จุลศักราช
จุลศักราช (จ.ศ.) (อังกฤษ: Chula Sakarat, Minor Era) เป็นศักราชที่เริ่มเมื่อ พ.ศ. 1181 (ค.ศ. 638) นับรอบปีตั้งแต่ 16 เมษายน ถึง 15 เมษายน (ผู้กำหนดให้ใช้จุลศักราช คือ พระยากาฬวรรณดิศ เมื่อคราวประชุมกษัตริย์ในล้านนา) ที่ได้ทำการประชุมเหล่ากษัตริย์ทำการลบศักราชปีมหาศักราช แล้วตั้งจุลศักราชขึ้นมาแทน เดิมเข้าใจกันว่าเป็นศักราชของพม่า ปรากฏอยู่ตามตำราโหราศาสตร์ แต่ทว่าปีที่ตั้งจุลศักราชนั้น เป็นเวลาก่อนปีที่พระเจ้าอโนรธามังช่อ จะประสูติ เมื่อไทยอโยธยารับศักราชนี้ไปใช้ เลยเกิดความเชื่อกันว่าเป็นศักราชของชาวพม่า จุลศักราชถูกนำมาใช้แพร่หลายทั้งในอาณาจักรล้านนา อาณาจักรสุโขทัยสมัยหลัง และอาณาจักรอยุธยา ในสมัยของพระเจ้าปราสาททอง ทรงตัดปีจุลศักราช และใช้ปีศักราชจุฬามณีแทน เป็นผลทำให้ปีนักษัตรคลาดเคลื่อนไปสามปี ต่อมา จึงได้เปลี่ยนกลับไปใช้ปีจุลศักราชตามเดิม และตกทอดมาถึงปัจจุบัน การคำนวณปี พ.ศ. จาก จ.ศ. ปฏิทินไทยให้ใช้ปี จ.ศ. บวก 1181 ก็จะได้ปี พ.ศ. (เว้นแต่ในช่วงต้นปีตามปฏิทินสุริยคติที่ยังไม่เถลิงศกจุลศักราชใหม่)
ในเอกสารโบราณของไทยจำนวนไม่น้อย นิยมอ้างเวลา โดยใช้จุลศักราช โดยใช้ควบคู่กับปีนักษัตร หรือ ระบุเฉพาะเลขตัวท้ายของจุลศักราช และปีนักษัตร ทำให้สามารถระบุปี ได้ในช่วงกว้างถึงรอบละ 60 ปี (มาจาก ครน. ของรอบ 10 ปีจากเลขท้ายของจุลศักราช และรอบ 12 ปีของปีนักกษัตร)
การเรียกศกตามเลขท้ายปี
ในระบบการเรียกศกตามเลขท้ายปีจุลศักราช นิยมเรียกด้วยศัพท์บาลี ดังนี้
- ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 1 เรียก "เอกศก"
- ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 2 เรียก "โทศก"
- ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 3 เรียก "ตรีศก"
- ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 4 เรียก "จัตวาศก"
- ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 5 เรียก "เบญจศก"
- ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 6 เรียก "ฉศก"
- ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 7 เรียก "สัปตศก"
- ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 8 เรียก "อัฐศก"
- ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 9 เรียก "นพศก"
- ปีจุลศักราชที่ลงท้ายเลข 0 เรียก "สัมฤทธิศก"