(1)ราศีดุเดือดและรุนแรง
ราศีเมษ และราศีพิจิก ทั้งสองราศีนี้เป็นราศีมีพลังที่รุนแรง บุคคลที่เกิดในราศีทั้งสองนี้จะไม่รู้จักคำว่ากลัว เจ้าชาตาจะมีแต่ความกล้าหาญและความมั่นใจและกระตือรือร้น พร้อมที่จะเสี่ยงในทุกๆสถานการณ์ ความแตกต่างคือ ราศีเมษจะแสดงออกถึงความรุนแรงในระดับกายภาพส่วนราศีพิจิกนั้นจะแสดงความรุนแรงอยู่ในระดับอารมณ์
(2)ราศีสัตว์ 4 เท้า
ราศีเมษ (แพะ), ราศีพฤษภ (วัว), ราศีสิงห์ (สิงห์โต), ราศีมังกร (แพะทะเล) และราศีธนูมีสัญญลักษ์เป็นรูปคนยิงธนู ช่วงบนเป็นมนุษย์แต่ช่วงล่างกลับเป็นม้าหรือสัตว์ 4 เท้า ดังนั้นครึ่งแรกของราศีธนูเป็นตัวแทนของมนุษย์ ส่วนช่วงครึ่งหลังของราศีธนูเป็นสัญลักษณ์ของสัตว์สี่เท้าเหมือนม้า ดังนั้นครึ่งหลังของราศีธนูจึงนับว่าเป็นราศีสัตว์ ซึ่งหมายถึงความดุร้าย
(3)ราศีมนุษย์
ราศีเมถุน (ฝาแฝด), ราศีกันย์ (สาวพรหมจารี), ราศีกุมภ์ (คนเทน้ำ) และครึ่งแรกของราศีธนู (คนยิงธนู) ทั้งหมดเป็นราศีมนุษย์ ซึ่งเป็นสัตว์สองเท้าที่มีกระดูกสันหลังเป็นแนวตั้ง เจ้าชาตาที่เกิดในราศีเหล่านี้จะมีพฤติกรรมที่แสดงออกโดยรูปแบบของมนุษย์ ซึ่งหมายถึงการยับยั้งชั่งใจ การมีศีลธรรม ความมีวัฒนธรรม และมีสัญชาตญาณที่ไม่เหมือนสัตว์ป่า ยกเว้นราศีตุลย์ซึ่งมีสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของสิ่งไม่มีชีวิต ซึ่งก็คือ"ตราชั่ง"
(4)ราศีทวิกายหรือราศีคู่
ราศีที่มีสองร่างที่เรียกว่าราศีทวิกายหรือราศีคู่ คือราศีเมถุน ราศีธนู และราศีมีน เพราะสัญลักษณ์ของราศีเหล่านี้ แสดงถึงรูปกายที่มีอยู่ 2 กายซึ่งราศีเหล่านี้ มีลักษณะพิเศษดังนี้
(1) ราศีเมถุน มีสัญลักษณ์เป็นรูปฝาแฝด หรือคนคู่
(2) ราศีธนู มีสัญลักษณ์เป็นรูปมนุษย์ครึ่งหนึ่ง และเป็นม้าอีกครึ่งหนึ่ง
(3) ราศีมีน มีสัญลักษณ์เป็นรูปปลาสองตัว
ในสมัยโบราณราศีกันย์ก็ถูกรวมอยู่ในหมวดราศีแฝดนี้ แต่ในยุคปัจจุบันนี้ถูกยกเลิกไป ดังนั้นราศีทั้งสามนี้จึงเป็นราศีที่แสดงถึงความผันแปร การเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน หากราศีเหล่านี้เป็นเรือนที่ 7 (ปัตนิ)ของชาตาใดใด จะแสดงว่าเจ้าชาตาจะมีการแต่งงานสองครั้ง และหากเป็นเรือนที่ 5 (ปุตตะ) ก็จะบ่งบอกถึงการถือกำเนิดของฝาแฝด
(5)ราศีสั้นหรือราศียาว
ปรากฏการณ์ของการราศีสั้นและราศียาวสามารถแสดงให้เห็นได้ด้วยตัวอย่างง่ายๆ ลองนึกภาพว่ายืนอยู่หน้าอาคารซึ่งมีความกว้าง 7 เมตร หากคุณเดินไป 10 เมตรทางด้านซ้ายและหันไปมองอาคารเดียวกันจากมุมมองที่ต่างออกไป จะเห็นได้ว่าอาคารหลังนั้นจะแลแคบกว่าเดิม
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับราศีจักร ด้วยมุมมองของเราเมื่อสังเกตจากโลกออกไป ระนาบของเส้นสุริยะวิถีทำมุมกับเส้นศูนย์สูตรโลก ทำให้แกนโลกมีมุมเอียงที่ 23.5 ° อันเป็นผลทำให้เราเห็นราศีต่างๆไม่เท่ากันจากมุมมองตามความลาดเอียงของแกนโลก
ปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนเกี่ยวกับระยะเวลาสั้น-ยาวของราศีต่างๆที่โผล่ขึ้นเหนือขอบฟ้า(the horizon)โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ middle latitudes หรือละติจูดกลาง (เส้นรุ้งที่ 30º - 60º จากเส้นศูนย์สูตรสู่ขั้วโลกเหนือหรือใต้) จึงมีราศีที่ต้องใช้เวลามากขึ้นในการขึ้นสู่เหนือเส้นขอบฟ้า(the horizon) ซึ่งเราเรียกว่า"ราศียาว"มีดังนี้
(1)ราศีกรกฏ, (2)ราศีสิงห์, (3*)ราศีกันย์, (4*)ราศีตุลย์, (5)ราศีพิจิกและ(6)ราศีธนู ราศีที่ยาวมากที่สุด คือ ราศีกันย์และราศีตุลย์
ในทางกลับกันราศีที่ต้องใช้เวลาน้อยลงในการขึ้นสู่เหนือเส้นขอบฟ้า(the horizon) เราเรียกว่า"ราศีสั้น"ราศีเหล่านี้มีดังนี้คือ
(1)ราศีมังกร, (2)ราศีกุมภ์, (3*)ราศีมีน, (4*)ราศีเมษ, (5)ราศีพฤษภและ(6)ราศีเมถุน ราศีที่สั้นมากที่สุดคือราศีมีนและราศีเมษ
ในทางโหราศาสตร์เมื่อเรานำหลักการนี้มาใช้ สำหรับเจ้าชาตาที่มีลัคนาสถิตย์ใน"ราศียาว" หมายถึงจุดของลัคนาก็จะสถิตย์ในราศียาวนั้นนานขึ้น หากเจ้าชาตาได้มีตำแหน่งสูงในการงานหรืออาชีพ ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเวลาหลายปี ส่วนเจ้าชาตาที่มีลัคนาสถิตย์ใน"ราศีสั้น"หน้าที่การงานอาจจะประสบกับการเปลี่ยนแปลงได้มากถึงสี่หรือห้าครั้ง
เรื่องราศีสั้น-ราศียาว นี้สามารถนำมาทำนายเรื่องสิ่งของว่ามีลักษณะสั้นหรือยาว โชคเคราะห์ต่างๆมีระยะเวลานานหรือสั้น การเดินทางใกล้หรือไกล เหล่านี้เป็นต้น