
บทเรียนที่ 4 จุดทางคณิตศาสตร์ที่สำคัญของจักรราศี และทฤษฎีเรือนชะตา
ทรงกลมโลก – ทรงกลมฟ้า และการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ไม่ว่าจะเป็นบนฟ้าหรือบนโลกทางภูมิศาสตร์ เราแบ่งโลกออกเป็น “ซีกตะวันตก–ซีกตะวันออก” โดยใช้เส้นเมริเดียนหลัก (Prime Meridian) ผ่านตำบลกรีนิชเป็นเส้นตั้งต้น ในทางดาราศาสตร์ เราก็มีแนวคิด “ทรงกลมฟ้า” (Celestial) ล้อมรอบโลกขึ้นมาในจินตนาการ แล้วแบ่งออกเป็นซีกตะวันตก–ตะวันออกเหมือนกัน โดยใช้“เมริเดียนฟ้า” (Celestial Meridian) เป็นแนวแบ่ง เช่นเดียวกับที่โลกจริงแบ่ง “เหนือ–ใต้” ด้วยเส้นศูนย์สูตรโลก (Equator) ทรงกลมฟ้าก็เช่นกันก็แบ่ง “เหนือฟ้า–ใต้ฟ้า” ด้วย “ศูนย์สูตรฟ้า” (Celestial Equator) สรุปให้จำง่าย ๆ โลกจริง แบ่งด้วย Prime Meridian และ Equator ทรงกลมฟ้าที่ไดอธิบายไปในบทที่แล้ว แบ่งด้วย Celestial Meridian และ Celestial Equator

สี่จุดทางคณิตศาสตร์ที่เป็นหลักของจักรราศี
บนทรงกลมฟ้าจะมี “จุดสำคัญ 4 จุด” ที่เป็นฐานทางโหราคณิต คือ
1.ขอบฟ้าทิศตะวันออก – โหรตะวันตกเรียกว่า Ascendant (AC) ในโหราศาสตร์พระเวทก็คือ ลัคนา หรือ “อุทัยลัคน์” (उदय लग्न) หรือเรือนที่ 1 เป็นจุดที่จักรราศีโผล่ขึ้นที่ขอบฟ้าทิศตะวันออก ณ ขณะเจ้าชะตาเกิด
2.ขอบฟ้าทิศตะวันตก – อยู่ตรงกันข้าม 180° โหรตะวันตกเรียกว่า เรียกว่า Descendant (DC) ใช้เป็นจุดตรงข้ามกับลัคนา ในโหราศาสตร์พระเวทเรียกว่า ภพปัตนิ เรือนที่ 7
3.จุดที่เส้นสุริยวิถีตัดเมริเดียนฟ้า (Ecliptic) โหรตะวันตกเรียกว่า Meridian Cusp (MC) หรือ “มิดเฮฟเวน” ในโหราศาสตร์พระเวทใช้แนวคิดที่เรียกว่า “จุดจอมฟ้า” หรือ ทศมลัคน์ หรือเรือนที่ 10
4.จุดที่อยู่ตรงกันข้าม MC 180° โหรตะวันตกเรียกว่า Imum Coeli (IC) หรือ “จุดใต้ฟ้า” ในโหราศาสตร์พระเวทเรียกว่า ปาตาละ ลัคนา (पाताल लग्न) คือส่วนที่ลึก ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโลก
ทั้ง 4 จุดนี้ในบทเรียนนี้ถือว่าเป็น “สี่เรือนหลัก” ของจักรราศีในทางโหราศาสตร์ ซึ่งหัวใจหลักของการอ่านจักราศี
สูตรคำนวณทางคณิตศาสตร์โหราศาสตร์ (Mathematical Formulas in Astrology)
ในทางโหราศาสตร์พระเวท การวางลัคนาและภพต่างๆ ไม่ได้มาจากการเดา แต่มาจากการคำนวณพิกัดทางดาราศาสตร์ที่แม่นยำครับ เรามาดูสูตรสำคัญ 2 ส่วน คือ การหาลัคนา และ การหาทศมลัคนา (MC) ครับ
1. สูตรการหาลัคนา (Calculation of Ascendant)
ภาพประกอบ




4. สี่เรือนหลัก กับตัวอย่างการจัดเรือน
จุดทั้งสี่นี้ถือเป็นเรือนหลักของจักรราศี คือลัคนา หรือ AC ก็คือเรือนที่ 1 ,IC ก็คือเรือนที่ 4 ,DC ก็คือเรือนที่ 7 ,MC ก็คือเรือนที่ 10 เราเคยได้เรียนไปแล้วว่า ราศีแต่ละราศีมีความกว้าง 30 องศา ดังนั้นถ้าลัคนา AC อยู่ในราศีมีน เรือนที่ 1 = มีน IC (เรือน 4) = เมถุน DC (เรือน 7) = กันย์ MC (เรือน 10) = ธนู นี่คือการวาง โครงสร้างเรือนชะตาแบบโหรตะวันตก–และโหรภารตะที่มีจุดร่วมอันเดียวกัน
เกษตรเจ้าราศี (ราศีธิปติ)
ในบรรดา 12 ราศีทุกๆราศีก็จะดาวเคราะห์ทั้ง 7 เป็นเจ้าราศี โดยดาวทุกดวงยกเว้น อาทิตย์กับจันทร์ จะครอง 2 ราศี ซึ่งหลักการและทฤษฎีดาวเกษตรครองเรือนนี้ หลายคนสงสัยว่ามีวิธีการจัดวางดาวเคราะห์ยังไง แล้วมีหลักการหรือทฤษฎีอะไรมารองรับ แนวคิดนี้
แต่ในโหรภารตะได้ให้เหตุผลและอธิบายเอาไว้ในเรื่องราศีกลางวันและราศีกลางคืน โดยใช้ระยะห่างจากดวงอาทิตย์และความเร็วในการโคจรว่าเร็วหรือช้าในการกำหนดดาวเกษตรประจำราศี และพบในคัมภีร์โหรารัตนมาลาที่ว่าด้วยเรื่อง “ประกรุตติจักร-วิกรุตติจักร” ว่าด้วยดาวเกษตร 2 ราศี ว่าจะให้น้ำหนักการพยากรณ์ดาวเกษตรของราศีไหนก่อน ซึ่งไม่ปรากฏมีการอธิบายเรื่องนี้ในคัมภีร์อื่นใดอีก โดยจะอธิบายเรื่องนี้ในคราวหน้า
1.ราศีเมษ -ดาวอังคาร
2.ราศีพฤษภ -ดาวศุกร์
3.ราศีมิถุน -ดาวพุธ
4.ราศีกรกฎ -ดาวจันทร์
5.สิงห์ -ดาวอาทิตย์
6.ราศีกันย์ -ดาวพุธ
7.ราศีตุลย์ -ดาวศุกร์
8.ราศีพิจิก -ดาวอังคาร
9.ราศีธนู-ดาวพฤหัสบดี
10.ราศีมังกร-ดาวเสาร์
11.ราศีกุมภ์-ดาวเสาร์
12.ราศีมีน-ดาวพฤหัสบดี
นี่คือ “ดาวเกษตรหรือผู้ครองราศี ทั้ง 12 ราศี หรือ ราศิยธิปติ ซึ่งจะนำไปใช้ต่อในการศึกษาเรื่องทฤษฎีเรือนชาตาและทศา
ทฤษฎีเรือนชะตา
ตอนนี้เราได้ลองจิจูด (ตำแหน่งองศา) ของลัคนากำเนิด หรือ อุทย ลัคน์ ลัคนา ณ ขอบฟ้าตะวันตก – อสัตะ ลัคนา) มัธยะลัคนา/จุดจอมฟ้า (मध्य लग्न) = MC และปาตาละลัคนาอยู่ใต้แผ่นดิน หรือ = IC
อธิบายวิธีแบ่งเรือนระบบเรือนเท่าหรือ “Equal House” คือ
1.เอามุมระหว่าง ลัคนา หรือ AC กับ IC แบ่งเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน ก็จะได้ เรือนที่ 1, 2, 3
2.เอามุมระหว่าง IC กับ DC แบ่ง 3 ส่วน ก็จะได้ เรือนที่ 4, 5, 6
3.เอามุมระหว่าง DC กับ MC แบ่ง 3 ส่วน ก็จะได้ เรือนที่ 7, 8, 9
4.เอามุมระหว่าง MC กับ AC แบ่ง 3 ส่วน ก็จะได้ เรือนที่ 10, 11, 12
วิธีคิดแบบนี้นิยมในโหรตะวันตก ส่วนโหรภาษาภารตะก็มีเช่นกันเรียกรวม ๆ ได้ว่า “ภวะทฤษฎี” (भाव सिद्धान्त – ภวะ สิทฺธานตะ) คือ เราเน้น “เรือน” (เหตุการณ์) มากกว่าขอบเขตของราศี ดังนั้นในกรณีนี้ ราศีจึงไม่เท่ากับเรือน อย่างไรก็ตามจุดเริ่มของเรือนคือ องศาลัคนา บางระบบเอาองศาลัคนาเป็นจุดเริ่มต้นของเรือน และบางระบบก็เอาองศาลัคนาเป็นจุดศูนย์กลางของเรือน
ในระบบเรือนชะตาแบบตะวันตกนิยมใช้อยู่ 2 ระบบคือเรือนเท่า “Equal House” คือทุกเรือนมีความกว้าง 30 องศาเท่ากันหมด กับระบบเรือนไม่เท่า “Unequal House” คือทุกเรือนมีความกว้างไม่เท่ากัน
ส่วนโหรพระเวทและโหรไทยนิยมใช้กันก็คือ ระบบราศีเท่ากับเรือน หรือเรือนก็คือราศี หรือ ราศีก็คือเรือน แบบนี้เข้าใจง่ายดี แต่จริงๆแล้วโหรพระเวทก็มี ระบบเรือนไม่เท่ากับราศี และราศีไม่เท่ากับเรือน เหมือนกันกับโหรตะวันตก
ความหมายพื้นฐานของเรือนทั้ง 12
เรือนที่ 1 – เรือนตนุ (तनु भाव – ตนุ ภวะ) คือ รูปร่าง หน้าตา บุคลิกภาพ สุขภาพพื้นฐาน ชื่อเสียง ภาพลักษณ์ “ตัวเรา”
เรือนที่ 2 – เรือนกดุมภะ (धन भाव– ธนะ ภวะ) ทรัพย์สินรายได้สะสม ทองเงิน อาหาร การเลี้ยงชีพ วาทศิลป์ ครอบครัว คนใกล้ชิด
เรือนที่ 3 – เรือนสหัชชะ (सहज भाव – สหชะ ภวะ) น้อง–พี่น้อย เพื่อนร่วมงาน ความกล้า ความพยายาม ทักษะ การสื่อสารเบื้องต้น
เรือนที่ 4 – เรือนพันธุ (बन्धु भाव– พันธุ ภวะ) บ้าน ที่ดิน รถ ยานพาหนะ แม่ ความสุขในใจ รากฐานชีวิต
เรือนที่ 5 – เรือนปุตตะ (पुत्र भाव – ปุตฺร ภวะ) บุตร ภาวะทางสติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ บุญเก่า ศิลปะ ความรักแบบโรแมนติก
เรือนที่ 7 – เรือนอริ(ศัตรู) (शत्रु भाव – ศตฺรุ ภวะ) ศัตรู หนี้สิน โรคภัย งานรับใช้ การต่อสู้ฝ่าฟัน
เรือนที่ 7 – เรือนปัตนิ (पत्नी भाव –ปตฺนี ภวะ) คู่ครอง หุ้นส่วน การเจรจาต่อรอง ความสัมพันธ์แบบตัวต่อตัว
เรือนที่ 8 – เรือนอายุ/มรณะ (मृत्यु भाव – มฤตยู ภวะ) อายุขัย การเปลี่ยนแปลงใหญ่ มรดก ภาวะวิกฤต เรื่องที่ซ่อนเร้น
เรือนที่ 9 – เรือนธรรมะ/ศุภะ (धर्म भाव– ธรฺม ภวะ) โชคชะตาสูง พ่อ ครู กุศลกรรม ศาสนา การเดินทางไกล ความศรัทธา
เรือนที่ 10 – เรือนกรรมะ ( कर्म भाव – กรรฺม ภวะ) อาชีพ หน้าที่การงาน ชื่อเสียงสาธารณะ ผลงาน ความสำเร็จทางโลก
เรือนที่ 11 – เรือนลาภะ (लाभ भाव – ลาภะ ภาวะ) ผลกำไร ลาภผล เป้าหมายที่สำเร็จ กลุ่มเพื่อน เน็ตเวิร์ก
เรือนที่ 12 – เรือนวินาศ/โมกษะ (व्यय/मोक्ष भाव – วยายะ/โมกฺษ ภวะ) การสละ การสูญเสีย การเก็บตัว ความฝัน การปลีกวิเวก คุก โรงพยาบาล และ “ทางหลุดพ้น”
จบบทที่ 4 ............................