
บทเรียนที่ 15 เจ้าเรือนที่ 1 (เจ้าเรือนลัคนา) สถิตในเรือนต่างๆ
เจาะลึกความลับของ "ตนุลัคน์" หรือ ลัคนาธิปติ (लग्नाधिपति) หรือ ลัคเนศ (लग्नेश) หรือเรียกง่ายๆว่า”ดาวเจ้าเรือนลัคนา”ในบทเรียนโหราศาสตร์พระเวทบทนี้ "ลัคนาธิปติ " เปรียบเสมือนกุญแจดอกแรกที่จะไขรหัสชีวิตของผู้คน และเพื่อการทำความเข้าใจว่า "ตัวตน" เมื่อเดินทางไปสถิตอยู่ในเรือนชะตาทั้ง 12 ภพนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพยากรณ์พื้นดวงชะตาอย่างไร เพราะตำแหน่งเหล่านี้จะบ่งบอกถึงวาสนาบารมี พฤติกรรม และวิถีชีวิต ของเจ้าชะตาได้อย่างแม่นยำ
บทเรียนนี้รวบรวมคำทำนายและหลักการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านรูปธรรมและนามธรรม ตั้งแต่เรื่องการเงิน สุขภาพ ความมั่งคั่งร่ำรวย อุปสรรค โรคภัย หน้าที่การงาน เกียรติยศชื่อเสียง ไปจนถึงความหลุดพ้น ความพิเศษของบทเรียนนี้คือการนำเสนอเนื้อหาที่ผสมผสานความรู้ของโหราศาสตร์ภารตะ เข้ากับมุมมองเชิงลึกด้านจิตวิทยาและจิตวิญญาณ ทำให้ผู้ศึกษาได้เห็นภาพว่าทำไมดาวเจ้าเรือนลัคนาในแต่ละภพจึงส่งผลต่อ "แรงขับเคลื่อนภายใน" ที่ต่างกัน
เช่น การที่เจ้าเรือนลัคน์ไปสถิตอยู่ในเรือนที่ 5 ทำไมเจ้าชะตาถึงชอบเสี่ยงโชค หรือทำไมในเรือนที่ 12 ถึงนำไปสู่การเป็นผู้เสียสละ นอกจากนี้ยังสอดแทรกคำศัพท์เทคนิคและรากศัพท์ภาษาสันสกฤตที่ถูกต้อง พร้อมเคล็ดลับการพยากรณ์ที่ท่านสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง เพื่อยกระดับความรู้โหราศาสตร์ของท่านให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับนักโหราศาสตร์ทุกระดับที่ต้องการตำราอ้างอิงที่สมบูรณ์และเชื่อถือได้
วิเคราะห์เจาะลึก: ลัคนาคืออะไร
หากเราจะทำความเข้าใจ ลัคนา (Ascendant) ให้ลึกซึ้งไปกว่าแค่การคำนวณทางดาราศาสตร์ว่าเป็นราศีที่โผล่พ้นขอบฟ้า แต่เราต้องมองในมุมของ "มิติแห่งชีวิต" และ "พันธะแห่งกรรม" ดังนี้:
1. ความหมายทางรากศัพท์ คำว่า "ลัคนา" (लग्न) ในภาษาสันสกฤต มีรากศัพท์เกี่ยวข้องกับคำว่า "ผูกพัน" หรือ "ยึดติด" เพราะลัคนาคือจุดตัดของเวลาและสถานที่ ที่ดวงวิญญาณได้ "ยึดโยง" เข้ากับ รูปกายสังขาร หรือขันธ์ ๕ ในภพชาตินี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่กำหนดว่าจิตวิญญาณดวงนี้จะถูก "ตรึง" ไว้กับเงื่อนไขทางกายภาพแบบใด และสภาพแวดล้อมแบบไหน
2. ลัคนาคือยานพาหนะแห่งการจุติ โหราจารย์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งมักเปรียบเทียบเรือนที่ 1 หรือ ตนุภพ ว่าเป็นเสมือน "ยานพาหนะ" หรือ "เสื้อผ้าอาภรณ์" ที่วิญญาณใช้สวมใส่เพื่อดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้
ให้นักศึกษาพึงระลึกเอาไว้ว่า ลัคนาไม่ใช่ "ตัวตนที่แท้จริง" (อาทิตย์คือวิญญาณ) และลัคนาก็ไม่ใช่ "จิตใจ" (จันทร์คือจิตใจและอารมณ์) แต่ถ้าจะเปรียบลัคนาคือภาชนะรองรับ ลัคนาก็คือ “เปลือกหุ้ม” หรือภาชนะที่ห่อหุ้มจิตวิญญาณนั้นไว้ เพราะลัคนาเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก เช่น รูปร่างหน้าตา สีผิว และบุคลิกท่าทาง ล้วนถูกกำหนดโดยลัคนา เพราะสิ่งเหล่านี้คือเครื่องมือที่เราใช้ในการปฏิสัมพันธ์กับโลกวัตถุ
3. ลัคนาคือ”หน้ากากทางสังคม” ในมุมมองเชิงจิตวิทยา (Psychological Astrology) ลัคนาคือ "หน้ากาก" หรือบทบาทที่เราแสดงออกต่อสังคม ซึ่งบ่งบอกรูปลักษณ์ทางกายภาพ เพราะมันคือสิ่งที่คนอื่น "เห็น" เป็นแวบแรกเมื่อได้พบเรา ลัคนาจึงเป็นตัวบ่งบอกถึงวิธีการที่เรานำเสนอตัวเองต่อสาธารณะ ซึ่งยังรวมไปถึงการยอมรับทางสังคม โดยมนุษย์เราแสวงหาการยอมรับจากสังคมผ่านทางเรือนที่ 1 นี้ และหากลัคนาเข้มแข็ง เจ้าชะตามักจะมีความมั่นใจในการแสดงออกและได้รับการยอมรับในตัวตนทางกายภาพจากสังคมได้ง่าย
4. ลัคนากับ สนามพลังและสิ่งแวดล้อมในขณะที่เจ้าชะตาถือกำเนิด(ตกฟาก) ลัคนาจึงไม่ได้หมายถึงแค่ตัวเจ้าชะตาเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึง "บรรยากาศ" และสภาพแวดล้อมในขณะที่เจ้าชะตาเกิด ซึ่งบ่งบอกถึงลักษณะทางกายภาพ เช่น สภาพความแข็งแรงของร่างกาย พลังชีวิต และภูมิต้านทานโรค ฯลฯ
ลัคนาและดาวเจ้าเรือนลัคนา ยังบ่งบอกถึงลักษณะการเคลื่อนไหว การเคลื่อนที่ การโคจร และแม้กระทั่งเส้นทางชีวิตที่เจ้าชะตาจะต้องเดินไป สรุปเปรียบเทียบง่ายๆว่า อาทิตย์ คือ เจ้าของบ้าน (วิญญาณธาตุ) จันทร์ คือ ผู้ดูแลบ้าน (จิตใจและอารมณ์) ส่วนลัคนา คือ "ตัวบ้าน" และ "ประตูหน้าบ้าน" (ร่างกายและบุคลิกภาพ) ที่คนภายนอกมองเห็นและจะต้องเดินผ่านเข้ามา
เจ้าเรือนที่ 1 (ลัคนา) สถิตในเรือนต่างๆ
ในทางโหราศาสตร์ มิติทั้ง 12 ของชีวิตมนุษย์จะถูกถ่ายทอดเรื่องราวผ่านทาง 12 เรือนชะตา ของจักรราศี ซึ่งราศีที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก (Eastern Horizon) ณ เวลาเกิด หรือเวลาตกฟาก เรียกว่า "ลัคนา" (Ascendant – Lagna) และถือเป็น เรือนที่ 1 (ตนุ) ซึ่งเรือนนี้เป็นตัวแทนบ่งบอกถึง บุคลิกภาพ และ ชื่อเสียงเกียรติยศ ของเจ้าชะตา
ตัวอย่าง เช่น วรรณะหรือสีผิวของเจ้าชะตานั้น ก็ยังสามารถพยากรณ์ได้จากสีของ ดาวเจ้าเรือนลัคนา (ลัคนาธิปติ-लग्नाधिपति) หรือ ลัคเนศ (लग्नेश) เช่น หากดาวเจ้าเรือนลัคนาเป็นดาวพฤหัสบดี เจ้าชะตาก็มักจะมีผิวสีน้ำตาลหรือผิวสองสี รวมไปถึงการพิจารณาจากสีของดาวเคราะห์ที่ส่งเกณฑ์สัมพันธ์มายังลัคนาด้วย
หลักเกณฑ์การพิจารณาความเข้มแข็งของลัคนา:
ดาวเจ้าเรือนลัคนา จะมีความเข้มแข็งหากดาวเจ้าเรือนลัคนา ได้ตำแหน่ง อุจจ์ , หรือได้รับแสงหรือทรรศนสัมพันธ์จากดาวศุภเคราะห์ ในวรรคต่างๆ(อัมศะ เช่น ในราศี ในนวางค์ ตรียางค์ สัปตางศ์ ฯลฯ) หรือ สถิตอยู่ในเรือนเกษตร (สวะเกษตร) หรือ เรือนคู่มิตร อีกทั้งหากสถิตอยู่ในเรือนเกณฑ์ หรือ ตรีโกณ ก็จะส่งผลให้ดาวเจ้าเรือนลัคนา มีความเข้มแข็งไปตามลำดับ
ผลลัพธ์คือเจ้าชะตาจะเป็นผู้ที่พรั่งพร้อมไปด้วย ความมั่งคั่ง , ความสุข และอาจถึงขั้นมีอำนาจพิเศษเหนือธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า อิทธิฤทธิ์ 8 ประการ (อัษฏะสิทธิ) ตามคติความเชื่อในโหราศาสตร์ฮินดู
หากดาวเจ้าเรือนลัคนาอ่อนแอ ผลย่อมตรงกันข้าม เช่น หากดาวเจ้าเรือนลัคนามีกำลังอ่อน (พละ หีนะ), เป็น นิจ , สถิตร่วมกับ ดาวบาปเคราะห์ (ปาปะครหะ), อยู่ในวรรคต่างๆที่เป็นศัตรู (อัมศะฯลฯ) และถูกโยคเกณฑ์ของดาวบาปเคราะห์เล็งหรือส่งเกณฑ์ถึง
ผลลัพธ์ เจ้าชะตามักจะมี สุขภาพไม่แข็งแรง , ยากจนขัดสน และมักจะหมกมุ่นอยู่กับพฤติกรรมที่ ทำลายตนเอง ตัวอย่างเช่น หากราหูกุมลัคนาร่วมกับดาวบาปเคราะห์อื่นๆ ผลลัพธ์ก็คือ ลัคนาก็จะถูกเบียนอย่างแรง เจ้าชะตามักจะถูกผู้คน ดูหมิ่นเหยียดหยาม และชีวิตจะเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานจากการกระทำของ ศัตรู และคนทุจริตคดโกง
ผลของดาวเจ้าเรือนลัคนาสถิตใน 12 ภพ
1. ดาวเจ้าเรือนลัคนา สถิตในเรือนลัคนา
เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนา (ลัคนาธิปติ) โคจรมาสถิตอยู่ในเรือนลัคนา ที่เป็นเรือนของตนเอง ได้ตำแหน่งเกษตร -หรือเรียกว่า สวะเกษตร (स्व क्षेत्र))
1.ชื่อเสียง: เจ้าชะตาจะมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จัก หรือเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป เหมือนมีแสงส่องมาที่ตัวเองอยู่เสมอ
2.ความสุขทางโลก : เจ้าชะตาจะเป็นผู้ที่พรั่งพร้อมและได้รับความสุขความสบายทางวัตถุอย่างสมบูรณ์
3.รักอิสระ : เจ้าชะตามีจิตวิญญาณแห่งความเป็นอิสระสูง ชอบพึ่งพาตนเอง และมักสร้างเนื้อสร้างตัวได้ด้วยลำแข้งของตนเอง
4.ความสนใจ: จิตใจอาจจะดูรวนเรหรือไม่นิ่ง ซึ่งในที่นี้หมายถึงการที่มีความสนใจในเรื่องราวต่างๆ หลากหลายหัวข้อ หรือสนใจผู้คนหลายกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยในเวลาเดียวกัน
5.ความตื่นตัว: เจ้าชะตาจะเป็นคนที่มีความตื่นตัวอยู่เสมอ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ กระฉับกระเฉง ว่องไว
6.การเดินทางไกล : มีเกณฑ์ที่จะได้เดินทางไปต่างประเทศ หรือดินแดนที่ห่างไกลบ่อยๆ (เนื่องจากลัคนาคือการเคลื่อนที่และการเริ่มต้นใหม่)
7.บุคลิกภาพ: เจ้าชะตามักจะได้รับการเคารพนับถือในแวดวงสังคมของตน มีบุคลิกภาพที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ และมีสง่าราศี และมีบารมีมาก
การที่ดาวเจ้าเรือนลัคนาที่สถิตในลัคนาเราเรียกว่า สวะเกษตร (อยู่ในเรือนของตัวเอง) ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งทั้งทางจิตวิทยาและจิตวิญญาณ
เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนาสถิตอยู่ในลัคนา จิตใจของเจ้าชะตาจะมีความรู้สึก "เป็นหนึ่งเดียว" กับร่างกายและบุคลิกภาพของตนเองอย่างมาก ทำให้เจ้าชะตารู้สึกสบายกายสบายใจ และมั่นใจในตัวเอง เพราะไม่มีความขัดแย้งระหว่าง "ตัวตนภายใน" กับ "สิ่งที่แสดงออกภายนอก" เจ้าชะตาจะมีพลังปราณหรือพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยม เนื่องจากดาวเจ้าเรือนได้ตำแหน่งที่เข้มแข็ง พลังชีวิต จึงไหลเวียนดีมาก ทำให้ร่างกายแข็งแรงและฟื้นตัวจากความเจ็บป่วยได้เร็ว
นอกจากนี้จุดเด่นที่สุดของดาวเจ้าเรือนลัคนาที่สถิตในลัคนาก็คือ เจ้าชะตาจะมักจะทำตัวเป็น “ศูนย์กลางของจักรวาล” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนเห็นแก่ตัวเสมอไป แต่หมายถึงการที่ "ตัวฉัน" เป็นศูนย์กลางของ”การรับรู้โลกภายในและโลกภายนอก” ดังนั้นพลังงานทั้งหมดจะถูกดึงกลับมาที่ "ตัวตน" ซึ่งจะทำให้เจ้าชะตามักหมกมุ่นอยู่กับพัฒนาการของตนเอง ภาพลักษณ์ของตนเอง และความก้าวหน้าของตนเองเป็นหลัก
ทำไมบางตำราถึงบอกว่า "จิตใจรวนเร" แต่ในบริบทนี้เป็นลักษณะของ “มีพลังแห่งการเคลื่อนไหวสูง” เพราะลัคนาคือจุดกำเนิด คือพลังแห่งการเริ่มต้น เมื่อดาวเจ้าเรือนมาสถิตที่นี่ พลังงานจึงพุ่งพล่าน อยากรู้อยากเห็น อยากเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ทำให้ดูเหมือนคนจับจดหรือเปลี่ยนความสนใจไปเรื่อยๆ แต่จริงๆ แล้วก็คือพลังแห่งการสำรวจ(โลกภายนอก) และความตื่นตัว ที่มีมากเกินไปนั่นเอง
นอกจากนี้เจ้าชะตายังจะมี”พลังดึงดูดทางสังคม” การที่ดาวเจ้าเรือนลัคนาเข้มแข็งในเรือนที่ 1 (ตนุภพ) ทำให้ "รัศมี" (ออร่า) ของเจ้าชะตานั้นเปล่งประกายออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้คนรอบข้างจะสัมผัสได้ถึง "ตัวตน" ที่ชัดเจน แข็งแกร่ง และมั่นคง ทำให้เกิดแรงดึงดูด ให้ผู้คนอยากเข้ามาปฏิสัมพันธ์ด้วย นี่จึงเป็นลักษณะของผู้นำตามธรรมชาติ ที่ยืนหยัดด้วยลำแข้งของตนเอง
2. ดาวเจ้าเรือนลัคนา สถิตในเรือนที่ 2 (กฎุมภะ)
เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนา (ลัคนาธิปติ) สถิตในเรือนที่ 2 หรือ กฎุมภะ หรือ ธนภวะ
1.ผู้คงแก่เรียน : เจ้าชะตามีพรสวรรค์ในด้านความเป็นเลิศทางวิชาการ มีความรอบรู้ และมีนิสัยรักการศึกษาค้นคว้า
2.เปี่ยมด้วยคุณธรรม : พื้นฐานจิตใจมักโน้มเอียงไปในทางธรรม มีความศรัทธาในศาสนาหรือจิตวิญญาณ และเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติที่น่าชื่นชมหลายประการ
3.วาทศิลป์เป็นเลิศ : เจ้าชะตามีพรสวรรค์ในเรื่องของการเจรจา มีวาทศิลป์ที่คมคาย พูดจาฉะฉานชัดเจน สามารถโน้มน้าวใจผู้คนได้ดีเยี่ยม
4.ดวงตาที่มีเสน่ห์: เป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพดึงดูดใจ และมักสร้างความประทับใจให้ผู้อื่นด้วย "สายตา" ที่เฉียบคม หรือดวงตามีประกายที่แสดงถึงพลังอำนาจ
5.ครอบครัว : ครอบครัวของเจ้าชะตาจะมีแต่ความสุข
6.ปิยวาจา : เจ้าชะตาเป็นคนพูดจาไพเราะเสนาะหู มีกิริยาวาจานุ่มนวลชวนฟัง
7.เทวีแห่งวาจามาสถิต : ตามตำรากล่าวเปรียบเปรยว่า เสมือนหนึ่งมี "พระแม่สรัสวดี" (เทวีแห่งปัญญาและวาจา) สถิตอยู่ที่ริมฝีปากของเจ้าชะตา ซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถพิเศษในเชิงกวีวรรณศิลป์ และทักษะการสื่อสารขั้นสูง
การที่ดาวเจ้าเรือนลัคนา (ตัวตน,ร่างกาย) ไปสถิตในเรือนที่ 2 (ครอบครัว,ทรัพย์สิน,ใบหน้า,วาจา) ทำให้เกิดมุมมองที่น่าสนใจดังนี้ คือ: ตัวตนที่ผูกพันกับ "คุณค่าของวงศ์ตระกูล" เพราะเรือนที่ 2 คือ "กุละ" (ตระกูล) หรือ ตระกูล,สายเลือด เมื่อตัวตน เข้าไปอยู่ในเรือนนี้ เจ้าชะตามักจะนิยามตัวตนของตัวเองผ่าน "ประวัติศาสตร์และภูมิหลังของครอบครัว" หรือ "ค่านิยมดั้งเดิม" หรือขนมธรรมเนียมที่สืบทอดมาจากวงศ์ตระกูล ดังนั้นเจ้าชะตาจะเป็นผู้สืบทอด รักษา และปกป้องทรัพย์สมบัติหรือภูมิปัญญาของวงศ์ตระกูล และความสุขของเจ้าชะตาจึงผูกติดอยู่กับความมั่นคง มั่งคั่ง และชื่อเสียงของครอบครัวเป็นหลัก
ในทางโหราศาสตร์กายวิภาค (กาลปุรุษ กุณฑลิ) เรือนที่ 2 ควบคุม ใบหน้า , ดวงตา , และ ปาก และเมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนา (พลังชีวิต) มาสถิตอยู่ที่นี่ พลังงานทั้งหมดจะถูกแสดงออกมาทาง "ใบหน้า" นี่คือเหตุผลว่าทำไมเจ้าชะตาจึงมี "สายตาที่เฉียบคม" เพราะดวงตาคือหน้าต่างที่พลังแห่งตัวตน ส่องประกายออกมาได้ชัดเจนที่สุด และยังหมายถึง "เสียงพูด" เพราะตัวตนของเจ้าชะตาจะถูกจดจำได้ดีที่สุดผ่านสิ่งที่เจ้าชะตาพูด
เรือนที่ 2 ยังหมายถึง การสะสม และ คลังสมบัติ นอกจากเรื่องสะสมเงินทองแล้ว ในบริบทของผู้คงแก่เรียน มันคือการสะสม "คลังความรู้" เพราะเจ้าชะตามักมองว่า ความรู้ ข้อมูล หรือทรัพย์สิน เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายและตัวตนของเจ้าชะตา ดังคำพูดที่ว่า “ตัวฉันคือสิ่งที่ฉันมี และตัวฉันคือสิ่งที่ฉันรู้” (I am what I own , I am what I know) เพราะความรู้นี่แหละคือทรัพย์ที่แท้จริง ที่ไม่มีใครแย่งชิง หรือ ขโมยมันไปได้
นอกจากนี้เรือนที่ 2 คือแหล่งกำเนิดของเสียง การที่ดาวเจ้าเรือนลัคนามาสถิตย์ในเรือนคำพูด ก็ย่อมทำให้คำพูดของเจ้าชะตามี "น้ำหนัก" และมี "พลังงาน" แฝงอยู่ ไม่ใช่แค่พูดไพเราะ แต่พูดแล้วคนเชื่อ พูดแล้วเกิดผลสัมฤทธิ์ หรือ เป็นคนมีวาจาสิทธิ์
3. ดาวเจ้าเรือนลัคนา สถิตในเรือนที่ 3 (สหัชชะ)
เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนา (ลัคนาธิปติ) สถิตอยู่ในเรือนที่ 3 หรือ สหัชชะ
1.ความกล้าหาญ: เจ้าชะตาจะเป็นผู้ที่มีความกล้าหาญอย่างยิ่ง มีความเพียรพยายาม และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
2.วิถีทางที่นอกกรอบ: การกระทำและพฤติกรรมของเจ้าชะตา อาจถูกมองว่า "แปลกแยก" หรือ "นอกคอก" ผิดแผกไปจากขนบธรรมเนียมประเพณีที่สังคมยึดถือกันทั่วไป
3.รักเกียรติยศ : แม้จะดูขวางโลก แต่เจ้าชะตาตระหนักดีว่า "ศักดิ์ศรีและเกียรติยศ" คือทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุด ดังนั้นเจ้าชะตาจึงระมัดระวังไม่ให้สิ่งใดมาทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของตน
4.พรสวรรค์ด้านดนตรีและคณิตศาสตร์:เจ้าชะตามีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองไปสู่การเป็น นักดนตรีที่มีชื่อเสียงได้ และในทำนองเดียวกัน หากมุ่งเน้นพัฒนาทักษะการคำนวณ ก็มีโอกาสจะเป็น นักคณิตศาสตร์ระดับแนวหน้า ได้เช่นกัน
หลักวิทยาศาสตร์ดั้งเดิมกล่าวว่า ดนตรีเกี่ยวข้องกับสมองซีกขวา (ความคิดสร้างสรรค์, ศิลปะ, อารมณ์) มากกว่า แต่คณิตศาสตร์เกี่ยวโยงกับสมองซีกซ้าย (ตรรกะ, ตัวเลข) เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม การศึกษาใหม่ๆ ชี้ว่าทักษะทั้งสองอย่างต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของสมองทั้งสองซีก โดยเฉพาะการผสมผสานการใช้เหตุผลและจินตนาการเข้าด้วยกัน ทำให้สมองทำงานแบบบูรณาการ ไม่ใช่แยกซีกใดซีกหนึ่ง ซึ่งตรงกับหลักของโหราศาสตร์
5.ปัญหาสุขภาพ : เจ้าชะตาควรต้องระมัดระวังและดูแลรักษาสุขภาพให้ดีเป็นพิเศษ เนื่องจากเรือนที่ 3 เป็นเรือนที่ 8 นับจากเรือนที่ 8 หรือ ซึ่งส่งผลถึงพลังชีวิต (โดยใช้วิธีดูแบบภพซ้อนภพ เรือนซ้อนเรือน หรือที่เรียกว่าวิธี "ภาวาตะ ภาวะมะ" "भावात भावम")
6.ความสัมพันธ์: เป็นผู้ที่มีความสามารถในการบริหารจัดการความสนใจหลายๆ อย่างไปพร้อมกัน หรือสามารถรักษาความสัมพันธ์กับผู้คนหลายกลุ่มที่แตกต่างกันได้ในเวลาเดียวกัน
เรือนที่ 3 นอกจากความกล้าหาญแล้ว ยังหมายถึง "กระบวนการทางความคิด" และ "ทักษะจากสามัญสำนึก" การที่ดาวตัวตน (เจ้าเรือนลัคน์) มาสถิตอยู่ที่นี่ จึงมีความหมายว่า เจ้าชะตามักจะเป็นผู้กำหนดชีวิตของตนเอง โดยไม่ต้องมีใครมาชี้นำ นี่คือเหตุผลว่าทำไม เจ้าชะตาถึงดูเป็นคน "นอกกรอบ" ในสายตาของสังคม
เรือนที่ 3 เกี่ยวข้องกับการประชุม, การสื่อสารระยะสั้น, และเพื่อนฝูง เจ้าชะตาจะรู้สึกว่า "ตัวตน" ของเจ้าชะตาจะมีค่าที่สุดเมื่อได้ "เชื่อมโยง" ข้อมูลข่าวสาร หรือเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน เจ้าชะตาจึงสามารถคุยกับคนหลายกลุ่มและหลากหลายระดับได้พร้อมๆ กันโดยไม่สับสนกับสถานภาพของตนเอง
เรือนที่ 3 และพลังแห่งความเพียร เนื่องจากเรือนที่ 3 เป็นเรือน อุปจัย (เรือนแห่งการเจริญเติบโต) การที่ดาวเจ้าเรือนลัคนามาสถิตอยู่ที่นี่ บ่งบอกว่าความสำเร็จของเจ้าชะตาไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ได้มาด้วย "ความกล้าหาญและความเพียรพยายามส่วนตัว" ล้วนๆ
4. ดาวเจ้าเรือนลัคนา สถิตในเรือนที่ 4 (พันธุ)
เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนา (ลัคนาธิปติ) สถิตอยู่ในเรือนที่ 4 หรือ พันธุ
1.ชาติกำเนิดสูงส่ง : เจ้าชะตามักถือกำเนิดในครอบครัวที่มีฐานะดี ตระกูลขุนนาง หรือชนชั้นสูง มีรากฐานชีวิตที่มั่นคงมาแต่เดิม
2.รูปงาม: โดยทั่วไปมักเป็นผู้ที่มีรูปร่างหน้าตาดี และเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน มุ่งมั่นที่จะสร้างฐานะ มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และมีบุคลิกภาพที่น่าประทับใจ
3.ความอุตสาหะ : เจ้าชะตามักมีนิสัย "บ้างาน" ดังนั้นความมั่งคั่งและความสำเร็จในชีวิตของเจ้าชะตาจะมาจากความขยันหมั่นเพียรและการทำงานหนัก
4.กิริยามารยาท: เจ้าชะตาเป็นผู้ที่วางตัวดี ประพฤติตนเหมาะสมตามบรรทัดฐานของสังคม
5.มารดาและทรัพย์สิน: เจ้าชะตาจะได้รับความสุขและการสนับสนุนที่ดีจากมารดา ชีวิตจะเพียบพร้อมไปด้วย บ้านที่อยู่อาศัยและ ยานพาหนะ ที่สะดวกสบาย
7.มิตรสหาย : เจ้าชะตาจะมีเพื่อนฝูงมากมาย เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในวงสังคมของตน
8.ภาวะผู้นำ: เจ้าชะตามักจะได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำในกลุ่มเพื่อนฝูงและเครือญาติ นอกจากนี้ยังมักได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูลจาก ลุง ป้า น้า อา เป็นอย่างดี
เรือนที่ 4 คือ "รากเหง้า" และ "ความมั่นคงทางอารมณ์" การที่ดาวเจ้าเรือนลัคนา (ตัวตน) มาสถิตที่เรือนนี้ หมายถึง”ตัวตน”ที่ยึดโยงกับรากฐานและวัฒนธรรม
เมื่อดาวตัวตน มาสถิตอยู่ในเรือนพันธุ เจ้าชะตาจะนิยามตัวตนผ่าน "สถานที่" และ "วัฒนธรรมท้องถิ่น" เจ้าชะตาจะรู้สึกมั่นคงที่สุดเมื่อได้เป็นเจ้าของที่ดิน บ้าน หรืออยู่ในถิ่นกำเนิดของตนเอง เป็นคนที่รักและหวงแหนถิ่นฐานบ้านเกิด
เจ้าชะตาเป็นคน "ประพฤติตัวดี" เพราะเรือนที่ 4 เกี่ยวข้องกับ "การอบรมเลี้ยงดูขั้นพื้นฐาน" การที่ดาวประจำตัวมาสถิตอยู่ในเรือนนี้ แสดงว่าเจ้าชะตาได้ "ซึมซับ" การอบรมสั่งสอนจากครอบครัวหรือโรงเรียนมาเป็นอย่างดี ทำให้เป็นคนที่ยึดถือขนบธรรมเนียม และต้องการการยอมรับจากสังคมผ่านการทำตัวให้ "ถูกต้อง" ตามจารีต
ในด้านความผูกพันกับมารดา อธิบายว่า ลัคนาคือ รูปกายสังขาร เรือนที่ 4 คือมารดา การเชื่อมโยงนี้ทำให้เจ้าชะตามักมีบุคลิก หรือวิถีชีวิตที่ "ถอดแบบ" มาจากมารดา หรือผู้เลี้ยงดู ดังนั้นมารดาคือกระจกเงาบานแรกที่สะท้อนให้เจ้าชะตาเห็นว่า "ฉันคือใคร" ความมั่นคงทางจิตใจของเจ้าชะตาจึงขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับมารดาเป็นสำคัญ
นอกจากนี้เจ้าชะตายังมีความต้องการที่จะสร้าง "เกราะป้องกัน" ให้กับตัวเอง เมื่อลัคนาเปรียบเหมือนตัวบ้านหรือประตูบ้าน ดังนั้นเรือนที่ 4 จึงเป็นเสมือน "รั้วบ้าน" ซึ่งจะสร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" ให้กับเจ้าชะตา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง บ้าน รถยนต์ หรืออสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ สำหรับเจ้าชะตาแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่ของนอกกาย แต่เป็น "ส่วนขยายของตัวตน" ที่ทำให้เจ้าชะตารู้สึกปลอดภัยและมีอำนาจที่จะควบคุมชีวิตของตนเอง การที่ดาวเจ้าเรือนลัคนามาสถิตที่เรือนนี้ ก็จะทำให้เจ้าชะตามักจะมีอิทธิพลในท้องถิ่นของตน เพื่อนฝูงและญาติพี่น้องจะยกย่องเจ้าชะตาให้เป็นศูนย์รวมจิตใจ หรือเป็นที่พึ่งพิงหลักของครอบครัว
5. ดาวเจ้าเรือนลัคนา สถิตในเรือนที่ 5 (ปุตตะ)
เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนา (ลัคนาธิปติ) สถิตอยู่ในเรือนที่ 5 หรือ ปุตตะ
1.ชื่อเสียง : ชื่อเสียงเกียรติยศจะวิ่งเข้าหาเจ้าชะตาเองโดยธรรมชาติ (โดยไม่ต้องดิ้นรนไขว่คว้ามากนัก เนื่องจากผลบุญเก่าหนุนนำ)
2.ความมุ่งมั่น: เจ้าชะตาจะมีบุคลิกที่ค่อนข้างดุดัน มุทะลุ หรือมีความเชื่อมั่นในตนเองสูงมาก จนบางครั้งอาจดูเหมือนก้าวร้าวในสายตาผู้อื่น (เนื่องจากมั่นใจในความคิดของตน)
3.นักการเมือง: เจ้าชะตามักได้รับความเมตตาหรือได้รับการอุปถัมภ์จาก พรรคการเมือง นักการเมือง หรือผู้ที่มีอำนาจรัฐ
4.งานราชการ: เจ้าชะตามีแนวโน้มสูงที่จะได้รับผลประโยชน์หรือประสบความสำเร็จในงานด้านการค้าพาณิชย์ และ งานด้านการทูต รวมถึงการงานจะมีความโดดเด่นรุ่งโรจน์หากเจ้าชะตาเข้ารับราชการ และจะได้รับการสนับสนุนเกื้อกูลจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หรือผู้บังคับบัญชา
6.โชคในการเสี่ยงดวง : เจ้าชะตาจะมีโชคในเรื่องการเสี่ยงโชค หรือการเก็งกำไร หากเจ้าชะตารู้จักใช้ สติปัญญา วิเคราะห์อย่างรอบคอบ ก็จะโชคดีในการลงทุน
เรือนที่ 5 ในฐานะที่เป็น "เวทีแสดงออกของตัวตน" และเป็น "ศูนย์รวมของสติปัญญา"ของเจ้าชะตา ซึ่ง ตัวตนในเรือนนี้ก็คือ "ผู้สร้างสรรค์" และ "นักแสดง" เมื่อดาวแห่งตัวตน (เจ้าเรือนลัคน์) มาสถิตอยู่ในเรือนแห่งความคิดสร้างสรรค์ เจ้าชะตาจะนิยามตัวเองว่าเป็น "ผู้มีความคิดริเริ่มและสร้างสรรค์" เพราะเจ้าชะตาต้องการเป็นจุดสนใจ ซึ่งก็เหมือน”ดาวอาทิตย์” ซึ่งเป็น”การกะ”ของเจ้าเรือนที่ 5 โดยธรรมชาติ ดังนั้นชื่อเสียงจึงมาหาเจ้าชะตา เพราะเจ้าชะตาชอบทำตัวให้โดดเด่นอยู่เสมอ
เมื่อเจ้าเรือนลัคน์มาสถิตในเรือนนี้ก็ได้สร้างจิตวิญญาณของสู้ เพราะพลังของเรือนที่ 5 คือพลังแห่ง "ชัยชนะ"และ "เกมการต่อสู้" ซึ่งทำให้เจ้าชะตามองชีวิตคือเกมการแข่งขัน เจ้าชะตาจึงมีสไตล์ที่ "กล้าได้กล้าเสีย" ไม่ว่าจะเป็นในสนามประลองใดใดก็ตาม จิตใจของเจ้าชะตาจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญที่จะเสี่ยงเพื่อชัยชนะ
อีกเรื่องก็คือ”พลังของบุญเก่า”เพราะการที่เจ้าชะตามีโชคจากการเสี่ยงดวง หรือได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจาก "ปุรพปุณยา" หรือบุญกุศลที่สั่งสมมาแต่อดีตชาติ เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนาที่สถิตเรือนนี้ ทำหน้าที่เหมือนกุญแจที่ไขเอา "บุญเก่า" ออกมาใช้ในรูปแบบของโชคลาภ และปัญญาญาณ ในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ
6. ดาวเจ้าเรือนลัคนา สถิตในเรือนที่ 6 (อริ)
เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนา (ลัคนาธิปติ) สถิตอยู่ในเรือนที่ 6 หรือ อริ (Ari Bhava , Shatru Bhava)
1.กล้าหาญและโดดเด่น : เจ้าชะตาจะเป็นผู้ที่มีความกล้าหาญ และมีความโดดเด่นเป็นสง่า
2.ฐานะการเงิน : สถานะทางการเงินโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ดี
3.มีชั้นมีเชิง : เจ้าชะตาอาจใช้วิธีการที่ไม่ค่อยโปร่งใสขาวสะอาดนัก หรือมีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ
4.หนี้สิน : มีโอกาสที่จะเกิดหนี้สินขึ้นได้ แต่เจ้าชะตาก็มีความสามารถที่จะชำระคืนได้ทันเวลาเสมอ
5.วิถีแห่งนักรบ : เจ้าชะตามีเกณฑ์ที่จะเข้าร่วมงานใน กองทัพ หรือหน่วยงานความมั่นคง และสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งระดับสูงได้
6.พี่น้อง : เจ้าชะตามักได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูลจากพี่น้องอยู่เสมอ
7.งานด้านสาธารณสุข : เจ้าชะตามีโอกาสสูงที่จะประกอบอาชีพในแวดวง การแพทย์หรือสาธารณสุข
8.ปัญหาสุขภาพ : เจ้าชะตาต้องระมัดระวังดูแลรักษาสุขภาพของตนเองเป็นพิเศษ (เนื่องจากดาวประจำตัวไปอยู่ในเรือนแห่งโรคภัย)
9.ศัตรู : เจ้าชะตาจะมี ศัตรูจำนวนมาก และต้องคอยระแวดระวังแผนการร้าย หรือเล่ห์กลโกงจากคนเหล่านั้น
10.ความริษยา : ความสำเร็จของเจ้าชะตามักจะเป็นต้นเหตุให้เกิดความอิจฉาริษยาในหมู่ศัตรูหรือคนรอบข้าง
11.ความสำเร็จ : ชีวิตแม้จะมีอุปสรรค แต่โดยภาพรวมแล้ว เจ้าชะตาจะประสบความสำเร็จในบั้นปลายของชีวิต
เรือนที่ 6 เป็นเรือนแห่ง "ความไม่สมดุล" , เรือนด้าน"การรับใช้และการบริการ", และเรือนแห่ง "ความขัดแย้ง" การที่ดาวตัวตน มาสถิตในเรือนนี้ มีความหมายว่า เจ้าชะตาเป็นผู้แก้ปัญหาและผู้ให้บริการ เพราะเรือนที่ 6 คือเรือนแห่งการรับใช้ เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนามาอยู่ที่นี่ เจ้าชะตาจะนิยามตัวตนผ่าน "การแก้ปัญหาให้ผู้อื่น"
นี่คือเหตุผลที่เจ้าชะตามักเป็น แพทย์, พยาบาล, ทนายความ หรือทหาร เพราะอาชีพเหล่านี้ต้องเอาตัวเข้าไปพัวพันกับ "ความเจ็บป่วย, คดีความ, หรือสงคราม" (ซึ่งล้วนเป็นความหมายของภพอริ) เพื่อจัดการให้มันสงบลง นอกจากนี้เจ้าชะตายังมีความสามรถทำมาหากินบนความขัดแย้ง หรือวิธีการที่ไม่ขาวสะอาด หรือ อาจหมายถึงความสามารถในการเข้าไปจัดการกับเรื่องสีเทาๆ ได้ดี เนื่องมาจากเจ้าชะตาคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่มีการเอารัดเอาเปรียบหรือความไม่ยุติธรรม จึงรู้ทางหนีทีไล่และใช้เล่ห์เหลี่ยมในการเอาตัวรอดได้ดีกว่าคนทั่วไป
ลัคนาคือกายเนื้อ เมื่อมาอยู่ในเรือนที่ 6 (โรคภัยและอุปสรรค) ร่างกายของเจ้าชะตาจึงมักต้องเผชิญกับสภาวะที่ไม่สมดุล เช่น ป่วยบ่อย แต่อย่าลืมว่าเรือนที่ 6 เป็น เรือนอุปจัย คือเรือนที่ "ยิ่งสู้ยิ่งเก่ง" เจ้าชะตาอาจป่วยบ่อยในวัยเด็ก แต่จะแข็งแกร่งขึ้นและรู้วิธีดูแลตัวเองอย่างดีเยี่ยมในวัยผู้ใหญ่
ศัตรูคือยาชูกำลัง การมีศัตรูสำหรับเจ้าชะตาแล้ว มักไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เพราะศัตรูคือแรงกระตุ้นให้เจ้าชะตาตื่นตัว และพัฒนาตนเองจนประสบความสำเร็จ สรุปว่าความสำเร็จของเจ้าชะตา มักเกิดจากการ "เอาชนะ" อุปสรรค ไม่ใช่ได้มาแบบสบายๆ เหมือนเรือนปุตตะ (เรือนที่ 5)
7. ดาวเจ้าเรือนลัคนา สถิตในเรือนที่ 7 (ปัตนิ)
เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนา (ลัคนาธิปติ) สถิตอยู่ในเรือนที่ 7 หรือ ปัตนิ
1.สุขภาพคู่ครอง : เจ้าชะตาจำเป็นต้องใส่ใจและระมัดระวังเรื่อง สุขภาพของคู่ครอง เป็นพิเศษ เนื่องจากพลังของเจ้าชะตาไปกดทับ หรือไปมีอิทธิพลเหนือเรือนคู่ครอง
2.สู่วิถีแห่งการหลุดพ้น : มีความเป็นไปได้สูงที่ในช่วงบั้นปลายของชีวิต เจ้าชะตาจะเกิดความรู้สึก เบื่อหน่ายต่อทางโลก และหันหน้าเข้าสู่เส้นทางแห่ง นักพรตหรือผู้บำเพ็ญเพียร
3.ร่อนเร่พเนจร : ชีวิตของเจ้าชะตาอาจต้องเผชิญกับสภาวะของการเดินทางร่อนเร่ไปเรื่อยๆ โดยขาดจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่ หรือขาดแรงส่งที่มั่นคง
4.ชีวิตมีขึ้นมีลง : ชีวิตของเจ้าชะตามักต้องเผชิญกับความผกผัน และสภาวะอารมณ์ที่แปรปรวนสลับไปมาระหว่าง ความหดหู่เศร้าหมอง กับ ความปีติยินดี อยู่เสมอ
5.ชีวิตในต่างแดน : เจ้าชะตามีเกณฑ์ที่ชีวิตจะไปลงเอย หรือตั้งถิ่นฐานอยู่ใน ต่างประเทศ
6.ผู้แสวงหาสัจธรรม : เจ้าชะตามักชอบพิจารณาตรวจสอบผู้คนและแนวความคิดต่างๆ เพื่อที่จะเข้าถึง สัจธรรมความจริงแท้
7.ชื่อเสียงและอำนาจ : เจ้าชะตาจะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงและได้รับความไว้วางใจจากคนรอบข้าง อีกทั้งมีบุคลิกภาพที่ทรงพลัง และมีสายตาที่คมกริบแบบทะลุทะลวง สามารถมองอะไรได้ชัดเจนและเฉียบคม ซึ่งไม่ใครสามารถปิดบัง แอบแผง ซ่อนเร้น หรือหลอกให้เจ้าชะตาเข้าใจผิดได้ (คล้ายกับกรณีสถิตเรือนที่ 2 แต่ในที่นี้เกิดจากการที่ดาวเล็งกลับไปที่ลัคนา)
เรือนนี้ให้มุมมองที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับ "ความย้อนแย้ง" ของเรือนที่ 7 ที่เป็นทั้งเรือนแห่ง กามารมณ์ (กามะ) แต่กลับนำไปสู่ การหลุดพ้น ได้อย่างไร อธิบายว่า เมื่อดาวตัวตน ไปอยู่ในเรือนคู่ครอง เจ้าชะตามักจะค้นพบ "ตัวเอง" ผ่าน "ผู้อื่น" หรืออาจจะใช้คำว่า“ตัวตนในกระจกเงา”เพื่ออิบายความหมายนี้
เจ้าชะตามักจะฉายภาพบุคลิกและความต้องการของตนเองไปที่คู่ครอง ทำให้ชีวิตคู่กลายเป็นเรื่องหลักในชีวิต แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เจ้าชะตาตระหนักว่า "คนอื่น" ไม่สามารถเติมเต็ม "ตัวตน" ได้สมบูรณ์ จึงเกิดความเบื่อหน่าย และหันเข้าหาธรรมะแทน
และการต้องต่อรองกับชีวิตอยู่ตลอดเวลาทำให้เกิดความเหนื่อยล้าทางจิตวิญญาณ จนนำไปสู่การแสวงหาความจริง ที่เหนือไปกว่าข้อตกลงหรือการต่อรองทางโลก เรามักจะพบได้ว่าในหลายดวงๆชะตา เมื่อเจ้าชะตามีคู่ครองหลายๆคน หรือมัวเมาในเรื่องนี้มาเกินครึ่งชีวิต สุดท้ายก็จะเกิดความเบื่อหน่าย และอยากหลุดพ้นจากทางโลก
ส่วนความหมายของ "สายตาที่คมกริบ" ก็คือ ตามกฎของโหราศาสตร์พระเวท ที่แม้ดาวจะอยู่ในเรือนที่ 7 แต่ดาวทุกดวงจะส่งเกณฑ์ (ทฤษฎี) เต็มกำลังแล้วเล็งกลับไปที่เรือนตรงข้ามเสมอ ในกรณีนี้ ดาวตนุลัคน์ส่งแสงเล็งกลับมาที่ ลัคนา (ศีรษะ,ใบหน้า,ดวงตา) อย่างเต็มกำลัง ทำให้เจ้าชะตาได้รับพลังงานสะท้อนกลับมา กลายเป็นคนที่มี "บุคลิกภาพ" ที่ทรงพลัง และมีสายตาที่ใครเห็นก็ต้องเกรงขาม
การเดินทางและการร่อนเร่ เพราะเรือนที่ 7 คือเรือนแห่ง การเดินทาง และการติดต่อสื่อสาร เมื่อตัวตน ไปอยู่ในเรือนแห่งการเดินทาง ตัวของเจ้าชะตาจึงมักไม่อยู่ติดที่ ต้องเดินทางไปต่างถิ่น ไปๆมาระหว่างประเทศ หรือใช้ชีวิตหรือทำธุรกิจในต่างแดน
สภาวะอารมณ์สองขั้ว อาการนี้เกิดจากการที่เจ้าชะตาพยายามรักษาสมดุลระหว่าง "ความต้องการของตนเอง" กับ "ความคาดหวังของสังคม,คู่ครอง" ตลอดเวลา
8. ดาวเจ้าเรือนลัคนา สถิตในเรือนที่ 8 (มรณะ)
เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนา (ลัคนาธิปติ) สถิตอยู่ในเรือนที่ 8 หรือ มรณะ
1.นักวิชาการผู้เป็นเลิศ : เจ้าชะตามักจะเป็นผู้ที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการ มีประวัติการเรียนดีเยี่ยม โดยเฉพาะในสาขาที่ต้องใช้การค้นคว้าวิจัยเจาะลึก
2.สุขภาพ: เจ้าชะตาจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใส่ใจดูแลสุขภาพให้ดี เนื่องจากเรือนที่ 8 สัมพันธ์กับโรคเรื้อรังหรือโรคที่วินิจฉัยยาก
3.หลีกเลี่ยงการพนัน: เจ้าชะตาควรหลีกเลี่ยง การพนัน และ การเก็งกำไรทุกรูปแบบ แม้เรือนนี้จะให้ลาภลอย แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่จะสูญเสียอย่างฉับพลัน
4.หลงใหลในศาสตร์ลี้ลับ : เจ้าชะตามีความรักและความสนใจใน ไสยศาสตร์หรือโหราศาสตร์ และเรื่องราวเหนือธรรมชาติเป็นอย่างมาก หรือที่เราเรียกว่า”สายมู”นั่นเอง
5.ภาพลักษณ์: พฤติกรรมหรือวิถีชีวิตของเจ้าชะตา อาจเปิดช่องให้ผู้อื่นตั้งข้อสงสัยใน อุปนิสัย หรือความโปร่งใสได้ เนื่องจากมักทำอะไรลับๆ หรือชอบเก็บตัว
6.เหตุการณ์ไม่คาดฝัน : ชีวิตอาจต้องเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายๆที่ไม่คาดฝัน หรือวิกฤตการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว
7.ปัญหาและทางออก: เมื่อเจอปัญหา เจ้าชะตาอาจพยายามหนีจากความตึงเครียด ด้วยการหันไปพึ่งพา ยาเสพติด , สุรา หรือการฝันกลางวัน โดยการสร้างจินตนาการเพื่อหลอกตัวเอง
คำแนะนำในกรณีนี้ก็คือ ควรควบคุมแนวโน้มที่จะทำลายตนเองเหล่านี้ และหันมาใช้วิธีการบำบัดจิตใจด้วยการ ทำสมาธิ และ การสวดมนต์ภาวนาแทน
8.การพลัดพรากและการสูญเสีย: เจ้าชะตาอาจต้องประสบพบเจอกับ ความตาย หรือการสูญเสียบุคคลในครอบครัวอยู่บ่อยครั้ง
เรือนที่ 8 เป็นเรือนแห่ง "วัฏจักรแห่งการเกิดและการตาย" และ "ความรู้ที่ถูกซ่อนเร้น" การที่ดาวตัวตน สถิตในเรือนนี้ มีนัยสำคัญดังนี้คือ เจ้าชะตาจะเป็นนักวิจัยและผู้ที่ชอบศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าหาความเพราะการเรียนรู้ของเรือนที่ 8 ไม่ใช่การท่องจำ (แบบเรือนที่ 4) แต่เป็น "การวิจัย"แบบเจาะลึกหาความจริง
เจ้าชะตาชอบขุดคุ้ยสิ่งที่ถูกซ่อนเร้น ไม่ว่าจะเป็นความลับทางวิทยาศาสตร์ ความลับทางประวัติศาสตร์ หรือความลับของจักรวาล จึงเหมาะสำหรับการเรียนระดับสูง (ปริญญาโท-เอก) ที่ต้องทำวิจัยหรือวิทยานิพนธ์
เรือนที่ 8 มีพลังงานทางจิตวิญญาณที่รุนแรงและปั่นป่วน หากเจ้าชะตาไม่รู้จักเปลี่ยนพลังงานนี้ให้เป็น พลัง"ตันตระ" ซึ่งก็คือการแปลงเปลี่ยนพลังงานผ่านการฝึกสมาธิหรือโยคะ พลังงานนี้จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในรูปแบบของ "ความเครียดทางจิตใจ"
นี่คือสาเหตุที่ตำราเตือนเรื่องยาเสพติดและสุรา เพราะคนกลุ่มนี้พยายามจะ "หนี" จากแรงกดดันทางจิตวิญญาณที่เจ้าชะตารับรู้ได้ไวกว่าคนทั่วไป การสวดมนต์ หรือ การฝึกตันตระ จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็น "ทางรอด"
เรือนที่ 8 กับการเปลี่ยนแปลงตัวตน เพราะลัคนาคือ "อัตตา" (Ego) เรือนที่ 8 คือ "การทำลายอัตตา" ชีวิตของเจ้าชะตาจึงต้องผ่านวิกฤตการณ์อันเลวร้ายต่างๆ เปรียบเสมือนตายแล้วเกิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เปรียบเสมือนแมว 9 ชีวิต แต่การเกิดใหม่ของทุกครั้ง ก็จะทำให้เจ้าชะตาเข้มแข็งกว่าเดิม
และการที่คนอื่น "สงสัยในอุปนิสัย" ของเจ้าชะตา เพราะธรรมชาติของเรือนที่ 8 คือ "ความลับ" ดังนั้นเจ้าชะตามักไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้ใครรู้ ทำให้ดูเป็นคนลึกลับ เข้าถึงยาก และน่าหวาดระแวงในสายตาคนนอก แต่สำหรับคนรู้จักเจ้าชะตาดีแล้ว เจ้าชะตาคือผู้เก็บความลับที่ยอดเยี่ยมที่สุด
9. ดาวเจ้าเรือนลัคนา สถิตในเรือนที่ 9 (ศุภะ)
เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนา (ลัคนาธิปติ) สถิตอยู่ในเรือนที่ 9 หรือ ศุภะ
1.โชคลาภวาสนา : เจ้าชะตาจะเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยโชคลาภวาสนา ทั้งในทางวัตถุ และทางจิตวิญญาณ ซึ่งตำแหน่งนี้ถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด ในการประสบความสำเร็จ ทั้งทางโลกและทางธรรม
2.ทักษะการเจรจา : เจ้าชะตาจะมีทักษะการเจรจาและการสื่อสารอย่างดีเยี่ยม เจ้าชะตาจะได้รับการขนานนามว่าเป็นนักพูดฝีปากเอก หรือ พูดจาสิ่งใดก็น่าฟังและมีคุณค่า
3.สง่างามและมีเสน่ห์: เจ้าชะตามีบุคลิกภาพที่ดูภูมิฐาน สง่างาม และมักจะเป็นที่ชื่นชอบหรือเป็นที่นิยมชมชอบของ เพศตรงข้าม
4.มรดกจากบิดา : เจ้าชะตามีเกณฑ์สูงที่จะได้รับมรดกตกทอด หรือการสืบทอดเจตนารมณ์จากบิดา
5.ความสุขในครอบครัว : ชีวิตจะเต็มไปด้วยความสุขสมบูรณ์ในครอบครัว
6.ศรัทธาอันแรงกล้า : เจ้าชะตาเป็นผู้ที่มีจิตใจใฝ่ธรรมะและเคร่งครัดในศาสนาอย่างลึกซึ้ง
7.ความกตัญญู : เจ้าชะตามีความจงรักภักดีและเคารพศรัทธาต่อพ่อแม่และครูบาอาจารย์ และเคารพศรัทธาในเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆเป็นอย่างสูง
8.วิถีแห่งนักพรต : เมื่อชีวิตถูกขับเคลื่อนด้วยหลักปรัชญาและศาสนา และมีความเป็นไปได้ที่ในช่วงบั้นปลายของชีวิต เจ้าชะตาอาจหันหน้าเข้าสู่เส้นทางแห่ง การถือสันโดษหรือออกบวช เพื่อแสวงหาความหลุดพ้น
โหราจารย์พระเวทชั้นครูท่านหนึ่งยกย่องตำแหน่งนี้ว่าเป็น “ธรรมบดีสถิตในธรรมะภวะ” ซึ่งมีความหมายลึกซึ้ง ก็เพราะตัวตนของเจ้าชะตานี้แหละคือ "ธรรมะ" เมื่อดาวตนุลัคน์ (ตัวตน) สถิตในเรือนที่ 9 (ธรรมะ,ความจริงขั้นสูง) เจ้าชะตาก็จะมองว่า "การดำเนินชีวิตของตน" นั้นคือ "คำสอน" เจ้าชะตาไม่ได้เพียงแค่นับถือ ศาสนา แต่เจ้าชะตาเป็น ตัวแทนของศาสนาและภูมิปัญญา วิถีชีวิตของเจ้าชะตา มักจะดำเนินไปเพื่อเผยแพร่ความรู้หรือสัจธรรม
เจ้าชะตาจะมีทักษะการเจรจา และรวมไปถึงคำสอน เพราะเรือนที่ 9 คือเรือนของการ "เทศนา"และ "การเผยแพร่ความรู้ระดับสูง" ต่างจากเรือนที่ 2 (พูดคุยทั่วไป) การพูดของคนที่มีตนุลัคน์ในเรือน 9 คือการพูดเพื่อ "ยกระดับจิตวิญญาณ" หรือให้สติปัญญา คำพูดจึงศักดิ์สิทธิ์และมีน้ำหนักและมีคุณค่า
ในด้านสายสัมพันธ์กับบิดาและครูอาจารย์ เพราะเรือนที่ 9 คือ ปิตุภพ (เรือนบิดา) เจ้าชะตามักจะ "ถอดแบบ" บุคลิก ความเชื่อ หรือสานต่องานจากบิดาและครูบาอาจารย์ ดังนั้นตัวตนของเจ้าชะตาจะรู้สึกสมบูรณ์ที่สุดเมื่อได้รับบทบาทเป็น "ผู้สอน" หรือ "ผู้ให้คำแนะนำ" เหมือนหน้าที่ที่พ่อหรือครูเคยทำ
โชคลาภวาสนา ของเจ้าชะตาในที่นี้ ขอเน้นย้ำว่าเป็นผลมาจาก "กุศลกรรม" ที่ทำไว้ดีแล้วในอดีตชาติ จึงส่งผลให้ชาตินี้ทำอะไรก็มักจะราบรื่น มีคนคอยอุปถัมภ์ค้ำชูเสมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง บั้นปลายชีวิตของเจ้าชะตาอาจะออกบวช ไม่ใช่เพราะหนีปัญหา (เหมือนเรือนที่ 8 หรือ 12) แต่เป็นเพราะ "ปัญญาญาณ"ที่แก่กล้าขึ้น เมื่อเจ้าชะตาศึกษาปรัชญาจนถึงแก่นแท้ เจ้าชะตาก็จะตระหนักว่าความสุขทางโลก ก็เป็นแค่เพียงมายา จึงก้าวเดินเข้าสู่ความสันโดษด้วยความเต็มใจ
10. ดาวเจ้าเรือนลัคนา สถิตในเรือนที่ 10 (กัมมะ)
เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนา (ลัคนาธิปติ) โคจรสถิตในเรือนที่ 10 หรือ กัมมะ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดกลางฟ้า (Midheaven)
1.อาชีพการงาน: เจ้าชะตาจะมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างโดดเด่น และมีชื่อเสียงเกียรติยศ เป็นที่ประจักษ์
2.แรงกดดันจากบุพการี: แม้เจ้าชะตาจะได้รับความสุขและการสนับสนุนจากบิดามารดา แต่อีกนัยหนึ่ง เจ้าชะตาอาจรู้สึก อึดอัดหรือถูกบีบคั้น ภายใต้อำนาจและการควบคุมของบุพการี หรือความคาดหวังของครอบครัว
3.ชื่อเสียงในวงการ : ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับการสร้างชื่อเสียงในแวดวงวิชาชีพ นอกจากนี้เจ้าชะตาจะเติบโตและดำเนินชีวิตไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม อยู่เสมอ ไม่ค่อยออกนอกลู่นอกทางเพราะห่วงภาพพจน์ และจะเป็นผู้ที่ สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาด้วยตนเอง และมีความมั่งคั่งที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของตน
4.มีวินัยและการทำงานหนัก : เจ้าชะตาจะมีระเบียบวินัยในตัวเอง และการทุ่มเททำงานอย่างหนัก หรือที่เรียกว่า "บ้างาน"
5.ผู้ใหญ่อุปถัมภ์ : ความมีระเบียบวินัยและการทำงานหนัก ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวจะได้รับความชื่นชมอย่างมากจาก เจ้านายหรือผู้หลักผู้ใหญ่ และจะนำมาซึ่งชื่อเสียงและการอุปถัมภ์ค้ำชู
6.รายได้หลายทาง : เจ้าชะตามีเกณฑ์ที่จะมีรายได้หลั่งไหลเข้ามาจากหลายช่องทาง
เรือนที่ 10 คือ "การปรากฏตัวต่อสาธารณะ" และ "ระเบียบของสังคม" การที่ดาวตัวตน ขึ้นไปอยู่บนยอดสุดของดวงชะตา มีความหมายดังนี้
ตัวตนคือ "สถานะทางสังคม" เมื่อลัคนา (ตัวตน) ไปสถิตในเรือนกัมมะ (งาน,ชื่อเสียง) เจ้าชะตามักจะผูกโยง "คุณค่าของตัวเอง" เข้ากับ "ตำแหน่งหน้าที่การงาน" เจ้าชะตาต้องการให้สังคม "มองเห็น" และยอมรับในความสามารถ จึงมักเลือกอาชีพที่อยู่ท่ามกลางสายตาประชาชน หรือมีอำนาจสั่งการ
ในด้านภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ เรือนที่ 10 คือเรือนของ ผู้มีอำนาจ และกฎระเบียบ ทำให้เจ้าชะตามักจะต้องแบกรับความคาดหวังของพ่อแม่หรือสังคมไว้บนบ่า และทำให้รู้สึกว่าต้องทำตัวให้ "สมบูรณ์แบบ" ตลอดเวลา ไม่สามารถทำตัวเหลวไหลได้ เหมือนสวมหัวโขนอยู่ตลอดเวลา ตำแหน่งนี้เปรียบเสมือนแม่ทัพที่ยืนอยู่บนยอดเจ้าชะตา เจ้าชะตามักมีทักษะความเป็นผู้นำ สูงโดยธรรมชาติ ยิ่งทำงานหนัก ยิ่งมีอำนาจ เพราะเรือนที่ 10 คือเรือนอุปจัย ที่ยิ่งทำยิ่งได้ ยิ่งพยายามยิ่งสำเร็จ
ธรรมชาติของเรือนที่ 10 ที่เกี่ยวข้องกับ "กฎหมายและจริยธรรมสังคม" ทำให้เจ้าชะตาจะเป็นคนที่เคารพกฎกติกา และมักจะเติบโตได้ดีในระบบราชการหรือองค์กรขนาดใหญ่ที่มีลำดับขั้นชัดเจน
ในด้านการเงิน แม้จะอยู่ในระบบหรือองค์กร แต่เป้าหมายสูงสุดของเจ้าชะตาคือการพึ่งพาตนเอง ความสำเร็จของเจ้าชะตาไม่ได้มาเพราะโชคช่วย (เหมือนเรือน 9) แต่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อและความอดทน ซึ่งเป็นเกียรติยศที่เจ้าชะตาภาคภูมิใจมากที่สุด
11. ดาวเจ้าเรือนลัคนา สถิตในเรือนที่ 11 (ลาภะ)
เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนา (ลัคนาธิปติ) สถิตอยู่ในเรือนที่ 11 หรือ ลาภะ
1.สุนทรียภาพและศิลปะ : เจ้าชะตาจะมีใจรักและโน้มเอียงไปในทางความสวยความงาม , ความกลมกลืน, ดนตรี , ศิลปะ และความโรแมนติก
2.มนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม : เจ้าชะตาเป็นผู้ที่เข้ากับคนง่าย มีเพื่อนฝูงมากหน้าหลายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมักจะถูกโฉลกหรือเข้ากันได้ดีกับ เพศตรงข้าม
3.ความรัก : เนื่องจากเจ้าชะตามีเสน่ห์และเข้าสังคมเก่ง จึงมีคำเตือนให้ระวังเรื่อง การนอกใจ หรือความไม่ซื่อสัตย์ในชีวิตคู่
4.อุปสรรคในการแต่งงาน : ชีวิตสมรสอาจต้องเผชิญกับ ความล่าช้า หรืออุปสรรคปัญหาต่างๆ (อาจแต่งงานช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน)
5.ความมั่งคั่งทางการเงิน : ชีวิตเจ้าชะตาจะมีแต่ความมั่งคั่ง ร่ำรวย ชีวิตมักจะมีกินมีใช้ไม่ขาดมือ อย่างไรก็ตามในเรื่องของผลประโยชน์และรายได้ เจ้าชะตาจะสามารถทำกำไรได้มากน้อย สมดุลกับความรู้ความสามารถ ที่ตนเองมี (ยิ่งเก่ง ยิ่งรวย)
6.ธุรกิจและพี่น้อง: เจ้าชะตาจะประสบความสำเร็จในการประกอบ ธุรกิจ ความสำเร็จทางการเงินมักได้รับการช่วยเหลือจาก พี่ชายคนโต ส่วนพี่สาวคนโตก็มักจะให้คุณและเกื้อหนุนเจ้าชะตาด้วยเช่นกัน
เรือนที่ 11 เป็นเรือนแห่ง "สังคม" , "เครือข่าย" , และ "เป้าหมายความสำเร็จ" ซึ่งเมื่อเจ้าเรือนลัคนาเชื่อมโยงกับเรือนลาภะ เจ้าชะตาจะนิยามตัวตนผ่าน "การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม" ดังนั้นเจ้าชะตาจะรู้สึกมีชีวิตชีวาที่สุดเมื่อได้อยู่ท่ามกลางฝูงชน เพื่อนฝูง หรือในงานสังคมสังสรรค์ นี่คือเหตุผลที่เจ้าชะตา ชอบที่จะคบค้าสมาคมกับผู้อื่น เพราะเจ้าชะตาเข้าใจกลไกของสังคมและการเชื่อมต่อผู้คน
เรือนที่ 11 เป็นเรือน กามะ หรือ ความปรารถนา เจ้าชะตาก็จะมีพลังแห่งความปรารถนารุนแรง ประกอบกับโอกาสในการพบปะผู้คนมากมาย (โดยเฉพาะเพศตรงข้าม) ทำให้เกิดแรงดึงดูดทางเพศและโอกาสที่จะเกิดรักซ้อนได้ง่าย
เรือนที่ 11 คือเรือนที่ 6 นับจากเรือนที่ 6 (เรือนซ้อนเรือน) หมายถึง "ผลกำไรที่ได้จากการแก้ปัญหา"เจ้าชะตามักเป็นคนหัวการค้า และมองเห็น "ตัวตน" ของตัวเองเป็นสินทรัพย์ อย่างหนึ่งที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ตลอดเวลา จึงไม่ค่อยขัดสนเรื่องเงินทอง
12. ดาวเจ้าเรือนลัคนา สถิตในเรือนที่ 12 (วินาศ)
เมื่อดาวเจ้าเรือนลัคนา (ลัคนาธิปติ) สถิตอยู่ในเรือนที่ 12 หรือ วินาศ
1.การใช้จ่าย : เจ้าชะตาจำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องการบริหารจัดการเงินทองเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีแนวโน้มที่จะเป็นคนมือเติบ หรือใช้จ่ายเงินเก่ง
2.หลีกเลี่ยงการพนัน : ให้เจ้าชะตาระวังและหลีกเลี่ยงเรื่องการพนัน อย่างเด็ดขาด
3.วิถีแห่งความถูกต้อง : เจ้าชะตาเป็นผู้ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ว่า "เป้าหมายที่ถูกต้อง ต้องมาจากการกระทำที่ถูกต้อง" ไม่ยอมทำผิดเพื่อแลกกับผลประโยชน์
4.การศึกษาดี : แม้เจ้าเรือนลัคน์จะอยู่ในเรือนวินาศ แต่เจ้าชะตากลับมีเกณฑ์ที่จะไปได้ดีในเรื่อง การศึกษา โดยเฉพาะการศึกษาในต่างแดน
5.ความสุขจากการเป็นผู้ให้ : เจ้าชะตาจะมีความสุขจากการได้รับใช้ผู้อื่น มากกว่าการเป็นผู้ถูกรับใช้ และมีความสุขจากการ ให้มากกว่าการเป็นผู้รับ
6.การควบคุมตนเอง: เจ้าชะตาเป็นผู้ที่มีความสามารถในการข่มใจ หรือการควบคุมตนเองเป็นอย่างดี
เรือนที่ 12 เป็นเรือนแห่ง "การละลายอัตตาตัวตน" หรือหมายถึง "จินตนาการ"และ "โลกส่วนตัว" การที่ดาวตัวตน มาสถิตในเรือนสุดท้ายของจักรราศี ก็จะมีความหมายถึงการลดละอัตตาของเจ้าชะตา เมื่อลัคนาคือ "การก่อกำเนิดตัวตน" ส่วนเรือนที่ 12 คือ "การสลายตัวตน" เมื่อดาวตัวตนมาสถิตอยู่ที่นี่ เจ้าชะตาจะรู้สึกเหมือนตัวเองอยากจะหลุดพ้นจากพันธนาการอย่างใดอย่างหนึ่ง เจ้าชะตาชอบความสันโดษ และการเรียนรู้ของเจ้าชะตาจึงมักทำได้ดีที่สุดเมื่ออยู่ลำพังเงียบๆ ไกลจากความวุ่นวายของสังคม
วิธีการแก้เคล็ดดวงชะตา เพราะเรือนที่ 12 คือ วยายะ แปลว่า "การสูญเสีย" หรือ "รายจ่าย" แต่หากเจ้าชะตาเลือกที่จะ "จ่ายออก" ด้วยความเต็มใจ ในรูปแบบของ การบริจาคทาน หรือ การบริการสังคม พลังงานด้านลบของการสูญเสียจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังบวก นี่คือเหตุผลที่เจ้าชะตากลายเป็นผู้เสียสละหรือผู้ให้ เพราะการ "ให้" คือวิธีเดียวที่ทำให้เจ้าชะตารู้สึกเติมเต็มในเรือนแห่งการสูญเสียนี้
(จบบทเรียนที่ 15)
--------------------------------------------
***ประกาศ***
อาศรมศรีจักรนารท โดย อ.ณภัทร ศรีจักรนารท (AstroNeemo) ได้เริ่มเปิดสอน"โหราศาสตร์ภารตะ"หรือ"โหราศาสตร์พระเวท" ฟรี!!! ทางออนไลน์แล้ว
1.Facebook: กลุ่มโหราศาสตร์พระเวท https://www.facebook.com/groups/VedicAstrologyThailand
2.Website: https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-21-50/vedic-astrology-lesson.html
3.TikTok : astroneemo
*******************************
สนใจดูดวงชะตาด้วย โหราศาสตร์พระเวท(ภารตะ) กับ อ.ณภัทร ศรีจักรนารท (AstroNeemo)
เส้นทางไปบ้านอาจารย์ https://maps.app.goo.gl/LKz3vbnMDU5Qnu3P6
กรุณาคลิ๊กลิงก์นี้ครับ https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-20-37/211067-%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B0.html
*******************************
บริการของเรา
ดูฤกษ์ออกรถ ดูฤกษ์ยกเสาเอก ดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ดูฤกษ์เปิดกิจการใหม่ ดูฤกษ์จดทะเบียนบริษัท ดูฤกษ์แต่งงานพิธีไทย-ฤกษ์จดทะเบียนสมรส ดูฤกษ์เปลี่ยนชื่อ ดูฤกษ์ตั้งศาลพระภูมิ ดูฤกษ์เข้าทำงานใหม่ ดูฤกษ์ลาสิกขาบท ดูฤกษ์โกนผมไฟ ดูฤกษ์ผ่าคลอด ดูฤกษ์มงคลอื่นๆ
ดูฮวงจุ้ย-แก้ฮวงจุ้ย คำนวนดวงพิชัยสงคราม-เสริมดวง-แก้ดวง ดูดวงชะตาด้วยโหราศาสตร์พระเวท(โหรภารตะ)
กดติดตาม เพื่ออ่านบทความใหม่ๆ ผ่าน Facebook ของอาจารย์
*******************************