ต่อเนื่องจากความตอนที่แล้ว จากดวงฤกษ์ โหรพราหมณ์หรือ โหรหลวงทั้งหลายกลับปรุงดวงฤกษ์โดยวางดาวดีดี เช่น ดาวพุธ ดาวศุกร์เอาไว้ภพวินาศแถมวางร่วมกับราหูเสียอีก และดาวจันทร์ทำไมจึงวางไว้ในราศีกรกฏ ส่วนพฤหัสกับเสาร์คู่แค้นกันทำไมต้องกุมกันอยู่ในราศีธนู และทำไมต้องวางลัคนาเป็นราศีเมษ ทำไมจึงไม่เลือกราศีอื่นเช่น ลัคนากรกฏเป็นต้น ดวงฤกษ์จะสวยกว่านี้มาก เพราะดาวอื่นๆอยู่ภพที่ดี ให้คุณ ส่วนดาวเจ้าเรือนทุสถานะเช่น เสาร์ พฤหัส อยู่ภพอริ ดาวเจ้าเรือนทุสถานะ มาอยู่ภพนี้ก็จะกลายเป็นให้คุณเป็นต้น
แต่หากเราใช้โหราศาสตร์ภารตะมาวิจารณ์ดวงฤกษ์อย่างละเอียด ก็จะพบคำตอบที่น่าอัศจรรย์ ว่าทำไมจึงต้องปรุงดวงฤกษ์หรือวางลัคนาให้สถิตราศีเมษ
1.เหตุผลประการแรกในการปรุงดวงฤกษ์ หรือการวางฤกษ์นี้ คือจะต้องสมพงศ์กับดวงพระราชชะตาของล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๑ ซึ่งพระองค์เองก็เป็นนักโหราศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเช่นกัน
2.เหตุผลประการที่ ๒ ในการสร้างเมืองใหม่ตามหลักโบราณ พราหมณ์ก็ใช้อีกวิชาหนึ่งเรียกว่า วัสดุศาสตร์ หรือ วาสตุ ศาสตร์ वास्तु शास्त्र ในการวางผังเมืองและกำหนดตำแหน่งสถานที่สำคัญต่างๆ ซึ่งจักต้องวางตำแหน่งของ “วาสตุบุรุษมณฑล” ซึ่งเป็นคนกำลังนอนพนมมือ ส่วนฝ่าเท้าทั้งสองหันเข้าหากันซึ่งตำแหน่งส่วนต่างๆของร่างกายจะต้องสัมพันธ์กับดวงดาว เรือนชะตา ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ในวิชาโหราศาสตร์ภารตะ อย่างแยกกันไม่ออก
ดังนั้นเป็นไปได้ว่า พราหมณ์เลือกทำเลในการสร้างเมืองแล้วจึงวาง “วาสตุบุรุษมณฑล”ให้หันศีรษะไปทิศตะวันออก ซึ่งตรงกับราศีเมษ ดังจะเห็นในปัจจุบันกรุงเทพมหานครขยายเมืองออกไปทางทิศตะวันออกเสียเป็นส่วนใหญ่
3.เหตุผลประการที่ 3 คือในวิชาวางฤกษ์ของคัมภีร์มุหูรตะ ดาวศุกร์จะให้คุณสูงสุดเมื่อสถิตในราศีมีนซึ่งเป็นภพวินาสน์ในราศีเมษ ทำให้ศุกร์เป็นมหาอุจน์และทำลายผลร้ายของภพวินาสให้กลายเป็นความหมายเชิงบวก
วาสตุ บุรุษะ มณฑล ใน คัมภีร์วาสตุศาสตร์
ส่วนตำแหน่งดาวเคราะห์อื่นๆ จะอธิบายดังนี้
ลัคนาและสมผุสดาว มีดังนี้
ลัคนา ราศีเมษ - 10°45' อาทิตย์ - 10°07'
ดาวจันทร์ - 11°11' ดาวอังคาร - 19°51'
ดาวพุธ - 13°56' ดาวพฤหัสบดี (พ) - 8°07'
ดาวศุกร์ - 3°30' ดาวเสาร์ (พ) - 10°18'
ราหู - 25°19' เกตุ(สากล) 25°19'
มันทิ- 6°36' คุลิกา - 25°11'
- ลัคนา นี่คือหัวใจของดวงเมืองประเทศไทย สถิตย์ราศีเมษกุมกับดาวอาทิตย์ที่ได้องศาบรมอุจน์ ถือว่าเข้มแข็งมากที่สุด
ซึ่งคัมภีร์ในการสร้างเมืองของพราหมณ์ ได้แนะนำให้วางลัคน์เสวย”อัศวินีนักษัตร” หมายถึงการเริ่มต้นใหม่ที่ทรงพลังที่สุด และหมายถึงมหาอำนาจ และจะส่งเสริมให้เมืองใหม่นี้ เกิดความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อๆไป โดยไม่มีตกต่ำ ถดถอย ซึ่งตลอด 250 ปีที่ผ่านมาก็เป็นไปตามนั้น
- ดาวอาทิตย์ สถิตย์ราศีเมษได้องศาบรมอุจน์ หมายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือว่าเข้มแข็งมากที่สุด เสวยอัศวินีนักษัตร เช่นกัน
- ดาวจันทร์ เสวยปุษยะนักษัตร ในราศีกรกฏ ซึ่งในคัมภีร์สร้างเมืองแนะนำให้ใช้จันทร์เสวย”ปุษยะนักษัตร” เท่านั้นจึงจะแข็งแรงมั่นคง ปลอดภัยจากข้าศึก อายุยืนนาน ปวงประชาผาสุข ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นไปตามนั้น
- ดาวอังคาร เป็นเจ้าเรือนลัคน์(ลัคนาธิปติ) สถิตในราศีพฤษภ(ราศีคู่มิตร) ซึ่งเป็นเรือนการเงินของประเทศ และเจ้าราศีคือดาวศุกร์เป็นมหาอุจน์ในราศีมีน(ภพวินาศ) ซึ่งหมายถึง ต่างประเทศ ทำให้ดาวอังคารเจ้าเรือนลัคน์เข้มแข็งมาก
- ดาวพุธ ปกติแล้วดาวพุธกับศุกร์และดาวอาทิตย์มักจะโคจรไม่ห่างกันมากนัก และดาวพุธสถิตย์ราศีมีนได้ตำแหน่งนิจ แต่ตามหลักโหราศาสตร์ภารตะมีกฎพิเศษว่า หากดาวพุธเป็นนิจสถิตย์ร่วมกับดาวศุกร์ที่เป็นอุจน์ ดาวพุธก็จะแปลงสภาพกลายเป็นอุจน์ด้วยเช่นกัน กฎข้อนี้เรียกว่า นิจภังคะราชาโยค หรือ โยคเกณฑ์ล้างโทษความเป็นนิจให้กลายเป็นโมฆะ แต่เฉพาะดาวคู่นี้ไม่เพียงแต่ล้างโทษ แต่กลับได้ผลดีเช่นเดียวกับอุจน์ (แต่ไม่ได้กำลังรูปะ-จากระบบษัฑพละ)
- ดาวพฤหัส เป็นเกษตร อยู่ภพที่ 9 หมายถึง ชื่อเสียง และเอกราช และรวมไปถึง รัฐธรรมนูญด้วย
- ดาวศุกร์ เป็นมหาอุจน์ ร่วมกับ พุธ ทำให้พุธกลายเป็นศุภเคราะห์เต็มตัวให้ผลดีมาก ในภพวินาสน์
- ดาวเสาร์ ดาวเสาร์เป็นประธานของดาวบาปเคราะห์ให้โทษ ตามหลักโหราศาสตร์ทั่วไปของภารตะ กล่าวว่าที่สถิตที่ดีที่สุดของเสาร์ไม่ใช่ราศีมังกรหรือกุมภ์ที่เป็นเกษตร แต่สถิตในเรือนของดาวพฤหัส จะเป็นมงคลที่สุด เพราะจะมีดาวพฤหัสคุมดาวเสาร์ไม่ให้แผลฤทธิ์เดชมากจนเกินไป
แต่ก็มีข้อสังเกตจากทางโหรภารตะ ในการวางดาวเสาร์และพฤหัสไว้ใกล้กันมาก ซึ่งน่าจะมาจากการเกิด “ครหะยุทธ” หรือการต่อสู้กันระหว่างดาวเคราะห์สองดวงขึ้นไป หากดาวดวงไหนมีแสงมากกว่าหรือมีกำลังมากกว่า ดาวนั้นจะเป็นฝ่ายชนะและจะได้กำลังจากดาวที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ดาวคู่นี้มักเรียกกันว่า ดาวคู่ปฏิวัติ ทำให้ประเทศไทยมีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่แทบจะไม่มีการนองเลือดอย่างรุนแรงจนเกิดสงครามกลางเมืองเหมือนประเทศอื่นๆ
และดาวคู่นี้ก็กุมกันอยู่เรือนที่ 9 ซึ่งหมายถึง นโยบายและแผนแม่บทของประเทศ และหมายถึงรับธรรมนูญอีกด้วย ดังนั้นประเทศไทยจึงเป็นประเทศที่เปลี่ยนรับธรรมนูญบ่อยที่สุด แต่กลับไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดใด
สาเหตุก็เพราะก่อนวางฤกษ์ดาวพฤหัสชนะเคราะห์ยุทธ และได้กำลังจากดาวเสาร์ไปเกือบหมดจนทำให้ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง และยังมีดาวอาทิตย์ที่ทรงพลังเป็นดาวคู่มิตรกับดาวพฤหัสควบคุมอยู่
- ดาวราหู อยู่ภพวินาสน์ หลายๆท่านอาจจะแปลกใจว่าทำไมจึงวางดาวราหูดาวบาปเคราะห์ให้โทษอยู่ในเรือนนี้ ตามหลักโหราศาสตร์ภารตะท่านถือว่า ดาวพฤหัสเป็นดาวคุรุ หรือดาวครูของเหล่าเทพ ส่วนดาวศุกร์ เป็นดาวครูของเหล่า อสูร
ดังนั้นการวางดาวศุกร์ที่เป็นมหาอุจน์(ครูใหญ่) ไปควบคุมดาวราหู(อสูร) ซึ่งเป็นศิษย์ ก็จะทำให้ศิษย์ทำตัวดีขึ้น
- ดาวเกตุ(สากล) ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับราหูเสมอ หากดาวราหูให้คุณ ดาวเกตุก็มักจะให้โทษ หากดาวเกตุให้คุณ ดาวราหูมักจะให้โทษ เป็นอย่างนี้เสมอ
แต่ในกรณีนี้ดาวราหูถูกดาวศุกร์(ครูใหญ่)คุมความประพฤติอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน ดาวเกตุก็ย่อมถูก ดาวศุกร์ควบคุมให้เป็นเด็กดีไปด้วย
สรุปในการปรุงดวงฤกษ์หรือการวางฤกษ์ของดวงเมืองประเทศไทย จากมุมมองของโหราศาสตร์ภารตะ น่าจะพอไขข้องข้องใจของหลายๆท่านได้ เพราะวิธีการวางฤกษ์ท่านได้วางได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด สอกแทรกกลเม็ดเด็ดพรายเอาไว้ในทุกๆแง่มุม
ซึ่งจะส่งผลดีมากที่สุด ต่อประเทศชาติและความผาสุขของประชาชนคนไทย ไม่แน่ว่าต่อไป ประเทศอาจจะเป็นมหาอำนาจของโลกในอนาคตอันใกล้นี้ก็เป็นได้
*******************************
บริการของเรา
ดูฤกษ์ออกรถ ดูฤกษ์ยกเสาเอก ดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ดูฤกษ์เปิดกิจการใหม่ ดูฤกษ์จดทะเบียนบริษัท ดูฤกษ์แต่งงานพิธีไทย-ฤกษ์จดทะเบียนสมรส ดูฤกษ์เปลี่ยนชื่อ ดูฤกษ์ตั้งศาลพระภูมิ ดูฤกษ์เข้าทำงานใหม่ ดูฤกษ์ลาสิกขาบท ดูฤกษ์โกนผมไฟ ดูฤกษ์ผ่าคลอด ดูฤกษ์มงคลอื่นๆ
ดูฮวงจุ้ย-แก้ฮวงจุ้ย คำนวนดวงพิชัยสงคราม-เสริมดวง-แก้ดวง ดูดวงชะตาด้วยโหราศาสตร์พระเวท(โหรภารตะ)
กดติดตาม เพื่ออ่านบทความใหม่ๆ ผ่าน Facebook ของอาจารย์ https://bit.ly/3ThfWig
*******************************