บทนำ
ความเป็นมาของพุทธศาสนา คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ทรงบัญญัติพระวินัยด้วยพระโอษฐ์ พระสาวกผู้ฟังหรือบุคคลผู้ฟังด้วยหูและก็ทรงจำเอาไว้ ยังไม่ได้เขียนเป็นตัวอักษา เมื่อทรงจำไว้จึงมีการบอกกล่าวกันสืบต่อมา สำหรับการสาธยายคือการสวดขึ้น เป็นสังคายนาหรือสังคีติ คือการสวดขึ้นพร้อมกันนี้ ก็น่าจะมีขึ้นตั้งแต่ในสมัยที่พระพุทธเจ้ายังดำรงพระชนม์อยู่แล้ว พระเถระบางรูปได้ทรงจำข้อธรรมที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนเองไว้ได้ และก็ได้สวดถวายพระพุทธเจ้า ก็คือสวดมนต์คำสั่งสอนที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ พระพุทธเจ้าเมื่อทรงสดับแล้วก็ทรงสาธุการว่าถูกต้องแล้ว ต่อมาท่านผู้ทรงจำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้ตลอดจนถึงพยัญชนะคือถ้อยคำ คงจะมีการสวดทำนองพร้อม ๆ กันเป็นหมู่ ส่วนผู้ที่ทรงจำได้ที่เป็นอาจารย์ก็สั่งสอนศิษย์ในหมวดธรรมที่ตนจำได้ และเมื่อศิษย์จำได้แล้วก็ให้ศิษย์มาสวดพร้อม ๆ กัน ก็เป็นดั่งนี้จนถึงคราวที่พระวินัยพระธรรมปรากฏเป็นตัวอักษร
เมื่อพระพุทธศาสนาได้แผ่ออกไป ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาต้องการมงคลต่าง ๆ เพราะว่ายังคงเป็นสามัญชน และเมื่อนับถือพระพุทธศาสนาก็ต้องการมงคลจากพระพุทธศาสนา ก็นิมนต์พระไปสวดมนต์เพื่อเป็นมงคล ก็เป็นเหตุให้มีการเลือกบทสวดมนต์ที่เป็นมงคลต่าง ๆจากพระไตรปิฎกนั่นแหละ ในประเทศไทยเรานี้ได้รับพระพุทธศาสนา ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลังกา ก็ได้ตำราจากลังกานั้นมาใช้ในเมืองไทย ดังที่ได้ใช้สวดกันอยู่ในปัจจุบันนี้ จึงใคร่ที่จะแสดงอธิบายเรื่องการสวดมนต์ต่าง ๆ ซึ่งคนไทยทั้งหลายใช้กันอยู่ การสวดมนต์ การฟังสวดมนต์ การพิจารณาธรรมที่มีอยู่ในบทสวดมนต์ในขณะที่ฟังในขณะที่สวดก็เป็นการทำใจให้สงบ และทำให้ได้ปัญญาก็เป็นการทำกรรมฐานอย่างหนึ่ง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------