเฟื้อเผื่อและใช้จ่ายเงินอย่างพุ่มเฟือย ไม่รู้จักประหยัดอดออม เก็บเงินไม่อยู่ อันเป็นผลมาจากดาวพฤหัสเจ้าเรือนที่ 9 (ทรัพย์สิน) เป็นเจ้าเรือนที่ 12 (การใช้จ่าย) ด้วย นอกเสียจากว่าดาวพฤหัสได้ตำแหน่งที่ดีในดวงชาตา เช่น สถิตในราศีธนู(เกษตรเรือนที่ 9) หรือได้ศุภวรรคอื่นๆ เช่น วรรคอุตมางศะ(วรโคตรรนววางศ์) เป็นอุจน์ (ราศีกรกฏ) หรือสัมพันธ์กับจันทร์ (คชเกศริโยค) ผลร้ายจากเรือนที่ 12 ก็จะบรรเทาเบาบางลงไป

ในการเสวยอายุของดาวเคราะห์ ท่านว่าลัคนาราศีเมษ ส่วนมากแล้วจะชาตาชีวิตเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าในมหาทศาของดาวอาทิตย์(เจ้าเรือนที่ 5) มหาทศาจันทร์(เจ้าเรือนที่ 4) มหาทศาพฤหัส(เจ้าเรือนที่ 9-12) และมหาทศาเสาร์(เจ้าเรือนที่ 10-11) ส่วนมหาทศาพุธ หรือ ศุกร์ มักให้โทษ เว้นแต่ได้เกณฑ์อธิโยค หรือพุธเป็นนิจ หรือ ศุกร์สถิตในเรือนตรีโกณแก่ลัคน์ และทศาเสาร์ให้ความสำเร็จในเบื้องต้นแต่แล้วก็จะถูกทำลายลงไปในปลายของทศา หากเสาร์เสวยอายุเป็นลำดับที่ 4 ของดวงชาตาท่านว่าเป็นภัยร้ายแรงอย่างยิ่งแก่ชีวิตของเจ้าชาตา

สรุป- ในลัคนาราศีเมษ ตามทฤษฎีของมหาฤาษีประราสาระ ท่านว่า เสาร์ พุธ ศุกร์ เป็นปาป (ให้โทษ) และอาทิตย์ พฤหัส เป็นศุภะ (ให้คุณ) ส่วนจันทร์นั้นให้คุณหรือโทษจะแปรเปลี่ยนไปตามลักษณะที่สถิตของจันทร์ การมีกำลัง การสัมพันธ์กับดาวเคราะห์อื่น และอังคาร เป็นลัคนาธิปติ(เจ้าเรือนลัคน์) ย่อมไม่ให้โทษ (เป็นกลาง) แต่จะให้คุณหรือไม่ ต้องพิจารณาจากตำแหน่งที่สถิตและความสัมพันธ์ทางโยคเกณ์อื่นๆ   และผลดีร้ายต่างๆของดาวเคราะห์เหล่านี้จะแสดงผลในการเสวยอายุและแทรกอายุของดาวเคราะห์นั้นๆ

หมายเหตุ***กรุณาศึกษาบทนำหรือทฤษฎีเพื่อทำความเข้าใจก่อน ทฤษฎีดาวให้คุณ-ดาวให้โทษ เฉพาะคนเกิดลัคนาราศีต่างๆ http://bit.ly/2Zj5gBI

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่ ผลดี-ร้ายของดาวเสวยอายุ(วิมโษตรีทศา) ของลัคนาราศีเมษ

หมายเหตุ - คำว่าลัคนากับราศีเกิด ไม่เหมือนกัน ส่วนมากคนมักเข้าใขผิดว่า เกิดระหว่างวันที่ 13 เม.ย.- 13 พ.ค เป็น ลัคนาราศีเมษ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด ซึ่งการดูจากวันที่และเดือนเกิดอย่างนี้เราเรียกว่า "ราศีเกิด" หรือ Sunsign ซึ่งปีหนึ่งจะมีแค่ 12 ราศี ส่วนลัคนา(Ascendant)นั้นได้รวมเอาเวลาเกิด(เวลาตกฟาก)และสถานที่เกิดเข้าไปด้วย  ซึ่งละเอียดลงไปมากกว่าดูแบบ"ราศีเกิด"  ส่วนลัคนากำเนิดนั้นเท่ากับว่า 1 วันมีครบ 12 ลัคนาหรือ 12 ราศี กรุณาอ่านบทความคำว่า"ลัคนา"กับ"ราศีเกิด" มันคนละเรื่องกัน  ส่วนวิธีคำนวณหาลัคนาแบบโหราศาสตร์ที่ใช้ประกอบกับบทความนี้ ให้ใช้การคำนวณโดยปฏิทินดาราศาสตร์ ตัดอายนางศะลาหิรี โดยเข้าไปเช็คได้ที่เว็บ พยากรณ์.คอม หรือลิงค์นี้ วิธีหาลัคนาแบบดาราศาสตร์ (ลาหิรี-อินเดีย) http://www.payakorn.com/luk_lahiri.php