ติดต่อสอบถาม กรุณาแอด Line @astroneemo

  • Slider 1
  • Slider 2
  • Slider 3
  • Slider 4
  • Slider 5
  • Slider 6
  • Slider 7
  • Slider 8

Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

 

ในโหราศาสตร์ไทยมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวไม่เหมือนกับโหราศาสตร์ภารตะที่เป็นแม่แบบ คือได้มีการคิดค้นดาวเคราะห์วงนอกของระบบสุริยะคือดาวยูเรนัสหรือดาวมฤตยู(๐)มาและดาวอุปเคราะห์คือดาวเกตุไทย(๙)ใช้ในการพยากรณ์ ในต้นสมัยรัตนโกสินทร์

 

และดาวทั้งสองดวงนี้ถือว่าเป็นมรดกตกทอดที่สำคัญยิ่งของบูรพาจารย์ทางโหราศาสตร์ไทย และนักพยากรณ์สามารถนำมาใช้ในการพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำมากขึ้นผู้ที่คิดค้นดาวทั้งสองดวงนี้ก็คือ นางมีลงกาใหม่ หรือ หมื่นพรหมสมพัสสร ผู้ที่ซึ่งเป็นทั้งโหร กวี และจิตรกรที่มีความสามารถชั้นครูในทุกแขนงที่กล่าวมา

 

 

การค้นพบดาวมฤตยูของชาวตะวันตก

 

ดาวยูเรนัส (หรือ มฤตยู) เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 7 ในระบบสุริยะ จัดเป็นดาวเคราะห์แก๊ส มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3. ตั้งชื่อตามเทพเจ้า Ouranos ของกรีก สัญลักษณ์แทนดาวยูเรนัส ผู้ค้นพบดาวยูเรนัส คือ เซอร์วิลเลียม เฮอร์เชล(Sir William Herschel) พบในปี พ.ศ. 2324 (ค.ศ. 1781)

 

 

การค้นพบดาวมฤตยู(๐)ของนายมี

 

จากการบันทึกของพระยาทิพโกษา(สอน โลหะนันท์)ได้ยืนยันถึงการคิดค้นดาวมฤตยูของนายมี ไว้ในคำอธิบายเกี่ยวกับการบัญญัติวันทั้ง 7 ในสัปดาห์ไว้ใช้โลกนี้ กล่าวว่า

 

" ด้วยเมื่อพระพุทธเจ้าเข้านิพพานไปแล้วประมาณ 200 ปี ท่านคณาจารย์ทั้งสามจึงได้คิดค้าวันทั้ง 7 ขึ้นมาแทนสัปตหะ โดยต่างคนต่างคิด มิได้มีการปรึกษาหารือกันแต่คิดร่วมกันเป็นอย่างเดียว เหมือนดังผู้คิดพระเคราะห์มฤตยูขึ้น เมื่อรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งประเทศสยามนี้ -นายมี โหรผู้หนึ่ง ตั้งบ้านเรือนอยู่ท่ากระแซ หน้าวัดมหาธาตุเป็นผู้คิด ได้ถูกกับโหรชาวยุโรปสองคนซึ่งใช้(ดาวมฤตยู) กันอยู่ทุกวันนี้"

 

จะเห็นได้ว่านายมีอาจจะเป็นผู้คิดค้นดาวเคราะห์ดวงใหม่ดวงนี้ได้จากการคำนวนทางดาราศาสตร์-โหราศาสตร์ได้ด้วยตนเอง เพราะดาวมฤตยูนี้เป็นดาวเคราะห์วงนอกระบบสุริยะซึ่งอยู่ห่างไกลมากและไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งการคำนวนทางดาราศาสตร์ก็จะสามารถค้นพบดาวใหม่ได้เช่นกัน คล้ายๆกับการค้นพบดาวเนปจูนในปี พ.ศ. 2389 เออร์เบียง เลอ เวอร์ริเยร์ (Urbain Le Verrier) คำนวณว่า ต้องมีดาวเคราะห์ดวงหนึ่งรบกวนการโคจรของดาวยูเรนัส จนเมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2389 โจฮันน์ จี. กาลเล (Johann G. Galle) นักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันแห่งหอดูดาวเบอร์ลิน ได้ค้นพบดาวเนปจูน ในตำแหน่งใกล้เคียงกับผลการคำนวณดังกล่าว

 

 

ความหมายของดาวมฤตยู(๐)ในโหราศาสตร์ไทย

 

ท่านกล่าวเป็นหลักเอาไว้ว่า "ทายภัยอาเพศ ให้ทายมฤตยู" ดาวมฤตยูเป็นดาวปาปเคราะห์โคจรช้า สถิตในแต่ละราศีใช้ระยะเวลาโคจรนานถึง 7ปี มีอิทธิพลคล้ายกับดาวปาปเคราะห์อื่นๆ บางตำรากล่าวว่าดาวมฤตยูเป็นเกษตรในราศีกุมภ์ และเป็นอุจน์ในราศีพิจิก  ความหมายโดยทั่วไปหมายถึงการเปลี่ยนแปลง การปฏิรูป การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ  หรือ การเกิดภัยพิบัติร้ายแรง การระเบิด แผ่นดินไหว ความตาย  ล้วนแล้วแต่สามารถนำมฤตยูมาทำนายได้ทั้งสิ้น

 

มฤตยู (๐) ดาวบาปเคราะห์
มฤตยู (๐) คือ ความแปลกประหลาด มหัศจรรย์ น่าตื่นเต้น ตกใจ สิ่งใหม่ๆ ทันสมัย แปลกแหวกแนว กระทันหัน
มฤตยู (๐) เป็นสัญญลักษณ์ ของความไม่ครบถ้วน ขาด หมด ความหงุดหงิด โกรษง่าย ภัยอาเภท ลี้ลับซับซ่อน
มฤตยู (๐) หมายถึงนักวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมสิ่งใหม่ๆ ปฎิวัติ การเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันจาก
หน้ามือเป็นหลังมือ ธาตุสุญกาศ เลข 0
มฤตยู (๐) แผ่อิทธิพลถึง ลั มักอาภัพ ต้องเหนื่อยยากตรากตรำลำบาก มักมีชีวิตที่ต้องช่วงใช้ผู้อื่น ชีวิตส่วนตัว
มักลุ่มๆดอนๆ บางครั้งรุ่งโรจน์บางครั้งตกต่ำไม่คงทน ปฎิภาณไหวพริบจะแก่กว่าอายุจริง ชอบครบ
คนที่อายุมากกว่าตน มีญานวิเศษมีลางสังหรณ์และพลังจิตสูง

 

ความหมายต่างๆเกี่ยวกับ ดาวมฤตยู (๐)

 

สถานที่ : ต่างประเทศ ต่างแดน ต่างจังหวัด บนยานพาหะนะ สถานที่ๆมีความเคลื่อนไหว กระทรวงการต่างประเทศ
ภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้า

บุคคล : นักวิจัย นักค้นคว้า นักสืบ นักปฎิวัติ พวกที่เกเรไม่เชื่อฟัง เอาแต่ใจตัวเอง

วิชาการ : คอมพิวเตอร์ สำรวจ ดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ การประดิษฐ์ การค้นคว้าสิ่งใหม่ๆ แปลกๆ เช่นเทคโนโลยี
แผนใหม่ การริเริ่มสร้างสรรเพื่อให้ก้าวหน้าให้ทันกับโลคยุคใหม่ มือถือ ดาวเทียม

อาชีพ : นักวิทยุ นักบิน นักประดิษฐ์ ช่างแกะสลัก งานทางด้านคอมพิวเตอร์ งานด้านอิเล็คทรอนิค งานที่เกี่ยวกับคลื่น
สัณญาณ เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ จิตศาสตร์ โบราณคดี นักโหราศาสตร์ นักสืบ พนักงานสืบสวน งานเชิงวิจัย ค้นคว้าต่างๆ
ด้านการเก็บข้อมูล ข่าวสาร

วัตถุ : มักจะเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ไฟ สิ่งที่ไม่ค่อยสมบูรณ์

รูปร่าง :  โดยทั่วๆไปแล้วรูปร่างจะเปลี่ยนไปตามราศีที่สถิตย์และดาวดวงอื่นๆที่สัมพันธ์ถึง


นิสัย : มักเป็นคนเคร่งขรึม ชอบเก็บตัว ซ่อนคม มีความคิดลึกซึ้ง ไม่ชอบความพลุกพล่านวุ่นวาย ช่างติ มีนิสัย
ละเอียดถี่ถ้วนมีลางสังหรณ์สูง มีญานวิเศษ สามารถล่วงรู้ปัญหาของผู้อื่นได้ดีทีเดียว อ่านจิตใจคนเก่งทำนาย
เหตุการณ์ได้ถูกต้องเจ้าอารมณ์ ขี้หงุดหงิด โกรธง่าย ชอบเป็นผู้นำ ผู้ริเริ่มก่อการ นักปฎิวัติ คิดก้าวหน้าตลอด
ชอบประดิษฐ์คิดค้นมั่นคงในลัทธิ ช่างติ แก้ไข เอาแต่ใจตัวชอบคบ คนสูงอายุ มีความสามารถประหลาดๆมาก
มาย ชอบศาสตร์ลี้ลับ

อวัยวะ : ทวารหนัก

สี : สีรุ้ง สีหลากหลาย

ทิศ : ทิศไม่มี    (ทั่วทุกทิศ)

 

 

การค้นพบดาวเกตุไทย(๙)ของนายมี

 

พระยาทิพโกษา(สอน โลหะนันท์)ก็กล่าวเอาไว้ในหนังสืออีกต่อไปว่า ดาวเกตุไทยที่เป็นผลการคำนวนจากอาทิตย์และจันทร์ก็เป็นฝีมือของนายมี ผู้นี้อีกเช่นกัน ท่านได้กล่าว่า "...นายมีผู้นี้เป็นผู้รู้ทางโหราศาสตร์ดีผู้หนึ่ง วิสุทธิมาศที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เป็นของนายมี ผู้จัดทำ.." (ตำราวิสุทธิมาส-เป็นตำราโหราศาสตร์)

 

ดาวเกตุ(๙) นี้เป็นดาวเกตุที่แตกต่างจากเกตุสากลหรือSouth Node ซึ่งเป็นหางของราหูที่ใช้กันทั่วไปในโหราศาสตร์สากลและโหราศาสตร์ฮินดูภารตะ ดาวเกตุแบบไทยเป็นดาวอุปเคราะห์ หรือ ดาวฉายาไม่มีตัวตนจับต้องไม่ได้ รู้ได้จากการคำนวนเท่านั้น

 

 

ความหมายของดาวเกตุ(๙)

 

เกตุ (๙) ให้สังกัดฝ่ายดาวบาปเคราะห์
เกตุ (๙) คือ ทางสายกลาง ธรรมะ วิญญาณ ศาสนา สมาธิ ปรัชญา ปัญญา
เกตุ (๙) เป็นได้ทั้งบวกและลบ หมายถึง เกต(๙)ุสามารถเสริมดีหรือเสริมร้ายได้อย่างมากมาย
เกตุ (๙) หมายถึงคนทรง พระสงฆ์ ผีสาง พลังลึกลับ ไม่มีตัวตน ธาตุอากาศ ทิศศูนย์กลาง สีใส เลข 9
เกตุ (๙) อีกทางหนึ่งคือ ของเก่า ของโบราณ พระเครื่อง นักเล่นของเก่า การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง
หรือทำของขึ้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือของโบราณวัตถุจะเข้ามาอยู่กับเจ้าชะตาได้ง่าย
เกตุ (๙) หมายถึง ผู้เฒ่ารุ่นลายคราม การสักยันต์ของขลังตามร่างกาย นักปลุกเสกต่างๆ เกตุถึง ลั มักเป็นที่
พอใจหรือได้รับความเมตตาจาก ผู้เฒ่า ผู้สูงอายุ นักบวช พระสงฆ์องค์เจ้า
เกตุ (๙) หมายถึงอายุยืน ถ้าเกตุ(๙)ถึง ลั โบราณว่าจะไม่ตายโหง แต่ถ้าเกตุ(๙)ตกอยู่เรือนอริและวินาศ มักมี
ปัญหาเรื่องสุขภาพ อยู่มรณะ มักล่อแหลมต่ออุบัติเหตุ ให้สังเกตุ ถ้าเกตุ(๙)อยู่อริและเป็นเรือนกาลกิณี
ให้ระวังอุบัติเหตุที่ทำให้ผู้อื่นถึงกับเสียชีวิตได้
เกตุ (๙) เป็นสัญญลักษณ์ของความเกิน หรือความเกินพอดี เกินปกติ ความแปลกๆ รวมถึงบรรยากาศแตกต่าง
เกตุ (๙) เป็นดาวแห่งความคิดริเริ่มแปลกๆ การดัดแปลงที่ทันสมัย ชอบเด่น-แปลกแหวกแนว แต่ก็เป็นดาวแห่ง
การละทิ้งการกระทำกลางคัน(เหตุนี้เองจึงควรเตรียมบุคคลมาสานต่อความคิดหรือการกระทำต่างๆ)
เกตุ (๙) แผ่อิทธิพลถึง ลั มักทำชอบทำตัวเด่นกว่ากลุ่มผู้คน ถ้าใครทำอะไรไม่ได้แล้วเจ้าชะตาจะต้องอาสาทำ
ให้ได้ และมักจะทำได้เสียด้วยหรือต้องให้ได้ในสิ่งนั้นๆ เหตุนี้เองเลยทำให้รู้สึกเด่นกว่าคนอื่นๆ
เกตุ (๙) ทำให้ชอบของแปลกใหม่ที่ไม่เป็นธรรมชาติ หรือชอบวิตถาร พวกกระเทยหรือรักร่วมเพศก็
ตกอยู่ในอำนาจอิทธิพลของ เกตุ เหมือนกัน

 

 

ความหมายต่างๆเกี่ยวกับ เกตุ (๙)

 

สถานที่ : โบราณสถานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา วัดร้าง โบสถ์ร้าง เทวาลัย ภูเขา เนินดิน เจดีย์ พระปรางค์ต่างๆ
สถานี วิทยุ สถานีโทรทัศน์ สถานที่ส่งกระแสคลื่นต่างๆ ตำหนักคนทรงเจ้าเข้าผี ฯลฯ

บุคคล : ผู้สูงอายุ นักบวช นักแสวงบุญ นักท่องเที่ยว ช่างทุกประเภท คนวิกลจริต คนใบ้ คนทรง หมอดูทุกประเภท
นักจารกรรม นักธุดงค์ นักแสวงโชค นักประดิษฐ์ หญิงมีครรภ์ คนหลังค่อม หญิงโสเภณี หญิงไฮโซ ฯลฯ

วิชาการ : โหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ ดาราศาสตร์ วิชาอิเล็คทรอนิค สาสนศาสตร์ ฯลฯ

อาชีพ : งานที่เกี่ยวพันกับนักบวช เครื่องสังฆภัณฑ์ งานเกี่ยวกับรูปปั้นโปราณ งานเกี่ยวกับสิ่งลึกลับ งานเกี่ยวกับของเก่า
ของโบราณ นักวางแผน นักประดิษฐ์คิดค้น งานเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ กิจการต่างประเทศ กิจการเกี่ยวกับศาสนา
งานเกี่ยวกับศิลปะแปลกแหวกแนว ศิลปะประยุกต์ การตกแต่งที่เกี่ยวกับรสนิยมของสังคม งานแฟชั่นแปลกๆใหม่ๆ
งานเกี่ยวกับอารมณ์ศิลปินระดับสูง ที่คนทั่วๆไปตามไม่ทัน งานค้นคว้า งานทดลอง งานเล่นแร่แปรธาตุ วิทยาศาสตร์

วัตถุ : เครื่องรางของขลังต่างๆ พระเครื่อง ลูกประคำ เจดีย์ โบสถ์ วิหาร จอมปลวก คลื่นวิทยุ ฯลฯ กระแสจิต โทรศัพท์
เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องรับสัญญาณต่างๆ ฯลฯ

รูปร่าง : ค่อนข้างจะผอมหนิดหน่อย บางคนก็ท้วมนิดๆ สูงโปร่ง ร่างกายมีบางส่วนมีตำหนิ ที่มองเห็นได้ค่อนข้างชัด
(โดยทั่วๆไปแล้วรูปร่างจะเปลี่ยนไปตามราศีที่สถิตย์และดาวดวงอื่นๆที่สัมพันธ์ถึง)

นิสัย : คนที่มีความฉลาด ไหวพริบ รู้ทันคน คนมุทะลุ บาบิ่น หากมีอาการจิตหรือประสาทหลอน อาจมีนิสัยขี้ระแวงสงสัย
เจ้าปัญหา ทำอะไรต้องทำให้ได้ต้องเด่นแต่แปลกพอถึงจุดสูงสุดจะทิ่งหรือวางมือง่าย ฯลฯ

อวัยวะ : ลมหายใจ หลอดลม ปอด ไขข้อ ตา กระดูก กระแสจิต ฯลฯ

สี : อุลกมณี

ทิศ : ทิศตะวันตก

 

 

 

 

ประวัติของนายมี ลงกาใหม่

 

นายฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ได้เขียวเอาไว้ว่า "นายมีเป็นบุตรพระโหราธิบดี (ชุม) มารดาชื่อใดไม่ปรากฏ เพราะพระโหราธิบดี(ชุม)นั้น นอกจากจะเป็นโหรผู้ชำนาญในวิชาสุริยาตรแล้ว ยังเป็นผู้แตกฉานในอักษรสมัย เป็นอาจารย์บอกพระปริยัติธรรมแก่ภิกษุสามเณรในยุคนั้นอีกด้วย มีสำนักอยู่หน้าเก๋งวัดพระศรีศาสดาราม มีลูกศิษย์ได้เป็นสมเด็จพระราชาคณะและมหาเปรียญหลายต่อหลายรูป" เข้าใจว่านายมีน่าจะเกิดในปี พ.ศ .2351 อันเป็นปีที่ 27 ในรัชกาลที่ 1

 

 

ความสามารถด้านศิลปกรรมของนายมี กับฉายา"ลงกาใหม่"

 

 

 

ใน ทางศิลปกรรมศาสตร์ จากการได้ศึกษาวิชาช่างเขียนจากขรัวนาค วัดเพลง นายช่างจิตรกรเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์สมัยรัชกาลที่หนึ่ง ทำให้นายมีมีชื่อเสียงมากที่สุดในด้านนี้ และมีโอกาสได้เขียนภาพจิตรกรรมในระเบียงรอบพระอุโบสถวัดพระศรีศาสดาราม

เมื่อมีการปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในรัชการพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังที่จุลทรรศน์ พยาฆรานนท์ (2531, หน้า 30-39) อธิบายว่า

 

 

 

"...นายมีเป็นผู้มีฝี มือในการวาดภาพ เนื่องจากขณะบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดพระเชตพุนวิมลมังคลารามนั้น คงมีโอกาสได้เรียนการเขียนภาพจาก “ขรัวนาค” แห่งวัดเพลง ซึ่งสะท้อนจากความในนิราศสุพรรณ และเมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าจ้าอยู่หัวทรงปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม นายมีซึ่งขณะนั้น ได้รับราชการเป็นอาลักษณ์ ได้รับมอบหมายให้เขียนภาพรามเกียรติ์ห้องที่พระอินทร์สั่งให้พระวิศวกรรมลงมาสร้างพระนครลงกาใหม่ให้ทศกัณฐ์แทนเมืองที่ถูกหนุมานเผา นายมีได้แทรกภาพเขียนของตึกรามบ้านช่องแบบใหม่ทั้งแบบจีนและฝรั่งซึ่งเป็นที่นิยมในการสร้างบ้านของผู้ดีในสมัยนั้น ลงในภาพเขียนด้วย เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทอดพระเนตรภาพนั้น มิได้ทรงตำหนิประการใด รับสั่งแต่เพียงว่า “เออ มันมีความคิดดี" นับแต่นั้นนายมีจึงได้รับสมญาว่า นายมีลงกาใหม่"

 

 

 

 

ความสามารถทางด้านการประพันธ์ของนายมี

 

 

 

กล่าวกันว่านายมีผู้นี้เป็นศิษย์เอกของบรมกวี สุนทร(ภู่)

 

และเป็นผู้แต่ง เรื่อง ศรีสวัสดิวัตร ทศมูลเสือโค (หรือ เสือโค ก กา) นิราศเดือน นิราศสุพรรณ นิราศพระแท่นดงรัง และนิราศถลาง และบท อาขยาน ชื่อ วิชาเหมือนสินค้า   ฯลฯ

 

 

 

 

ข้อมูลอ้างอิง

 

-หนังสือ มฤตยู เนพจูน พลูโต เทพเจ้าแห่งความวิบัติและทำลายล้าง ในวิชาโหราศาสตร์ไทยในปัจจุบัน เขียนโดยซิเซโร (ยอดธง ทับทิวใม้)

 

-เอกสาร“วิชาเหมือนสินค้า”: วรรณกรรมของนายมีที่ไม่เป็นที่รู้จัก โดย.. รศ.ดร.สุภาพร คงศิริรัตน์