
ในเรื่องตรียางค์ นวางศ์พิษใช้กันมากในโหราศาสตร์ไทย และฝอยพยากรณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่มาก เข้าใจว่ามาจากโหราศาสตรพระเวท-ภารตะ แต่เมื่อสอบทานกลับไปดูต้นสายวิชาคือโหรพระเวท จะเห็นว่าในโหราศาสตร์พระเวทกล่าวถึงในเรื่องนี้ไว้น้อยมากจนแทบจะไม่มีโหราจารย์ฝ่ายพระเวทในประเทศอินเดียท่านไหนนำมาใช้เป็นหลักในการพยากรณ์เลย จะกล่าวถึงเรื่องนี้จริงๆก็มีแต่ในคัมภีร์มุหูรตะของพระเวท โดยท่านกล่าวถึงเวลาที่ไม่เป็นมงคลสำหรับวางลัคนาในดวงฤกษ์ซึ่งมีตำแหน่งคล้ายกันกับนวางศ์ลูกพิษในโหราศาสตรไทย แต่สำหรับตรียางค์พิษในโหราพระเวทจะไม่มี โดยท่านวางกฎของนวางศ์ให้โทษแบบพระเวทเอาไว้ดังนี้
ลัคน์ต้องห้าม (จากฎของมุหูรตะ-คัมภีร์ว่าด้วยการให้ฤกษ์)
1. นาคะ หากลัคน์อยู่ราศีเมษ พฤษภ ธนู กันย์ ให้งดเว้นเวลา 12 นาทีแรก (หรือประมาณ 1 ลูกนวางศ์) ในราศีดังกล่าว เพราะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลร้ายของ นาค หรือ งู (ภุชงค)
-ซึ่งโหรไทยจะเรียกว่า พิษนาค แต่ของไทยจะไม่มีพิษนาคในราศีพฤษภ นอกนั้นตรงกันกับโหราศาสตร์พระเวท
2. ราหู หากลัคน์อยู่ราศีมีน กรกฏ มังกร พิจิก ให้งดเว้นเวลา 12 นาทีสุดท้ายก่อนสุดราศี (หรือประมาณ 1 ลูกนวางศ์) ในราศีดังกล่าว เพราะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลร้ายของ ราหู
-ซึ่งโหรไทยจะเรียกว่า พิษสุนัข (ราหู-สุนัข) แต่ของไทยจะไม่มีพิษสุนัขในราศีมีน นอกนั้นตรงกันกับโหราศาสตร์พระเวท
3. คฤธระ (นกแร้ง) หากลัคน์อยู่ราศีมิถุน ตุลย์ สิงห์ กุมภ์ ให้งดเว้นเวลา 12 นาทีท่ามกลางราศี (หรือประมาณ 1 ลูกนวางศ์) ในราศีดังกล่าว เพราะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลร้ายของ คฤธระ (นกแร้ง)
-ซึ่งโหรไทยจะเรียกว่า พิษครุฑ แต่ของไทยจะไม่มีพิษครุฑในราศีมิถุน นอกนั้นตรงกันกับโหราศาสตร์พระเวท
จากหลักของโหราศาสตร์พระเวท ดังกล่าวข้างต้นซึ่งจะไม่มีตรียางค์พิษเหมือนโหรไทย และการพยากรณ์ดวงชาตาเกี่ยวกับเรื่องนี้แทบจะไม่มีให้เห็น นอกจากจะเป็นการวางหลักในในเรื่องของการวางฤกษ์ยามเท่านั้น ส่วนของไทยจะมีฝอยทำนายเรื่องนี้เอาไว้มากมาย โดยเฉาะเรื่องลัคนา หรือ ดาวเคราะห์ในดวงชาตาเกาะนวางศ์ลูกพิษต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นผลร้าย แต่ผลของการพยากรณ์อาจจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะทฤษฎีนี้มีความแตกต่างกันกับโหราศาสตร์พระเวทซึ่งเป็นทฤษฎีแม่บท
และถ้าหากนำเรื่องการพิจารณา ตำแหน่งของ ปุษการะนวางศ์ และวรโคตรมนวางศ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีเป็นมงคล มาเทียบกับตรียางค์พิษและนวางศ์พิษแบบไทย ผลจะขัดแย้งกันอยู่หลายตำแหน่ง เพราะตำแหน่งเดียวกันบางทฤษฎีบ่งชี้ไปทางดี และบางทฤษฎีบ่งชี้ไปทางร้าย ซึ่งในกรณีดังกล่าวนี้ผู้ที่ศึกษาโหราศาสตร์จะต้องวินิจฉัยให้ดี ตัวอย่างเช่น นวางศ์ที่ 7 ในราศีมังกรได้ตำแหน่งทั้ง พิษสุนัข (ร้าย)และ เป็นปุษการะนวางศ์ (ดี)ด้วย หรือบางแห่งเช่น นวางศ์ลูกที่ 5 ในราศีสิงห์ ก็เป็นทั้งพิษครุฑ (ร้าย) คฤรธะโทษ(ร้าย) และ วรโคตรมนวางศ์(ดี) ในตำแหน่งเดียวกัน และนวางศ์ที่ 9 ในราศีธนูก็เป็นทั้งปุษการะนวางศ์ (ดี) และวรโคตรมนวางศ์ (ดี) พร้อมกันทั้งสองตำแหน่ง
ข้อแนะนำในการวินิจฉัย
ถ้าหากเรานำหลักของโหราศาสตร์พระเวท-ภารตะ(อย่างเดียว)มาพิจารณาในเรื่อง นวางศ์ให้คุณและโทษนี้ จะไม่เกิดความสับสน เพราะในหลักของนวางศ์ให้โทษ(นวางศ์พิษ)นั้น ท่านใช้เฉพาะในการวางฤกษ์ยามเท่านั้น โดยจะไม่นำมาวินิจฉัยดวงชาตา ส่วนหลักของนวางศ์ให้คุณเช่น วรโคตรมนวางศ์ ท่านใช้เฉพาะการวินิจฉัยดวงชาตาเท่านั้น ส่วนปุษการะนวางศ์ ทั้งแบบ ปุษการะภาคะ หรือ ปุษการะองศา ท่านนำมาใช้ได้ทั้งการวางฤกษ์และการวินิจัยดวงชาตา
| ราศี | ตรียางค์ | นวางศ์ | ดาว | นวางศ์ให้โทษ | นวางศ์ให้คุณ | ||
| ลูกที่ | โหรไทย | โหรภารตะ | วรโคตมะ | ปุษการะ | |||
| เมษ | ๑ | ๓ | พิษนาค | นาคะโทษ | วรโคตมะ | ||
| ๓ | ๒ | ๖ | พิษนาค | ||||
| ๓ | ๔ | พิษนาค | |||||
| ๔ | ๒ | ||||||
| ๑ | ๕ | ๑ | |||||
| ๖ | ๔ | ||||||
| ๗ | ๖ | ปุษการะ | |||||
| ๕ | ๘ | ๓ | |||||
| ๙ | ๕ | ปุษการะ | |||||
| พฤษภ | ๑๐ | ๗ | นาคะโทษ | ||||
| ๖ | ๑๑ | ๘ | |||||
| ๑๒ | ๕ | ปุษการะ | |||||
| ๑๓ | ๓ | พิษครุฑ | |||||
| ๔ | ๑๔ | ๖ | พิษครุฑ | วรโคตมะ | ปุษการะ | ||
| ๑๕ | ๔ | พิษครุฑ | |||||
| ๑๖ | ๒ | ||||||
| ๗ | ๑๗ | ๑ | |||||
| ๑๘ | ๔ | ||||||
| มิถุน | ๑๙ | ๖ | |||||
| ๔ | ๒๐ | ๓ | |||||
| ๒๑ | ๕ | ||||||
| ๒๒ | ๗ | ||||||
| ๖ | ๒๓ | ๘ | คฤธระโทษ | ||||
| ๒๔ | ๕ | ปุษการะ | |||||
| ๒๕ | ๓ | พิษสุนัข | |||||
| ๗ | ๒๖ | ๖ | พิษสุนัข | ปุษการะ | |||
| ๒๗ | ๔ | พิษสุนัข | วรโคตมะ | ||||
| กรกฏ | ๒๘ | ๒ | วรโคตมะ | ปุษการะ | |||
| ๒ | ๒๙ | ๑ | |||||
| ๓๐ | ๔ | ปุษการะ | |||||
| ๓๑ | ๖ | ||||||
| ๓ | ๓๒ | ๓ | |||||
| ๓๓ | ๕ | ||||||
| ๓๔ | ๗ | พิษสุนัข | |||||
| ๕ | ๓๕ | ๘ | พิษสุนัข | ||||
| ๓๖ | ๕ | พิษสุนัข | ราหูโทษ | ||||
| สิงห์ | ๓๗ | ๓ | |||||
| ๑ | ๓๘ | ๖ | |||||
| ๓๙ | ๔ | ||||||
| ๔๐ | ๒ | พิษครุฑ | |||||
| ๕ | ๔๑ | ๑ | พิษครุฑ | คฤธระโทษ | วรโคตมะ | ||
| ๔๒ | ๔ | พิษครุฑ | |||||
| ๔๓ | ๖ | ปุษการะ | |||||
| ๓ | ๔๔ | ๓ | |||||
| ๔๕ | ๕ | ปุษการะ | |||||
| กันย์ | ๔๖ | ๗ | พิษนาค | นาคะโทษ | |||
| ๔ | ๔๗ | ๘ | พิษนาค | ||||
| ๔๘ | ๕ | พิษนาค | ปุษการะ | ||||
| ๔๙ | ๓ | ||||||
| ๗ | ๕๐ | ๖ | ปุษการะ | ||||
| ๕๑ | ๔ | ||||||
| ๕๒ | ๒ | ||||||
| ๖ | ๕๓ | ๑ | |||||
| ๕๔ | ๔ | วรโคตมะ | |||||
| ตุลย์ | ๕๕ | ๖ | วรโคตมะ | ||||
| ๖ | ๕๖ | ๓ | |||||
| ๕๗ | ๕ | ||||||
| ๕๘ | ๗ | พิษครุฑ | |||||
| ๗ | ๕๙ | ๘ | พิษครุฑ | คฤธระโทษ | |||
| ๖๐ | ๕ | พิษครุฑ | ปุษการะ | ||||
| ๖๑ | ๓ | ||||||
| ๔ | ๖๒ | ๖ | ปุษการะ | ||||
| ๖๓ | ๔ | ||||||
| พิจิก | ๖๔ | ๒ | ปุษการะ | ||||
| ๕ | ๖๕ | ๑ | |||||
| ๖๖ | ๔ | ปุษการะ | |||||
| ๖๗ | ๖ | ||||||
| ๓ | ๖๘ | ๓ | วรโคตมะ | ||||
| ๖๙ | ๕ | ||||||
| ๗๐ | ๗ | พิษสุนัข | |||||
| ๒ | ๗๑ | ๘ | พิษสุนัข | ||||
| ๗๒ | ๕ | พิษสุนัข | ราหูโทษ | ||||
| ธนู | ๗๓ | ๓ | พิษนาค | นาคะโทษ | |||
| ๕ | ๗๔ | ๖ | พิษนาค | ||||
| ๗๕ | ๔ | พิษนาค | |||||
| ๗๖ | ๒ | ||||||
| ๓ | ๗๗ | ๑ | |||||
| ๗๘ | ๔ | ||||||
| ๗๙ | ๖ | ปุษการะ | |||||
| ๑ | ๘๐ | ๓ | |||||
| ๘๑ | ๕ | วรโคตมะ | ปุษการะ | ||||
| มังกร | ๘๒ | ๗ | วรโคตมะ | ||||
| ๗ | ๘๓ | ๘ | |||||
| ๘๔ | ๕ | ||||||
| ๘๕ | ๓ | ||||||
| ๖ | ๘๖ | ๖ | ปุษการะ | ||||
| ๘๗ | ๔ | ||||||
| ๘๘ | ๒ | พิษสุนัข | ปุษการะ | ||||
| ๔ | ๘๙ | ๑ | พิษสุนัข | ||||
| ๙๐ | ๔ | พิษสุนัข | ราหูโทษ | ||||
| กุมภ์ | ๙๑ | ๖ | |||||
| ๗ | ๙๒ | ๓ | |||||
| ๙๓ | ๕ | ||||||
| ๙๔ | ๗ | พิษครุฑ | |||||
| ๔ | ๙๕ | ๘ | พิษครุฑ | คฤธระโทษ | วรโคตมะ | ||
| ๙๖ | ๕ | พิษครุฑ | ปุษการะ | ||||
| ๙๗ | ๓ | ||||||
| ๖ | ๙๘ | ๖ | ปุษการะ | ||||
| ๙๙ | ๔ | ||||||
| มีน | ๑๐๐ | ๒ | พิษนาค | ปุษการะ | |||
| ๕ | ๑๐๑ | ๑ | พิษนาค | ||||
| ๑๐๒ | ๔ | พิษนาค | ปุษการะ | ||||
| ๑๐๓ | ๖ | ||||||
| ๒ | ๑๐๔ | ๓ | |||||
| ๑๐๕ | ๕ | ||||||
| ๑๐๖ | ๗ | ||||||
| ๓ | ๑๐๗ | ๘ | |||||
| ๑๐๘ | ๕ | ราหูโทษ | วรโคตมะ | ||||

