Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

35225368 1700447276658587 4875103075724951552 o
 

เรื่องนี้เป็นเรืองที่เกิดขึ้นจริง ณ วัดภิกษุณีวัดหนึ่งในเมืองไถจง ไต้หวัน ซึ่งเป็นวัดเล็กๆสร้างมาประมาณ 60 กว่าปี และวัดนี้ผมเองก็เพิ่งจะรู้จักเมื่อไปไต้หวันเมื่อเดือนกลางเดือนเมษายน 2561 ที่ผ่านมา เพราะลูกศิษย์แนะนำ จนวันหนึ่งได้ไปกราบนมัสการพระมหาเถรีเจ้าอาวาส ซึ่งอายุราว 70 กว่าปี แล้วได้สนทนาธรรมกันตามสมควร เมื่อท่านทราบว่าผมมาจากเมืองไทยก็ยินดีเป็นอย่างมาก เพราะสมัยท่านบวชใหม่ๆท่านก็เคยจาริกไปนมัสการวัดสำคัญต่างๆในเมืองไทย แล้วท่านก็มอบของที่ระลึกและวัตถุมงคลต่างๆอีกทั้งหนังสือให้ผมไว้เป็นที่ระลึก

 

35270080 1700447269991921 6204515919079669760 o

 

วัดนี้เป็นวัดสายปฏิบัติธรรมนิกายสุขาวดี ขณะนี้มีภิกษุณีเหลืออยู่เพียง 5 รูป แต่ละรูปก็อายุมากแล้วระหว่าง 60-70 ปี มีเพียงรูปเดียวที่อายุน้องที่สุดก็ 55 ปีแล้ว แต่มีการถือศีลวินัยเคร่งครัดมาก ทั้งถือครุธรรม ๘ ประการโดยเคร่งครัด

และมีการทำวัตรสวดมนต์ทุกเช้าค่ำไม่มีขาด แม้บางวันมีพระเหลืออยู่วัดรูปเดียวก็จะสวดอยู่เพียงรูปเดียว ที่พระอุโบสถปรากฏว่ามีอุบาสกอุบาสิกามาร่วมสวดเพียง 2-3 ท่านเท่านั้นในวันที่ผมไปเยือนวัดแห่งนี้ในครั้งแรก

วัดนี้ถือกฏเคร่งครัดมาก เช่น มีกฏว่าห้ามภิกษุณีออกนอกวัดโดยลำพังผู้เดียว จะต้องมีเหตุอันสมควรและจะต้องมีฆราวาสซึ่งเป็นอุบาสิกาเป็นผู้พาออกไปทำกิจธุระนั้นๆ และพร้อมส่งกลับวัดโดยห้ามแวะเวียนไปที่อื่นๆนอกจากที่ได้รับอนุญาต

อีกทั้งมีวัตรปฏิบัติที่น่าสนใจคือ วัดนี้มีการเข้าพรรษา-ออกพรรษาคล้ายเถรวาทด้วย แต่ที่นี่กลับเคร่งกว่า โดยภิกษุณีจะไม่ออกนอกเขตวัดเลยแม้ทั้งกลางวันและกลางคืน ในช่วงเข้าพรรษา ยกเว้นแต่จะมีกิจของสงฆ์ที่ต้องออกไปสงเคราะห์ชาวบ้านข้างนอก แต่ก็จะไปเป็นหมู่คณะและจะต้องกลับมาก่อนตะวันตกดิน

สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือเมื่อพบกับท่านเจ้าอาวาสเสร็จแล้ว ภายหลังก็ทราบว่าท่านป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายมากว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งก็น่าแปลกว่าทำไมท่านจึงดำรงขันธ์ได้นานกว่าปกติ
ซึ่งตัวท่านเจ้าอาวาสเองก็ทราบว่าตนเองป่วยหนักมากแล้วก็ตาม แต่ท่านเจ้าอาวาสยังไม่ได้สั่งเสียอะไรไว้เลยแม้แต่ศิษย์ใกล้ชิด ในเรื่องของผู้ที่จะสืบทอด จะให้ใครเป็นเจ้าอาวาสรูปต่อไป

เมื่อเหล่าพระภิกษุณีในอาวาสนั้น ได้ทราบว่าผมเป็นซินแสด้วยก็เชิญผมเข้าร่วมประชุมเพื่อปรึกษาหารือในเรื่องนี้ ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันแต่กลับไว้เนื้อเชื่อใจกันขนาดนี้ ผมเองก็แปลกใจ
ภิกษุณีผู้อุปัฏฐากใกล้ชิดรูปหนึ่ง ถามผมว่า ท่านจะอยู่ได้อีกนานเท่าใด นี่ก็เป็นระยะที่ 4 มานาน กว่าจะ 2ปีแล้ว แต่ท่านก็ใช้ชีวิตได้เกือบปกติ ซึ่งผมเองก็เห็นอยู่ ว่าท่านยังแข็งแรงพอใช้ได้

แต่ผมจับยามดูแล้วก็ไม่กล้าบอกตรงๆ กลัวจะผิดกฏของโหร แต่นี่ด้วยความจำเป็นจึงได้บอกไปว่าเร็วสุดก็ภายในเดือนนี้ช้าสุดก็เดือนหน้า (วันนั้นไปกลางเดือนเมษาพอดี) ปรากฏว่าเหล่าภิกษุณีต่างก็ตกใจกันว่าเร็วขนาดนี้เหรอ นี่ท่านเป็นระยะสุดท้ายอยู่มาจะเกิน 2 ปีแล้วนะ

35242175 1700447253325256 2636940015132737536 o

ผ่านไปอีก 7 วันก็ได้ทราบข่าวการมรณภาพของท่าน ผมและลูกศิษย์ก็ไปร่วมงานปลงสังขารของท่าน โดยจะตั้งศพบำเพ็ญกุศลไว้ 9 วันแล้วทำการฌาปนกิจ หลังจากนั้นคณะศิษย์ไว้ทุกข์ 3 ปี ส่วนคณะสงฆ์ประกอบพิธีทุก 7 วันจนครบ 49 วัน และผมได้แนะนำให้ทำพิธีเอี่ยมเค่าเพื่ออุทิศกุศลเพิ่มเติม ซึ่งทางคณะสงฆ์และคณะศิษย์ก็จัดการทำตามที่ผมบอก โดยจะกระทำในวันที่ครบ 49 วัน

หลังจากการมรณภาพก็ทราบมาว่าไม่มีภิกษุณีรูปไหนอยากรับตำแหน่งเจ้าอาวาสครองวัดสืบต่อจากท่านเลย ทุกรูปต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างปฏิบัติ มักไม่ใครสุงสิงกันกับใคร
ก็เลยคิดว่าเป็นเจ้าอาวาสกิจของสงฆ์คงมาก ซึ่งต้องรับแขก หรือคงไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม ก็เลยไม่มีใครยอมรับเป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อไป แม้แต่รูปเดียว

ที่น่าแปลกก็คือมีภิกษุณี 2 รูป รูปหนึ่งเป็นผู้อุปัฏฐากเจ้าอาวาสมาหลายสิบปีจนกระทั่งป่วย และเพิ่มมากจากวัดอื่นอีกรูปหนึ่งซึ่งก็เป็นหลานสาวแท้ๆของเจ้าวาสนั่นเอง แล้วทั้งสองท่านก็มาขอร้องให้ผม สรรหาเจ้าอาวาสองค์ใหม่ให้กับวัดท่าน เนื่องจากทราบว่าผมรู้จัดวัดหลายๆวัดในใต้หวัน โดยพวกท่านยินยอมปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าอาวาสรูปใหม่โดยดุษฏี

ซึ่งเจ้าอาวาสรูปใหม่นั้นจะอายุพรรษาเท่าไหร่ก็ได้จากวัดไหนนิกายไหนก็ได้ ท่านยอมรับหมด แต่มีเงื่อนไขหรือข้อแม้เพียงข้อเดียวคือ ต้องถือศีลวินัยโดยเคร่งครัดเหมือนเจ้าอาวาสองค์เก่าเท่านั้นพอ

แต่ผมมาพิเคราะห์แล้วนึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง จึงกล่าวกับภิกษุณีทั้งสองรูปว่า "คราวก่อนที่กระผมมา ได้พบเห็นภิกษุณีรูปหนึ่งในห้องครัว ผมดูโหวงเฮ้งแล้วว่ามีบารมีเหมาะจะเป็นเจ้าอาวาสรูปต่อไป ท่านไม่ต้องไปสรรหาที่ไหนดอกครับ"

ทั้งสองรูปได้ฟังก็ตกใจ บอกว่า ท่านรูปนั้นเป็นแม่ครัววัดนี่นา บวชมา 40 กว่าพรรษาก็ทำหน้าที่เป็นแม่ครัวให้วัดมาตลอด"

ผมก็บอกให้ท่านนิมนต์ท่านแม่ครัวมาให้ผมชมบารมีอีกสักครั้ง แล้วก็ให้คนเชิญท่านมา เมื่อผมพบกับท่านก็ได้เห็นแววตาอันสดใส หน้าตาก็ผ่องใส ยิ้มแย้มยิ่งนัก ก็เลยคุกเข่าลงกับพื้นแล้วก้มลงกราบที่แทบเท้าของท่าน

ท่านก็กล่าวว่า "เจริญพร อุบาสก ท่านไม่ต้องกราบ ลุกขึ้นๆ" พูดอยู่อย่างนี้ จนผมลุกขึ้น แล้วต่อมาผมก็อธิบายโหวงเฮ้งแห่งบารมีธรรมของท่านให้ภิกษุณีสองรูปนั้นฟัง ซึ่งทั้งวัดก็ยอมรับว่า ท่านรูปนี้อ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งนัก มีศีลาจาวัตรที่งดงาม และมีศีลที่บริสุทธิ์

ท่านอุทิศตนทำงานเป็นแม่ครัวที่เป็นงานหนักมาตลอด 40 ปี เมื่อท่านฟังแล้ว ท่านก็บ่ายเบี่ยงปฏิเสธว่าท่านไม่เหมาะที่จะเป็นหรอก "อาตมาก็แก่แล้ว รู้จักแต่ทำกับข้าว ธรรมะอะไรก็หารู้จักไม่ อุบาสกเชิญนิมนต์ท่านอื่นเถอะ" แล้วท่านก็หัวเราะด้วยอารมณ์แจ่มใส (กรุณาดูจากรูปภาพที่ผมถ่ายกับท่าน)

แล้วผมก็ว่าถ้าท่านไม่รับก็ไม่เป็นไรครับ แต่ผมทำนายท่านไว้แล้ว อีกไม่นานท่านก็จะได้ครองวัดนี้สืบต่อจากอาจารย์ต่อไป ท่านฟังก็ยิ้มๆ แต่ภิกษุณีสองรูปกลับหันหน้ามองตากันเหมือนจะรู้นัยอะไรบางอย่าง

สิ้นเมษาผมก็กลับมาเมืองไทย พอถึงเดือนกลางพฤษภาคม ก็ได้ทราบข่าวว่า สานุศิษย์ทั้งพระและฆราวาสหลั่งไหลมาจากที่ต่างๆมากมายทั่วประเทศ หลังทราบข่าวว่าพระมหาเถรีมรณภาพแล้ว และได้จัดการประชุมใหญ่ขึ้น โดยการประชุมได้จัดขึ้นถึง 3 ครั้ง

และในการประชุมครั้งสุดท้าย มติของที่ประชุมก็ได้ลงมติคัดเลือกเจ้าอาวาสองค์ใหม่ โดยยกภิกษุณีซึ่งเป็นแม่ครัว ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสครองวัดสืบต่อจากอาจารย์ต่อไป ................เอวัง ก็มีประการฉะนี้ (จริงๆมีอีกเรื่องที่เซ็นเซอร์ไว้ เพราะไม่กล้าเล่าในที่นี้ เพราะมันเป็นเรื่องเหนือโลก คงจะเล่ากันแต่ในวัดหรือเฉพาะในลูกศิษย์เท่านั้น)