Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูง"ระดับโหรหลวง"ของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวท ของพราหมณ์-ฮินดู อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 16 แล้ว WebSite และ Link ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

  • บริการจัดทำ ดวงพิชัยสงคราม ตามแบบโบราณ พลิกชาตา เสริมดวง แก้ดวง เสริมวาสนาบารมี เสริมอำนาจและยศศักดิ์ เป็นศาสตร์โบราณของสายวิชาโหรฯโดยเฉพาะ ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
  • บริการหาฤกษ์มงคลอื่นๆ ฤกษ์ทุบรื้อ ฤกษ์ต่อเติมบ้าน ฤกษ์โอนบ้าน ฤกษ์โอนที่ดิน ฤกษ์เซ็นต์สัญญา ฤกษ์ศัลยกรรม ฯลฯ โดยดูฤกษ์จาก วดป ของเจ้าของบ้านให้สมพงศ์กัน ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
  • บริการดูฤกษ์ผ่าคลอด ตามหลักโหราศาสตร์ชั้นสูงจากคัมภีร์พระเวท "ระดับโหรหลวง"ของ"โหราศาสตร์ภารตะ"ให้ลูกน้อยของคุณเกิดในฤกษ์ดีที่สุด และเสริมดวงพ่อแม่ ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
  • บริการดูฤกษ์ลาสิกขา ฤกษ์สึก ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูง"ระดับโหรหลวง"ของ"โหราศาสตร์ภารตะ"จากคัมภีร์พระเวท คำนวนฤกษ์จาก วัน เดือน ปีเกิด เฉพาะบุคคล ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
  • บริการดู ฤกษ์ยกเสาเอก ฤกษ์ตอกเสาเข็ม ฤกษ์สร้างบ้าน คำนวน จาก วัน เดือน ปี เกิด เวลาเกิด จากเจ้าดวงของบ้านโดยเฉพาะ อยู่เย็นเป็นสุข อาชีพการงาน เจริญรุ่งเรือง ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
  • บริการ ดูดวงชะตา ด้วยโหราศาสตร์พระเวท(โหรภารตะ) ศาสตร์ระดับ"โหรหลวง" โหราศาสตร์ชั้นสูงจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์-ฮินดู Vedic Astrology จากประเทศอินเดีย ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
  • 福安堂 堪舆命理择日馆 บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย ฮวงจุ้ยบ้าน ฮวงจุ้ยสำนักงาน เลือกซื้อบ้าน-ที่ดิน เลือกทำเล ซินแสที่ได้รับการยอมรับจากชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ฮ่องกง สิงโปร์ มาเลเซีย ประสบการณ์ 30 ปี
  • บริการดูฤกษ์ รับตำแหน่งใหม่ โยกย้าย ฤกษ์เข้าทำงานใหม่ ย้ายห้องงานใหม่ ฤกษ์ชั้นสูงคำนวนละเอียดเป็นนาที จาก วัน เดือน ปี เกิด เวลาเกิด โดยเฉพาะบุคคล ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
  • บริการดูฤกษ์โกนผมไฟ ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูง"ระดับโหรหลวง"ของ"โหราศาสตร์ภารตะ"ฤกษ์ชั้นสูงคำนวนละเอียดเป็นนาที จาก วดป เกิด เวลาเกิด ของลูกน้อยโดยเฉพาะ ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
  • บริการดูฤกษ์แต่งงาน ฤกษ์จดทะเบียนสมรส จากวันเดือนปีเกิด ของคู่บ่าวสาวแต่ละคู่โดยเฉพาะ "ได้รับจัดอันดับเป็น1ใน 5 หมอดูฤกษ์แต่งงานชื่อดังระดับประเทศ" ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
  • บริการดูฤกษ์เข้าบ้านใหม่ (เข้าไปนอนคืนแรก)ฤกษ์ชั้นสูงจากโหราศาสตร์พระเวท คำนวนจาก วัน เดือน ปี เกิด ของเจ้าของบ้านโดยเฉพาะ เพื่อความเป็นศิริมงคลเฉพาะบุคคล ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
  • บริการดูฤกษ์เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูง"ระดับโหรหลวง"ของ"โหราศาสตร์ภารตะ "จากคัมภีร์พระเวท คำนวนฤกษ์จาก วัน เดือน ปีเกิด โดยเฉพาะบุคคล ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
  • บริการดูฤกษ์ออกรถ ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูง"ระดับโหรหลวง"ของ"โหราศาสตร์ภารตะ" คำนวนจาก วดป เกิด ของเจ้าของรถโดยเฉพาะ พร้อมให้เลขทะเบียนมงคล ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
  • ฤกษ์จดทะเบียนบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฤกษ์ชั้นสูงคำนวนละเอียดเป็นนาที จาก วัน เดือน ปี เกิด เวลาเกิด ของหุ้นส่วนทุกคนให้สมพงศ์กัน ส่งเสริมให้กิจการมั่งคั้ง เจริญรุ่งเรือง ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
  • บริการดูฤกษ์เปิดร้านใหม่ ฤกษ์เปิดกิจการใหม่ เปิดร้านค้า เปิดออฟฟิต เปิดโรงงาน คำนวนฤกษ์ จาก วันเดือนปีเกิด ของหุ้นส่วนทุกคนให้สมพงศ์กัน ช่วยให้กิจการมั่งคั่งร่ำรวย ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
  • บริการดูฤกษ์ ตั้งศาลพระภูมิ ศาลพระชัยมงคล ศาลเจ้าที่ ศาลตา-ยาย ศาลพระพรหม ฤกษ์ชั้นสูงคำนวนละเอียดเป็นนาที จาก วัน เดือน ปี เกิด เวลาเกิด โดยเฉพาะบุคคล ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    Spinning loader
    • บริการดูฤกษ์ ตั้งศาลพระภูมิ ศาลพระชัยมงคล ศาลเจ้าที่ ศาลตา-ยาย ศาลพระพรหม ฤกษ์ชั้นสูงคำนวนละเอียดเป็นนาที จาก วัน เดือน ปี เกิด เวลาเกิด โดยเฉพาะบุคคล ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    • ฤกษ์จดทะเบียนบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฤกษ์ชั้นสูงคำนวนละเอียดเป็นนาที จาก วัน เดือน ปี เกิด เวลาเกิด ของหุ้นส่วนทุกคนให้สมพงศ์กัน ส่งเสริมให้กิจการมั่งคั้ง เจริญรุ่งเรือง ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    • บริการหาฤกษ์มงคลอื่นๆ ฤกษ์ทุบรื้อ ฤกษ์ต่อเติมบ้าน ฤกษ์โอนบ้าน ฤกษ์โอนที่ดิน ฤกษ์เซ็นต์สัญญา ฤกษ์ศัลยกรรม ฯลฯ โดยดูฤกษ์จาก วดป ของเจ้าของบ้านให้สมพงศ์กัน ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    • บริการดูฤกษ์เปิดร้านใหม่ ฤกษ์เปิดกิจการใหม่ เปิดร้านค้า เปิดออฟฟิต เปิดโรงงาน คำนวนฤกษ์ จาก วันเดือนปีเกิด ของหุ้นส่วนทุกคนให้สมพงศ์กัน ช่วยให้กิจการมั่งคั่งร่ำรวย ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    • บริการดูฤกษ์ รับตำแหน่งใหม่ โยกย้าย ฤกษ์เข้าทำงานใหม่ ย้ายห้องงานใหม่ ฤกษ์ชั้นสูงคำนวนละเอียดเป็นนาที จาก วัน เดือน ปี เกิด เวลาเกิด โดยเฉพาะบุคคล ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    • 福安堂 堪舆命理择日馆 บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย ฮวงจุ้ยบ้าน ฮวงจุ้ยสำนักงาน เลือกซื้อบ้าน-ที่ดิน เลือกทำเล ซินแสที่ได้รับการยอมรับจากชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ฮ่องกง สิงโปร์ มาเลเซีย ประสบการณ์ 30 ปี
    • บริการจัดทำ ดวงพิชัยสงคราม ตามแบบโบราณ พลิกชาตา เสริมดวง แก้ดวง เสริมวาสนาบารมี เสริมอำนาจและยศศักดิ์ เป็นศาสตร์โบราณของสายวิชาโหรฯโดยเฉพาะ ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    • บริการดูฤกษ์เข้าบ้านใหม่ (เข้าไปนอนคืนแรก)ฤกษ์ชั้นสูงจากโหราศาสตร์พระเวท คำนวนจาก วัน เดือน ปี เกิด ของเจ้าของบ้านโดยเฉพาะ เพื่อความเป็นศิริมงคลเฉพาะบุคคล ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    • บริการดูฤกษ์ลาสิกขา ฤกษ์สึก ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูง"ระดับโหรหลวง"ของ"โหราศาสตร์ภารตะ"จากคัมภีร์พระเวท คำนวนฤกษ์จาก วัน เดือน ปีเกิด เฉพาะบุคคล ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    • บริการ ดูดวงชะตา ด้วยโหราศาสตร์พระเวท(โหรภารตะ) ศาสตร์ระดับ"โหรหลวง" โหราศาสตร์ชั้นสูงจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์-ฮินดู Vedic Astrology จากประเทศอินเดีย ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
    • บริการดูฤกษ์ผ่าคลอด ตามหลักโหราศาสตร์ชั้นสูงจากคัมภีร์พระเวท "ระดับโหรหลวง"ของ"โหราศาสตร์ภารตะ"ให้ลูกน้อยของคุณเกิดในฤกษ์ดีที่สุด และเสริมดวงพ่อแม่ ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    • บริการดูฤกษ์โกนผมไฟ ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูง"ระดับโหรหลวง"ของ"โหราศาสตร์ภารตะ"ฤกษ์ชั้นสูงคำนวนละเอียดเป็นนาที จาก วดป เกิด เวลาเกิด ของลูกน้อยโดยเฉพาะ ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    • บริการดู ฤกษ์ยกเสาเอก ฤกษ์ตอกเสาเข็ม ฤกษ์สร้างบ้าน คำนวน จาก วัน เดือน ปี เกิด เวลาเกิด จากเจ้าดวงของบ้านโดยเฉพาะ อยู่เย็นเป็นสุข อาชีพการงาน เจริญรุ่งเรือง ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    • บริการดูฤกษ์แต่งงาน ฤกษ์จดทะเบียนสมรส จากวันเดือนปีเกิด ของคู่บ่าวสาวแต่ละคู่โดยเฉพาะ "ได้รับจัดอันดับเป็น1ใน 5 หมอดูฤกษ์แต่งงานชื่อดังระดับประเทศ" ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    • บริการดูฤกษ์เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูง"ระดับโหรหลวง"ของ"โหราศาสตร์ภารตะ "จากคัมภีร์พระเวท คำนวนฤกษ์จาก วัน เดือน ปีเกิด โดยเฉพาะบุคคล ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    • บริการดูฤกษ์ออกรถ ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูง"ระดับโหรหลวง"ของ"โหราศาสตร์ภารตะ" คำนวนจาก วดป เกิด ของเจ้าของรถโดยเฉพาะ พร้อมให้เลขทะเบียนมงคล ให้บริการผ่านเว็บไซด์นี้เป็นปีที่ 16 แล้ว
    Spinning loader

    เรื่องการสวดมนต์และบทสวดนโม

    ๒๙  กรกฎาคม   ๒๕๒๔

    วันนี้  จะว่าถึงเรื่องสวดมนต์  ซึ่งได้เริ่มกล่าวถึงธรรมเนียมสวดมนต์มาแล้ว  คำว่า “มนต์” นั้น  ถ้าแปลตามศัพท์ที่ใช้เป็นภาษาพูดทั่วไป  แปลว่า  ปรึกษาหารือ  แต่ว่านำมาใช้เป็นบทสวดก็หมายความว่า  เป็นบทสวดที่บริสุทธิ์  หรือที่ศักดิ์สิทธิ์  เราใช้กันในภาษาไทยเป็นที่เข้าใจกัน ธรรมเนียมสวดมนต์ของพระสงฆ์  ได้มีธรรมเนียมสวดในเวลาเช้ากับในเวลาเย็นหรือค่ำ  บทสวดนั้นที่เป็นบทสวดประจำก็เรียกว่า ทำวัตรเช้า  ทำวัตรเย็น  หรือทำวัตรค่ำ  สำหรับสวดมนต์ตอนเช้า หรือทำวัตรเช้านั้นก็กำหนดเวลาต่าง ๆ กัน   โบราณพระตื่นสวดมนต์กันตั้งแต่ตีสี่  และในบัดนี้ยังใช้สวดกันเช้ามืดตีสี่ก็มี  แต่มีน้อย  สวดเช้าก่อนออกบิณฑบาตก็มี  บิณฑบาตกลับมาแล้วสวดมนต์ก่อนแล้วจึงฉันก็มี  ฉันแล้วสวดเช่นว่าเวลาสองโมงเช้าอย่างวัดนี้ก็มี   สวดมนต์ตอนเย็นหรือตอนค่ำนั้น  ใช้สวดกันเวลาห้าโมงเย็นก็มี  หกโมงเย็นก็มี  ทุ่มหนึ่งก็มี  สองทุ่มก็มีอย่างวัดนี้   แม้ว่าจะกำหนดเวลาต่างกัน  ก็คงใช้ประชุมกันสวดมนต์เวลาเช้า  เวลาหนึ่ง  เวลาเย็นหรือค่ำ  อีกเวลาหนึ่ง

    บทสวดประจำทุกวันที่เรียกว่าทำวัตร  คือทำวัตรเช้า  ทำวัตรค่ำนั้น  ก็เป็นธรรมเนียมที่สืบเนื่องมาแต่ครั้งพุทธกาล  เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่  พระสงฆ์สาวกก็เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า  ในเวลาเช้าก็ทำวัตร  ทำวัตรก็คือทำการปฏิบัติ  เช่นถวายน้ำสำหรับที่จะบ้วนพระโอษฐ์  สรงพระพักตร์  อย่างที่ทุกคนก็ต้องมีการแปรงฟันล้างหน้าบ้วนปากและกิจอื่น ๆ  ทำวัตรก็คือการปฏิบัติอย่างสัทธิวิหาริกก็ทำอุปัชฌยวัตร  อันเตวาสิกก็ทำอาจริยวัตร   คือศิษย์ทำการปฏิบัติอุปัชฌชาย์อาจารย์  ดังที่วัดนี้มีธรรมเนียมทำสักแต่ว่าเป็นประเพณี  คือเมื่อพระภิกษุบวชใหม่แล้ว  ก็นำเอาน้ำ  แปรงสีฟัน  ยาสีฟัน เป็นต้น  มาถวายพระอุปัชฌาย์หรืออาจารย์  ก็เป็นการไปแสดงทำอุปัชฌยวัตร  คือทำการปฏิบัติพระอุปัชฌาย์  หรือว่าอาจริยวัตร  ทำการปฏิบัติพระอาจารย์  อันที่จริงนั้นก็ไปทำกันทุกวัน  แต่ว่าในวัดนี้เป็นธรรมเนียมที่ให้ทำเพียงครั้งเดียว  แล้วอนุญาตว่าไม่ต้องไปทำอีก  เพื่อจะได้ศึกษาเล่าเรียนกัน  ในครั้งพุทธกาลนั้นพระภิกษุสงฆ์ก็มีธรรมเนียมเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า  ทำวัตรคือทำการปฏิบัติพระองค์ในเวลาเช้า  แต่ว่าก็ปรากฏว่าได้มีพระภิกษุที่เป็นพุทธอุปัฏฐากประจำพระองค์  มักจะองค์หนึ่ง แต่ว่าในตอนแรกนั้นก็คงจะมีการผลัดเปลี่ยนกัน  ไม่มีองค์ไหนอยู่ประจำตลอดเวลานาน  จนถึงท่านพระอานนท์เถระได้รับหน้าที่เป็นพุทธอุปัฏฐาก  คือพระภิกษุผู้บำรุงพระพุทธเจ้า  พระอานนท์ท่านก็ได้ทำหน้าที่เป็นพุทธอุปัฏฐากประจำพระองค์มาจนถึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน  ท่านก็ได้ทำการปฏิบัติบำรุงพระพุทธเจ้า  เป็นพุทธอุปัฏฐากประจำพระองค์ตลอดมา

    กิจของพระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้ในการบอกวัตรของโบราณ  วันหนึ่ง ๆ ที่เป็นกิจประจำว่ามี  ๕ อย่าง คือ

    หนึ่ง  เวลาเช้าเสด็จออกบิณฑบาต

    สอง  เวลาเย็นทรงแสดงธรรม  ก็คือทรงแสดงธรรมแก่ประชาชนที่มาเฝ้าเป็นประจำทุกวัน

    สาม  เวลาย่ำค่ำประทานโอวาทแก่ภิกษุ

    สี่     เวลาเที่ยงคืนทรงแสดงธรรมแก้ปัญหาเทวดาที่มาเฝ้า

    ห้า  เวลาย่ำรุ่งทรงพิจารณาหมู่สัตว์  คือหมู่ของบุคคลที่สมควรและไม่สมควรที่จะเสด็จไปทรงแสดงธรรมโปรด

    อันแสดงว่ากิจ ๕ อย่างนี้  ได้ทรงปฏิบัติอยู่เป็นประจำ  และการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในเวลาเช้าทำวัตร  คือทำการปฏิบัติอุปัฏฐากบำรุง  จึงเป็นกิจของพระภิกษุสงฆ์องค์หนึ่งบ้าง  หลายองค์บ้าง   ที่ไปเฝ้าทำพุทธอุปัฏฐาก  เมื่อมีพระภิกษุที่เป็นพุทธอุปัฏฐากประจำ  การที่พระภิกษุทั่วไปจะเข้าเฝ้าเป็นพุทธอุปัฏฐาก  จึงเป็นอันไม่ต้องไปทำ  แต่ก็ชื่อว่าเป็นหน้าที่ของพระภิกษุสงฆ์อย่างน้อยก็องค์ใดองค์หนึ่งผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปเฝ้าทำพุทธอุปัฏฐาก  เพราะฉะนั้น  เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว  จึงได้มีธรรมเนียมที่พระภิกษุที่อยู่ในวัดหนึ่ง ๆ ประชุมกันในอุโบสถคือในโบสถ์  ในวิหาร  หรือในหอสวดมนต์ที่กำหนดขึ้น  ทำการสักการบูชาพระพุทธปฏิมาซึ่งประดิษฐานอยู่ในที่นั้นแทนการที่เข้าไปเฝ้าอุปัฏฐากบำรุงพระพุทธเจ้าในเวลาเช้า  จึงสวดมนต์และบทสวดนั้นก็เป็นบทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย  คือพระพุทธเจ้า  พระธรรม  พระสงฆ์ เป็นหลัก  จึงได้เรียกบทสวดมนต์นี้ว่า  สวดทำวัตร  แปลตามศัพท์ก็คือว่า  สวดทำการปฏิบัติบำรุง  แต่เมื่อไม่มีองค์พระพุทธเจ้าที่จะปฏิบัติบำรุง  จึงสวดสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า  พร้อมทั้งพระธรรม  พระสงฆ์ แทน  จึงได้เรียกว่า  สวดทำวัตร

    ส่วนในเวลาเย็นนั้น  ได้มีปรากฏอยู่ในพุทธกิจทั้ง ๕  ดังที่กล่าวมาแล้วว่า  เวลาย่ำค่ำทรงแสดงโอวาทแก่ภิกษุ  จึงได้มีธรรมเนียมที่พระภิกษุประชุมกันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในเวลาย่ำค่ำถัดจากเวลาเย็นที่ทรงแสดงธรรมโปรดประชาชนทั่วไป  เพราะฉะนั้น  ในการเข้าเฝ้าในเวลาค่ำนั้น  ก็จะมีธรรมเนียมการทำวัตรปฏิบัติอุปัฏฐากบำรุงพระพุทธเจ้า  เช่นตั้งน้ำฉันน้ำใช้อะไรไว้ในกุฏิที่ทรงประทับ  เช่นเดียวกัน  ก็เป็นหน้าที่ของพระภิกษุสงฆ์จะจัดสับเปลี่ยนกันไป  หรือมีประจำแล้วก็ไปเข้าเฝ้าฟังพระพุทธโอวาท  และเมื่อไม่มีพระองค์ที่จะปฏิบัติบำรุง  การประชุมกันในเวลาค่ำหรือในเวลาเย็น  จึงได้มีการสวดบทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย  จึงได้เรียกบทสวดแม้ในเวลาค่ำว่าสวดทำวัตร  อันเป็นการแสดงถึงการทำวัตรปฏิบัติ

    อนึ่ง  ในเวลาเย็นเวลาค่ำนั้นเป็นเวลาที่ทรงแสดงธรรมด้วย  ดังปรากฏในพระพุทธกิจประจำวันดังกล่าวมา  เมื่อบทสวดทำวัตรแล้วจึงได้มีการสวดบทพระพุทธพจน์อันเป็นพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าพระสูตรใดพระสูตรหนึ่ง  หรือบทใดบทหนึ่งต่อจากทำวัตรค่ำ  เท่ากับว่าเป็นการฟังธรรมคำสั่งสอนที่ทรงแสดง  หรือว่าฟังพระโอวาทของพระพุทธเจ้าในเวลาเย็น  ในเวลาค่ำตามพุทธกิจที่ปรากฏนั้น  การสวดมนต์ก็คือสวดพระสูตรใดพระสูตรหนึ่งดังกล่าวนั้น  จึงเท่ากับว่าพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมหรือประธานพระโอวาทฟังกัน  เพราะฉะนั้น  หลังการทำวัตรเย็นทำวัตรค่ำแล้ว  จึงมีการสวดมนต์ต่อ  ก็เท่ากับว่าเป็นการฟังธรรมของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงหรือที่ทรงประทานเป็นพระพุทธโอวาท  นี้เป็นธรรมเนียมการสวดมนต์ทำวัตรเช้าทำวัตรค่ำ  และเมื่อทำวัตรค่ำแล้วก็มีธรรมเนียมสวดมนต์ คือสวดพระสูตรเป็นต้น  อันเป็นคำสั่งสอนต่อไป  เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติเนื่องมาจากครั้งพุทธกาลดังกล่าว  สำหรับเรื่องการสวดมนต์นั้นยังมีการสวดมนต์ในงานต่าง ๆสืบไปอีก  แต่วันนี้จะว่าเพียงเท่านี้ก่อน  และก็จะแสดงอธิบายถึงบทสวดมนต์ที่ต้องใช้เป็นประจำเนืองนิตย์ในที่ทั้งปวงก็คือ  บทสวดนโม  กับบทสวดพุทธัง

    บทสวดนโม  ก็คือ นโม  ตสฺส  ภควโต  อรหโต  สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส  ๓  ครั้ง  ก่อนที่จะสวดนโม  พระเถระก็จะกล่าวคำชักชวนให้สวดด้วยบท หนฺท  มยํ  ดังที่พระเถระแนะนำชักชวนว่า  หนฺท  มยํ  พุทฺธสฺส  ภควโต  ปพฺพภาคนมการํ  กโรม  เส  ที่แปลความว่า “ขอชักชวนให้เราทั้งหลายกล่าวคำแสดงการกระทำนอบน้อมอันเป็นบุพพภาคคือ  เป็นส่วนเบื้องต้นแด่พระพุทธเจ้า  ผู้มีโชคหรือผู้จำแนกแจกธรรม”   ดั่งนี้แล้ว  พระสงฆ์ทั้งปวงก็สวดนโม ๓ จบพร้อมกัน

    คำว่า นโม ตสฺส  เป็นต้นนี้แปลว่า นโม  ขอนอบน้อมด้วยกายวาจาใจ  ภควโต  แด่พระผู้มีพระภาค คือพระองค์ผู้ซึ่งจำแนกแจกธรรม  อรหโต   ผู้เป็นอรหันต์คือ  ผู้ไกลกิเลส  สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส  ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ  ตสฺส  พระองค์นั้น  ถือว่าเป็นบทสำคัญมาแต่โบราณกาลและก็ไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้แต่งคำว่า  นโม  นี้ขึ้น  เป็นแต่มีเล่าไว้ในพระคัมภีร์พระสูตรต่าง ๆ ว่า ได้มีเทพบ้างมนุษย์บ้าง  หลายท่านได้เกิดศรัทธาปสาทะในพระพุทธเจ้า  ได้เปล่งวาจานี้ขึ้นว่า  นโม  ตสฺส  ภควโต  อรหโต  สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส   ๓  ครั้ง  ดั่งนี้  จึงเป็นอันทำให้สรุปว่า  เป็นถ้อยคำที่บังเกิดขึ้นจากศรัทธาปสาทะในใจของบุคคลเอง  จึงได้เปล่งออกมา  แต่ก็ได้แสดงว่า  ผู้ที่เปล่งวาจาออกมานี้  ได้ซาบซึ้งในพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างดี  เพราะว่าบทนโมนี้ประกอบด้วยบทพระพุทธคุณสำคัญอยู่ถึง  ๓ บท

    บทที่ ๑  ก็คือ ภควโต  แค่พระผู้มีพระภาค  แปลมาจากคำว่าภควา  เป็นคำเรียกพระพุทธเจ้า  ในอรรถคือความหมายยกย่องว่าเป็นผู้จำแนกแจกธรรมบ้าง  ว่าเป็นผู้มีโชคบ้าง  ว่าเป็นผู้หักกิเลสกองราคะโทสะโมหะเป็นต้นบ้าง  แต่ว่าในภาษาไทยเรานั้น  คำนี้นิยมแปลในความหมายว่าพระผู้จำแนกแจกธรรม หรือพระผู้จำแนกแจกธรรมสั่งสอนประชุมชน

    คำว่า  อรหโต  มาจากคำว่า  อรหํ  หรือ  อรหันต์  ที่มีความหมายว่าเป็นผู้ไกลจากกิเลส  เป็นผู้กำจัดข้าศึกคือกิเลส  เป็นผู้หักซี่แห่งสังสารจักร  เป็นผู้ควรไหว้ควรบูชา  เป็นผู้ไม่มีที่ลี้ลับในอันที่จะกระทำความชั่วต่าง ๆ  แต่ว่าในทางไทยเรานั้น  นิยมคำแปลว่าเป็นผู้ไกลจากกิเลส

    คำว่า สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส  มาจากคำว่า  สัมมาสัมพุทโธ  หรือ  สัมมาสัมพุทธะ  แปลว่าผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ  สัมมา  แปลว่าโดยชอบ  สมฺ  แปลว่าเอง  พุทธฺ  แปลว่าตรัสรู้  ซึ่งมีอธิบายโดยย่อว่า   ตรัสรู้นั้นก็คือ  ตรัสรู้อริยสัจทั้ง ๔  อันได้แก่ทุกข์  เหตุเกิดทุกข์  ความดับทุกข์  ทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์  คำว่า  เอง  นั้นก็คือ  พระญาณที่ตรัสรู้ในอริยสัจ   ๔  เหล่านี้  ผุดขึ้นเอง  คือผุดขึ้นในสัจธรรมเหล่านี้ที่มิได้เคยทรงสดับมาก่อน  คำว่า  โดยชอบ  นั้นก็คือโดยสัมมัตตะ  คือความเป็นชอบ  นับตั้งแต่โดยมรรคมีองค์ ๘  อันเป็นมัชฌิมาปฏิปทา  ข้อปฏิบัติอันเป็นหนทางกลางที่พระองค์ได้ทรงค้นพบตั้งแต่เป็นพระโพธิสัตว์ก่อนที่จะได้ตรัสรู้  และก็ได้ทรงปฏิบัติในมรรคมีองค์ ๘ นี้มาโดยสมบูรณ์  จึงได้ตรัสรู้อริยสัจทั้ง ๔  เพราะฉะนั้น  ความตรัสรู้เองนี้จึงมาจากสัมมัตตะ  คือความเป็นชอบ  อันได้แก่มรรคมีองค์ ๘  นี้ที่ทรงปฏิบัติมา  และก็เป็นความตรัสรู้ที่ถูกต้องไม่ผิดจึงเรียกว่า  สัมมา  คือชอบ  และก็มีความหมายว่า  เมื่อได้ตรัสรู้แล้วก็ได้ทรงแสดงธรรมที่ได้ตรัสรู้นี้สั่งสอนตั้งเป็นพุทธศาสนา  ตั้งพุทธบริษัททั้ง  ๔  ขึ้น  อีกด้วย  เพราะฉะนั้นจึงได้พระนามว่า  สัมมาสัมพุทธะ  และในข้อนี้ก็ได้มีอธิบายประกอบอีกว่า  ท่านผู้ตรัสรู้เองนั้น  ถ้าตรัสรู้เองได้แล้วไม่ได้สั่งสอนใครอันนี้หมายความว่าไม่ได้ตั้งพุทธศาสนา  ไม่ได้ตั้งพุทธบริษัทขึ้น  ก็เรียกว่า  พระปัจเจกพุทธะ  แปลว่า  พระพุทธะผู้ตรัสรู้จำเพาะพระองค์  ต่อเมื่อได้สั่งสอนผู้อื่น  ตั้งพุทธศาสนาตั้งพุทธบริษัทขึ้น  จึงเรียกว่า  พระสัมมาสัมพุทธะ  พระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ  ฉะนั้น  สัมมาสัมพุทโธ  นี้  จึงมีความหมายว่าพระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบดังกล่าวนี้ด้วย  และก็มีความหมายว่า  เป็นพระผู้ที่ตรัสรู้เองโดยชอบ  แล้วได้ตั้งพุทธศาสนาและพุทธบริษัทขึ้นด้วย  จึงมิใช่เป็นพระปัจเจกพุทธะดังกล่าว  และบรรดาหมู่ชนผู้ฟังคำสั่งสองของพระพุทธเจ้าแล้วได้ตรัสรู้ตาม  ได้แก่หมู่แห่งพระสาวกซึ่งได้ตรัสรู้ตามเป็นพระอรหันต์ทั้งหลายก็เรียกว่า  พระอนุพุทธะ  แปลว่าพระผู้ตรัสรู้ตาม  จึงได้มีพระพุทธะเป็น  ๓   จำพวก  คือ  หนึ่ง  พระสัมมาสัมพุทธะ  สอง  พระปัจเจกพุทธ  สาม  พระอนุพุทธะ  ดังนี้

    บทสวด  นโม  ย่อมบรรจุพระพุทธคุณสำคัญทั้ง  ๓  บทไว้ดั่งนี้  และพระพุทธคุณทั้ง  ๓  บท ก็ย่อมบรรจุอยู่ด้วยพระปัญญาคุณ  คุณคือความรู้จริง  พระวิสุทธิคุณ  คุณคือความบริสุทธิ์จริง  พระกรุณาคุณ  คุณคือพระกรุณาจริง  อันเป็นบทสรุปของพระพุทธคุณทั้งปวง  แต่แม้เช่นนั้น  ความหมายของบทพระพุทธคุณทั้ง ๓  บทในบทสวดนโมนี้  ย่อมมีพระพุทธคุณบทใดบทหนึ่งที่เด่นอยู่กว่าพระพุทธคุณบทอื่น  ก็คือบทว่า  ภควโต  แด่พระผู้มีพระภาค  อันเป็นบทที่  ๑  นั้น  เด่นอยู่ด้วยพระกรุณาคุณ  ในความหมายที่ใช้กันว่าพระผู้จำแนกแจกธรรมสั่งสอนประชุมชน  หมายถึงพระกรุณาคุณที่ทรงจำแนกแจกธรรม  คือทรงแสดงธรรมสั่งสอน  บทว่า  อรหโต  เป็นพระอรหันต์  เด่นอยู่ด้วยพระวิสุทธิคุณ  คุณคือความบริสุทธิ์  ในความหมายว่า  เป็นผู้ไกลกิเลส  เพราะความเป็นผู้ไกลกิเลสนั้น  แสดงถึงความบริสุทธิ์  จึงเด่นด้วยพระวิสุทธิคุณ  บทว่า  สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส  ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้าเด่นด้วยพระปัญญาคุณ  ดั่งนี้  เพราะฉะนั้น บทสวดนโมนั้นจึงเป็นบทที่ประกอบด้วยพระพุทธคุณสำคัญ  ๓  บท  สมบูรณ์ด้วยพระคุณทั้ง ๓  นำหน้าด้วยพระกรุณาคุณ  และต่อไปด้วยพระวิสุทธิคุณ  หนุนท้ายด้วยพระปัญญาคุณ  ในข้อนี้ก็น่าที่จะพิจารณาว่า  ทำไมท่านจึงเอาบทภควโต  นำหน้า   อรหโต  มาเป็นที่ ๒  สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส  เป็นที่ ๓  เพราะเมื่อเรียงพระคุณโดยทั่วไป ย่อมเรียงพระปัญญาคุณไว้เป็นที่ ๑  พระวิสุทธิคุณเป็นที่  ๒  พระกรุณาคุณเป็นที่ ๓   สำหรับบทสวดที่แสดงพระคุณทั้ง ๓ นี้ ด้วยเรียงพระปัญญาไว้หน้าก็มีอยู่  แต่ว่าจะกล่าวต่อไปสำหรับในที่นี้กลับกันเอาพระกรุณาคุณไว้หน้า  เอาพระปัญญาคุณไว้หลัง  ก็น่าคิดว่า  เพราะเหตุว่าบทสวดนโมนี้  บังเกิดขึ้นจากจิตใจของเทพบ้าง  มนุษย์บ้าง  ซึ่งเกิดศรัทธาปสาทะในพระพุทธเจ้า  จึงได้เปล่งวาจานี้ขึ้นนั้น  ก็น่าคิดว่า  เพราะได้มีความสำนึกในพระกรุณาคุณ  คือได้รับพระกรุณาจากพระพุทธเจ้า  ที่ทรงจำแนกแจกธรรมสั่งสอนจนได้ความรู้ความเข้าใจจนถึงได้ดวงตาเห็นธรรมก็มีเป็นอันมาก  เพราะฉะนั้น  จึงบังเกิดขึ้นจากความสำนึกในพระกรุณาคุณที่ตนได้รับจากพระพุทธเจ้า  ได้รับความรู้ความเห็นธรรม  ความรู้ความเข้าใจในธรรม  จึงได้ยกเอาบทที่แสดงพระกรุณาคือ  ภควโต  พระผู้มีพระภาค  คือพระจำแนกแจกธรรมขึ้นเป็นบทที่ ๑  และก็มาถึงบทที่  ๒  อันแสดงถึงพระวิสุทธิคุณ  เด่นด้วยพระวิสุทธิคุณคือ  อรหโต  ก็เป็นธรรมดาบทนี้ก็เป็นที่ ๒  อยู่โดยปกติ  และก็เกิดจากจิตใจของผู้ที่เปล่งถ้อยคำนี้  อันประกอบด้วยความบริสุทธิ์ผ่องแผ้วทางจิตตลอดจนถึงทางกาย  ทางวาจา  แล้วจึงมาถึงปัญญาคุณหนุนท้าย  อันส่องถึงว่าก็เพราะพระองค์เป็นสัมมาสัมพุทธะ  ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบเป็นหลักเป็นแกนสำคัญ  ดังนี้พิจารณาดูจิตใจของผู้ที่เปล่งถ้อยคำนี้ออกมาก็น่าจะเป็นดั่งนี้  คือบังเกิดด้วจความสำนึกรู้อย่างลึกซึ้งในพระกรุณาคุณที่ได้รับจากพระพุทธเจ้า  จึงได้ยกเอาพระพุทธคุณประกอบด้วยมหากรุณานี้เป็นบทที่ ๑ คือภควโต  ก็คือผู้จำแนกแจกธรรม  ดั่งนี้

    เพราะฉะนั้น  ผู้ที่เปล่งคำว่า  นโม  นี้ขึ้นมา  จะต้องมีความรู้ซาบซึ้งในพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้าอย่างลึกซึ้ง  แสดงว่าได้สดับตรับฟังธรรมที่ทรงแสดง  มีความรู้ความเข้าใจ  บังเกิดศรัทธาปสาทะคือ  ความรู้ความเลื่อมใส  ได้ปัญญา  จึงได้เปล่งขึ้นมา  จับเอาพระพุทธคุณบทสำคัญขึ้นมา  เพราะฉะนั้นจึงได้นับถือว่าเป็นบทสำคัญ  ซึ่งจะสวดมนต์อะไรก็ต้องนำด้วย  นโม  จะประกอบพิธีสำคัญอะไร  ก็จะต้องตั้ง นโม ขึ้นก่อนอยู่เป็นปกติ  และยังมีบทสวดที่สรุปพระพุทธคุณทั้ง ๓  ไว้อย่างสมบูรณ์  ที่เราทั้งหลายสวดอยู่ในเวลาที่ทำวัตรเช้าทุกวันก็คือ  พุทโธ  สุสุทฺโธ  กรุณามหณฺณโว  บรรทัดแรกนี้บรรทัดเดียวก็บรรจุด้วยพระพุทธคุณทั้ง ๓  จำไว้เพียงบรรทัดเดียวก็จำพระพุทธคุณได้ทั้ง  ๓  พระผู้ตรัสรู้  แสดงถึงพระปัญญาคุณ  สุสุทฺโธ  พระผู้บริสุทธิ์ดี  แสดงถึงพระวิสุทธิคุณ  กรุณามหณฺณโว  มีพระกรุณาดุจห้วงทะเลหลวง  แสดงถึงพระกรุณาคุณ  เพราะฉะนั้น  บรรทัดเดียวเท่านี้  พุทฺโธ  สุสุทฺโธ  กรุณามหณฺณโว  ประกอบด้วยพระพุทธคุณอย่างสมบูรณ์  คือพระปัญญาคุณ  พระวิสุทธิคุณ  พระกรุณาคุณ   ฉะนั้น  เมื่อเราทั้งหลายได้สวดบทนโม  ตั้ง  นโม  ก็ขอให้ตั้งใจกำหนดในพระพุทธคุณทั้ง ๓  ให้รู้ในพระพุทธคุณทั้ง  ๓  ไปด้วย  และเมื่อสวด  พุทฺโธ  สุสุทฺโธ  กรุณามหณฺณโว  ก็ขอให้ทำความเข้าใจในพระพุทธคุณทั้ง  ๓  ไปด้วยจะเป็นประโยชน์มาก

    วันนี้ยุติเท่านี้.

    -----------------------------------------------------------------------

    มี 16757 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

    0
    Shares