
บทเรียนที่ 3 รากฐานของวิชา”โหราศาสตร์พระเวท“ทั้งระบบ ตอนที่ 4
จากการสังเกตการณ์นักดาราศาสตร์ของอินเดียโบราณได้สังเกตการณ์และแบ่งเส้นทางวงกลมสมมติ 360 องศา ของ สุริยวิถี ออกเป็น 12 ภาคหรือกลุ่มดาวที่เท่ากัน ซึ่งเรียกว่า ราศี ส่วนโหราศาสตร์พระเวท หรือ ชโยติษะศาสตร์ จัดเป็นเวทังคะหรือสาขาหนึ่งของพระเวท คัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ของชโยติษะศาสตร์ คือ ภฤคุสัมหิตา ซึ่งรวบรวมโดย มหาฤาษีภฤคุ ในยุคพระเวท
แม้ว่าแนวคิดพื้นฐานจะเป็นของอินเดีย แต่โหราศาสตร์พระเวทก็ยังรับเอาได้รับอิทธิพลจากแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับกรีกโบราณ ในช่วงศตวรรษแรกๆของหลายพันปีก่อน คัมภีร์ต่างๆ เช่น ยวณชาตกะ ("โหราศาสตร์ของชาวกรีก") แสดงให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมด้านโหราศาสตร์ระหว่างอินเดียและกรีก
คำว่า "ราศี" (ราศีจักร) มีรากศัพท์มาจากโหราศาสตร์พระเวท ซึ่งหมายถึงการแบ่งสุริยวิถีออกเป็น 12 ส่วน แนวคิดเรื่องราศี ซึ่งมีรากฐานมาจากโหราศาสตร์อินเดียโบราณและเชื่อมโยงกับกลุ่มดาวที่ดวงอาทิตย์โคจรผ่าน ซึ่งน่าจะมีต้นกำเนิดเดียวกันกับโหราศาสตร์ตะวันตก
ราศี (ราศี) ในโหราศาสตร์พระเวท มาจากคำสันสกฤตว่า "ราศี" ซึ่งแปลว่า "กอง" หรือ "กลุ่ม" หมายถึงการแบ่งจักรราศีออกเป็นสิบสองส่วนเท่าๆ กันตามกระจุกดาว ระบบนี้มีรากฐานมาจากการโคจรของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ผ่านกลุ่มดาวจักรราศีและนักษัตรทั้ง 27 นักษัตร ซึ่งถือเป็นฉากหลังที่พลังงานจากดาวเคราะห์แผ่ออกมา และมีอิทธิพลต่อบุคลิกภาพและเส้นทางชีวิตของบุคคล นั่นก็คือโชคชะตาโดยมีรากฐานมาจากวัฏจักรของระบบจันทรคติ-และสุริยคติ
โดยเริ่มแรกนักปราชญ์พระเวทโบราณได้แบ่งจักราศีออกเป็น 2 ส่วนก่อนเป็นอันดับแรก โดยใช้จุดที่พระอาทิตย์โคจรปัดเหนือ-ปัดใต้ หรือ อายัน (अयन) คือปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการโคจรรอบโลกของดวงอาทิตย์ เกิดขึ้นปีละ 2 ครั้ง โดยเกิดขึ้นทุกปีระหว่างวันที่ 20 หรือ 21 มิถุนายนเรียกว่า ครีษมายัน และในวันที่ 22 หรือ 23 ธันวาคมเรียกว่า เหมายัน หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ตะวันอ้อมข้าว )
โดยเรียกเป็นอุตตรายัน(ครีษมายัน-ดาวอาทิตย์โคจรปัดเหนือ) และทักษิณายัน(เหมายัน-ปัดใต้) ทำให้จักราศีถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
จากนั้นก็มีการเฝ้าสังเกต”วิษุวัต” หรือ "จุดทิวา-ราตรีเสมอภาค" หรือ "จุดที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน" เป็นช่วงเวลา 2 ครั้งต่อปีที่ดวงอาทิตย์โคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรพอดี ทำให้ทั้งกลางวันและกลางคืนยาวนานเท่ากันทั่วโลก วิษุวัตมี 2 ช่วง ได้แก่ วันวสันตวิษุวัต (ประมาณวันที่ 20-21 มีนาคม) และวันศารทวิษุวัต (ประมาณวันที่ 22-23 กันยายน) โดยจุดทั้ง 4 นี้มีตำแหน่งที่แน่นอนและทำให้เกิดเป็นฤดูกาลต่างๆ
กำหนดเดือนทางจันทรคติ
ส่วนการแบ่งจักรราศีออกเป็นสิบสองราศีขึ้นอยู่กับวัฏจักรของระบบจันทรคติ ซึ่งต้องมีจันทร์เต็มดวงหรือจุดจันทร์เพ็ญ 12 จุดจึงจะครบหนึ่งปี จึงทำให้จักราศีถูกแบ่งจาก 2 ส่วนออกเป็น 12 ส่วน แล้วจึงกำหนดชื่อเดือนทางจันทรคติ ตามชื่อดาวฤกษ์ เช่น เมื่อดาวจันทร์เพ็ญอยู่ในมาฆะนักษัตร ก็เรียกว่า เดือนมาฆะ เพราะจันทร์เสวยมาฆะฤกษ์ นับอย่างนี้ไปจนครบ 12 เดือน หรือ 12 นักษัตร จึงแบ่งราศีได้ครบ 12 ส่วนหรือ 12 เดือนทางจันทรคติดังนี้ คือ
1. จิตรามาส (चैत्र) ไจตระมาส 2. วิสาขะมาส (वैशाख) ไวศาขะมาส
3. เชษฐะมาส (ज्येष्ठ) ชเยษฐะมาส 4. อาษาฒามาส (आषाढ)อาษาฒะมาส
5. ศราณะมาส (श्रावण) ศราวณะมาส 6.ภัทรปทมาส 7.(भाद्रपद) ภาทรปทะมาส
7. อัศวินิมาส (अश्विन्) อาศวินมาส 8.กัตติกามาส (कार्तिक) การติกะมาส
9.มฤคศิระมาส (मार्गशीर्ष) มารคศีรษะมาส 10.ปุษยะมาส (पौष)เปาษะมาส
11.มาฆะมาส (माघ) มาฆะมาส 12.ผลาคุณะ (फाल्गुन) ผาลคุนะมาส
***หมายเหตุ การนับเดือนของอินเดียเหนือกับอินเดียใต้นับไม่ตรงกันทำให้เดือนคาบเกี่ยวกัน กรุณาศึกษาเพิ่มเติม ปฏิทินจันทรคติฮินดู ระบบปูรณิมันตะ กับ อามาวาสยันตะ https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-21-50/2016-09-26-02-29-18/85-2010-01-17-09-35-22/1412-2013-04-17-03-33-39.html
การกำหนดและแบ่งอาณาเขตของราศี
เมื่อได้ทฤษฏีอายันทั้ง 2 ,จุดวิษุวัตทั้ง 2, กาลบุรุษ 12 อวัยวะ ,จุดเพ็ญในนักษัตรทั้ง 12 นักษัตร และเดือนทางจันทรคติ 12 เดือนก็เลยมีแนวคิดเชื่อมโยงผสมผสานทฤษฎีดังกล่าวผสมกันกับระบบนักษัตรทั้ง 28 นักษัตรแบบดั้งเดิม
เมื่อจักราศีเป็นวงกลม 360 องศา และดาวอาทิตย์โคจรรอบจักรราศีใช้เวลาประมาณ 365 วัน และเมื่อคิดจากจุดเพ็ญก็จะกลายเป็น 12 เดือนจันทรคติ พอครบ 1 ปีแล้วก็เริ่มไปตั้งต้นนับใหม่แบบนี้เรื่อยไป
นักปราชญ์พระเวทโบราณ จึงใช้อายันทั้ง 2 อายันมาแบ่งวงกลม 360 องศาก็จะได้ ทักษิณายันและอุตรายัน 2 จุดมีขอบเขตอายันละ 180 องศาเป็นจุดตั้งต้น และใช้จุดวิษุวัตทั้ง 2 จุดมาแบ่งอีกก็จะได้ 4 ส่วนๆละ 90 องศา เพราะ 4 ตำแหน่งนี้คงที่ไม่เคยเปลี่ยน
จากนั้นก็นำระบบธาตุพื้นฐานของจักรวาลทั้ง 4 คือดินน้ำลมไฟมาแบ่งวงกลม 360 องศา ก็จะได้ธาตุละ90 องศา จากนั้นก็นำจุดเพ็ญหรือเดือนทางจันทรคติทั้ง 12 จุดมาหารด้วย 360 องศา ก็จะได้ส่วนละ 30 องศา ซึ่งส่วนนี้แหละที่เรียกว่า”ราศี”
และจากธาตุทั้ง 4 ธาตุละ 90 องศาก็เป็นออกเป็น 3 ระดับความเข้มข้น ก็จะเป็น แม่ธาตุ กลางธาตุ และปลายธาตุ รวมธาตุ 4 กับ 3 ระดับ ก็จะได้ธาตุละ 30 องศาเช่นกัน ตัวอย่าง เช่น ราศีไฟต้นธาตุ ซึ่งมีกำลังแรง ต่อมาก็เรียกเป็น”จรราศี” ตามคุณลักษณะและกำลัง
ราศีไฟกลางธาตุ มีกำลังสม่ำเสมอและมั่นคง ก็กลายเป็น”สถิระราศี” ส่วน ราศีธาตุไฟปลายธาตุ มีกำลังไม่แน่นอน บางครั้งไฟก็ลุกโชนโชติช่วงเหมือราศีต้นธาตุ บางทีไฟก็ความร้อนแรงสม่ำเสมอเหมือราศีกลางธาตุ
แต่บางทีก็เกือบมอดดับซึ่งทั้ง 3 อย่างสลับสับเปลี่ยนกำลังและแปรผันอยู่ตลอดเวลา เอาแน่เอานอนไม่ได้ จึงเรียกราศีปลายธาตุว่า “ทวิภาวะราศี” ซึ่งหลักการนี้นำมาใช้กับธาตุทั้ง 4 และกลายเป็นคุณลักษณะของราศี
สรุปว่าที่มาของราศีจักรที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้มาจากกลุ่มดาวจักราศี 12 กลุ่มที่สถิตอยู่รายล้อมจักราศีและการแบ่งเป็น 30 องศาเท่าๆกันก็มาจากหลักการที่อธิบายไปแล้วนำมาผสานกับโหราคณิตศาสตร์ระยะเชิงมุม (ซึ่งจะกล่าวในตอนต่อไป) โดย 360 องศา แบ่งเป็น 12 ส่วนๆละ 30 องศา หรือ เป็น 12 ราศีพอดี
--------------------------------------------------------------------------
***ประกาศ***
อาศรมศรีจักรนารท โดยอาจารย์ ณภัทร (AstroNeemo) ได้เริ่มเปิดสอน"โหราศาสตร์ภารตะ"หรือ"โหราศาสตร์พระเวท" ฟรี!!! ทางออนไลน์แล้ว
1.Facebook: กลุ่มโหราศาสตร์พระเวท https://www.facebook.com/groups/VedicAstrologyThailand
2.Website: https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-21-50/vedic-astrology-lesson.html
3.TikTok : astroneemo
*******************************
สนใจดูดวงชะตาด้วย โหราศาสตร์พระเวท(ภารตะ) กับ อาจารย์ ณภัทร (AstroNeemo)
กรุณาคลิ๊กลิงก์นี้ครับ https://www.astroneemo.net/index.php/2016-08-07-05-20-37/211067-%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B0.html
*******************************
บริการของเรา
ดูฤกษ์ออกรถ ดูฤกษ์ยกเสาเอก ดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ดูฤกษ์เปิดกิจการใหม่ ดูฤกษ์จดทะเบียนบริษัท ดูฤกษ์แต่งงานพิธีไทย-ฤกษ์จดทะเบียนสมรส ดูฤกษ์เปลี่ยนชื่อ ดูฤกษ์ตั้งศาลพระภูมิ ดูฤกษ์เข้าทำงานใหม่ ดูฤกษ์ลาสิกขาบท ดูฤกษ์โกนผมไฟ ดูฤกษ์ผ่าคลอด ดูฤกษ์มงคลอื่นๆ
ดูฮวงจุ้ย-แก้ฮวงจุ้ย คำนวนดวงพิชัยสงคราม-เสริมดวง-แก้ดวง ดูดวงชะตาด้วยโหราศาสตร์พระเวท(โหรภารตะ)
กดติดตาม เพื่ออ่านบทความใหม่ๆ ผ่าน Facebook ของอาจารย์
*******************************
