ติดต่อสอบถาม กรุณาแอด Line @astroneemo

  • Slider 1
  • Slider 2
  • Slider 3
  • Slider 4
  • Slider 5
  • Slider 6
  • Slider 7
  • Slider 8

Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

地藏法會暨瑜伽燄口施食

ขอเชิญสาธุชนร่วมงานบุญและประกอบพิธีโยคะตันตระ (ซิโกว)มูลนิธิเพื่อการศึกษาเขาคิชกูฎ(วัดหลิงจิวซาน)

靈鷲山泰國講堂

“ขอขอเชิญชวนสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคทรัพทย์และสิ่งของ ข้าวสารอาหารแห้ง ฯลฯ เพื่อใช้ในการประกอบการบูชาในพิธีกรรมและอุทิศให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลายเพื่อความเจริญรุ่งเรืองผาสุกเป็นศิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัว และหลังจากนั้นทางวัดก็จะนำสิ่งของ ข้าวสารอาหารแห้งต่างๆในพิธีไปบริจาคให้กับผู้ยากจนยากไร้ เพื่อสร้างกุศลต่อไป”

“พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์”

ในศาสนาพุทธนิกายมหายาน พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ เป็นพระโพธิสัตว์ที่ทรงได้รับการเคารพนับถือและมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อน ไปกว่าพระโพธิสัตว์อื่นๆ ทรงปรากฏชื่อในพระสูตรชื่อ "ตี่จั่งอ๊วงพู่สักบึ้งง่วนเก็ง" โดยแปลจากภาษาสันสกฤต พระสูตรนี้กล่าวถึงพระมหาปณิธานของพระองค์ท่าน โดยมีปณิธานดังนี้ คือ "ตราบใดที่นรกยังไม่สูญ คือ ไม่ว่างจากสัตว์นรก ตราบนั้นก็จะไม่ขอบรรลุพุทธภูมิ"

พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ทรงโปรดสัตว์ในภพภูมิต่างๆ คือ มนุษย์ เทวดา อสูร เปรต และสัตว์เดรัจฉาน รวมทั้งสัตว์ในนรกภูมิ ทรงเต็มไปด้วยความเมตตา ทรงปฏิบัติพระองค์เพื่อช่วยสรรพสัตว์ทั้ง 6 เหล่า โดยทรงแผ่กุศลปัตติทานให้ อันเป็นผลกรรมนำสรรพสัตว์ไปสู่สุคติ ได้บรรลุมรรคผลไปแล้วมากมายเกินจะนับได้ ตลอดระยะเวลานานเป็นอสงไขยกับป์อันประมาณมิได้

“พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์” เป็นพระโพธิสัตว์ที่ทรงได้รับการเคารพนับถือและมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระโพธิสัตว์อื่นๆ ทรงปรากฏชื่อในพระสูตรชื่อ "กษิติครรภมูลปณิธาณสูตร" โดยแปลจากภาษาสันสกฤตพระสูตรนี้กล่าวถึงพระมหาปณิธานของพระองค์ท่าน โดยได้ตั้งปณิธานอันยิ่งใหญ่ว่า

"ตราบใดที่นรกยังไม่สูญ คือ ไม่ว่างจากสัตว์นรก ตราบนั้นก็จะไม่ขอบรรลุพุทธภูมิ"  ทรงโปรดสัตว์ในภพภูมิต่างๆ คือ มนุษย์ เทวดา อสูร เปรต และสัตว์เดรัจฉาน รวมทั้งสัตว์ในนรกภูมิ ทรงเต็มไปด้วยความเมตตา ทรงปฏิบัติพระองค์เพื่อช่วยสรรพสัตว์ทั้ง หกหกภพภูมิ โดยทรงแผ่กุศลปัตติทานให้ อันเป็นผลกรรมนำสรรพสัตว์ไปสู่สุคติ ได้บรรลุมรรคผลไปแล้วมากมายเกินจะนับได้ตลอดระยะเวลานานเป็นอสงไขยกับป์อันประมาณมิได้

 

การร่วมสวดสาธยายพระสูตร”กษิติครรภมูลปณิธาณสูตร”นี้ ก็เพื่อให้สาธุชนทั้งหลายได้รับบารมีจากองค์พระมหาโพธิสัตว์ผุ้ทรงมีมหาปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่ปลดเปลื้องสรรพทุกข์ โรคภัย ฯลฯ ให้พ้นจากสรรพสัตว์ทั้งหลาย อีกทั้งได้แผ่กุศลปัตติทานไปให้แก่บุพการี ญาติมิตร ผู้มีพระคุณทั้งหลายที่ได้ล่วงลับไปแล้ว อีกประการหนึ่งก็ยังประโยชน์ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายที่ยังตกอยุ่ในห้วงทุกข์ ช่วยเพิ่มพูนบุญบารมี ส่งเสริมให้ความปรารถนาสมฤทธิ์ผลสมหวังในทุกๆประการ จนกระทั่งได้บรรลุสความสำเร็จแห่งพุทธะ

ลำดับพิธีกรรม

09.40                       ชำระมณฑลพิธี

10-11.00                  สวดสาธยายพระสูตร ปฐมบรรพ

11.20                       พิธบูชาพระพุทธ

12.00                       พักรับประทานอาหารเจ

13.10                       สวดสาธยายพระสูตร ทุติยะบรรพ

14.00                       สวดสาธยายพระสูตร ปัจฉิมบรรพ

15.20                       พิธีเปรตพลีโยคกรรมลำดับพิธีกรรม

วันที่ประกอบพิธี : วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน 2553

สถานที่ประกอบพิธี : มูลนิธิเพื่อการศึกษาคิชกูฎ (วัดหลิงจิวซาน สาขากรุงเทพฯ) เลขที่ 701/205 อาคารรอยัลคาร์เซ่

ซอยพัฒนาการ 30 ถนนพัฒนาการ สวนหลวง กรุงเทพฯ โทร. 02-319-4531-32 โทรสาร.02-319-4533

พิธีทิ้ง กระจาดแจกไทยทาน(ซิโกวโพ่วโต่ว)

ประวัติความเป็นมาของพิธี ทิ้งกระจาดไทยทาน

พิธีโยคกรรม อัคนีชวาลมุขเปรตพลี หรือ พิธีทิ้งกระจาดแจกไทยทาน(ซิโกวโพ่วโต่ว)  เป็นพิธีโปรดวิญญาณผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว  ภาษาจีนเรียกว่า  หยู่แคเอี่ยมเข้า

ตามพระไตรปิฎกจีน  พระสูตรนี้ชื่อว่า
“ อัคนีชวาลมุขเปรตพลี บรรยายไว้ว่า  ครั้งนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จประทับแสดงพระธรรมเทศนา ณ  นิโครธารามวิหาร  เมืองกบิลพัสดุ์  พระอานนท์เถระเจ้าพุทธอนุชา  ได้หลีกออกไปเข้าญาณสมาบัติ  อยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่  ขณะที่พระอานนท์บำเพ็ญญาณปริเวทธรรมอยู่นั้น ได้มีอสูรกายตนหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าบอกว่าตนคือ  อัคนีชวาลมุข เปรต (เอี่ยมเข้า)  รูปร่างสูงใหญ่  มีใบหน้าสีเขียว  แสยะเขี้ยว  ตามตัวมีแต่หนังหุ้มกระดูก  ลำคอเล็กเท่ารูเข็ม  มีเปลวไฟลุกโชติช่วงออกจากปากเป็นนิจ  ได้กล่าวกับพระอานนท์ว่า  ท่านอานนท์  เราได้รับทุกข์เวทนาอย่างแสนสาหัสเพราะความหิวกระหาย  ไม่มีโอกาสจะได้กินอาหารใด ๆ เลย ได้รับแต่ทุกขเวทนามานานแสนนาน  ท่านผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าอุดมด้วยความเมตตากรุณาต่อสัตว์  ขอพระเถระท่านอุทิศสิ่งอุปโภคบริโภคเป็นไทยทานแก่ฝูงเปรตด้วยเถิด  ถ้าท่านไม่กระทำภายใน  ๓  วัน  ก็จะถึงซึ่งแก่มรณะ  ว่าแล้วอสูรกายตนนั้นก็หายวับไป  พระอานนท์เกิดความสะดุ้งกลัว  เข้าเฝ้าพระบรมศาสดากราบทูลให้ทรงทราบและกราบขอพระพุทธบารมีแห่งพระพุทธองค์ เป็นที่พึ่ง

พระพุทธองค์ทรงตรัสแก่พระอานนท์ว่า  ในอดีตเมื่อพระองค์ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ในสำนักพระอวโลกิเตศวรนั้น  พระโพธิสัตว์ได้ตรัสเทศนาถึงพิธีโยคเปรตพลี เพื่อโปรดเหล่าเปรตและสัตว์ทั้งหลาย  อัคนีชวาลมุขเปรตตนนั้น  คือ  พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์(พระกวนอิม)  ผู้มีมหาปณิธานที่จะโปรดสัตว์ให้หลุดพ้นจากกองทุกข์  ได้นิรมิตกายมาเพื่อเป็นอุบายให้พระพุทธองค์ได้แสดงพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับ พิธีโยคเปรตพลีอุทิศแก่พระอานนท์  และเป็นการโปรดสัตว์ในไตรภูมิเป็นปฐมกุศล  และพิธีนี้ได้ปฏิบัติสืบเนื่องต่อมาจนถึงทุกวันนี้


รายละเอียดขั้นตอนการ ประกอบพิธีโยคกรรมเปรตพลี


พิธีโยคกรรมเปรตพลีนี้  จะเริ่มพิธีจากพระสงฆ์สวดอัญเชิญพระรัตนตรัยเป็นประธาน  พระภิกษุผู้เป็นประธานสงฆ์เป็นผู้ประกอบพิธี  เรียกว่า  พระวัชรธราจารย์(เสี่ยงซือ)  สวมเบญจพุทธโพธิชญานมงกุฎ  ประกอบด้วยพุทธบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์  เป็นตัวแทนของพระโพธิสัตว์ประกอบพิธีโปรดสรรพสัตว์ด้วยการเจริญพระพุทธมนต์  ชำระมณฑลพิธีให้บริสุทธิ์ด้วยพลังแห่งพระสัทธรรม  ระหว่างการประกอบพิธี พระวัชรธราจารย์(เสี่ยงซือ) จะใช้ วัชรมัณฎา(กระดิ่งวัชระ) , วัชราวุธ ,  และวัชรคฑา    รูปวัชระเป็นตัวแทนของธรรมซึ่งเปรียบประดุจอาวุธของพระโพธิสัตว์ที่ใช้ใน การปราบมาร คือ กิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้นไปจากเหล่าสัตว์โลก  จากนั้นจึงถวายรูปมณฑลบูชา  เพื่อเป็นตัวแทนโลกธาตุแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อทรงโปรดสรรพสัตว์    และประกอบพิธีถวายเครื่องพุทธบูชาทั้ง ๖  ได้แก่   ปุษปะ (ดอกไม้) , ธูปะ (เครื่องหอม) , อาโลกะ (ตะเกียง) , สุคนธะ (น้ำหอม) , ไนเวทยะ ( ผลไม้) , ศัพทะ (ดนตรี)  แด่พระรัตนตรัย  และอัญเชิญพระบารมีแห่งอดีตพระพุทธเจ้าทั้ง  ๗  พระองค์  คือ
๑. พระรัตนสัมภาวตถาคต
๒. พระอภยังกรตถาคต
๓. พระวิปุลกายตถาคต
๔. พระสุรูปกายตถาคต
๕. พระประภูตรัตนตถาคต
๖. พระอมิตาภตถาคต
๗. พระโลกวีสตีรนเตชอีศวรประภาตถาคต

เมื่อสวดสาธยายอัญเชิญพระบารมีพระพุทธเจ้า  ๗  พระองค์  แล้วประกอบมุทรา  คือ  การทำมือเป็นสัญลักษณ์ต่าง  ๆ  ของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์   การเพ่งจิตไปยังสัตว์ในไตรภูมิแห่งสัตว์โลกทั้งหลายที่ทนทุกข์ทรมาน    ให้ ยึดถือพระสัทธรรมเป็นดุจมหาธรรมนาวา  ช่วยขนสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกขเวทนา  สุดท้ายพระสงฆ์จะเจริญพระพุทธมนต์ส่งวิญญาณของเหล่าสรรพสัตว์ไปยังแดน สุขาวดี  และอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้บำเพ็ญทานและผู้เข้าร่วมในพิธีทุกท่าน ให้ได้รับอานิสงส์ผลบุญผลทานจากการประกอบพิธีโยคะกรรมเปรตพลีนี้โดยทั่วกัน

ข้อมูลจากวัดโพธิเย็น..http://www.watpoyen.com/pitee5.html