หมวด: ดาวให้คุณ-ให้โทษ เฉพาะผู้ที่เกิดลัคนาราศีต่างๆ
จำนวนผู้อ่าน: 7492

Taurus

 

สำหรับผู้ที่มีลัคนาราศีพฤษภนี้ เป็นราศีที่สองของจักรวาล นับเป็นสถิรราศี ธาตุดินกลางธาตุ สัญลักษณ์ของราศีเป็นวัวตัวผู้ มีดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือนลัคน์ ทางโหราศาสตร์ภารตะหรือโหราศาสตร์พระเวท ท่านได้จัดดาวเคราะห์ที่ผลดีผลร้ายต่อบุคคลที่เกิดลัคนาราศีพฤษภไว้ดังต่อไปนี้

หมายเหตุ***กรุณาศึกษาบทนำหรือทฤษฎีเพื่อทำความเข้าใจก่อน ทฤษฎีดาวให้คุณ-ดาวให้โทษ เฉพาะคนเกิดลัคนาราศีต่างๆ

การจำแนกผลของดาวเคราะห์แต่ละดวงสำหรับลัคนาราศีพฤษภ

1.ดาวอาทิตย์ เป็นเจ้าเรือนที่ 4 ของลัคน์พฤษภ ถือว่าดาวอาทิตย์เป็นดาวให้คุณ จากกฎเกณฑ์ของโหรภารตะที่ว่า--ดาวบาปเคราะห์ธรรมชาติหากเป็นเจ้าเรือนเกณฑ์(วิษณุสถาน) ถือว่าเป็นดาวให้คุณ


2.ดาวจันทร์ เป็นเจ้าเรือนที่ 3 เป็นเรือนตรีษัฑทายะ จากฎของโหรภารตะว่าด้วยเรือนทุสภานะภพ (ภารตะเรียกว่า-เรือนตรีกะสถาน) คือนอกจากจะมีเรือนที่ 6 ที่ 8และที่ 12 แล้ว ยังมีเรือนตรีษัฑทายะ คือเรือนที่ 3 ที่ 6 และที่ 11 ถือเป็นเรือนให้โทษเช่นกัน แต่โทษอาจจะเบาบางกว่า (กรุณาอ่าน เรือนตรีษัฑทายะ (เรือนที่ 3,6,11) เรือนที่ให้โทษแก่ดวงชาตา ... (เรือนที่ 3,6,11) เรือนที่ให้โทษแก่ดวงชาตา ...)
3.ดาวอังคาร เนื่องจากเป็นดาวร้ายหรือดาวบาปเคราะห์ธรรมชาติ อีกทั้งเป็นเจ้าเรือทุสถานะภพ(เรือนที่ ๑๒) และเป็นเจ้าเรือนที่ 7 (ปัตนิ) เรือนนี้โหรภารตะถือว่า เป็น เรือนมาระการกะ ซึ่งเป็นเรือนแห่งความตายของเจ้าชาตา (เรือน มารกรก มี 2 เรือนคือเรือนที่ 2และเรือนที่ 7) ดูเผินๆไปแล้วดาวอังคารน่าจะให้โทษร้ายรุนแรง เหตุเพราะ(1.)เป็นเจ้าเรือนวินาศ-ซึ่งเป็นเรือนที่ 12 เป็นทุสถานะภพ และ (2.) เป็นเจ้าเรือนที่ 7 (มารกะสถาน) (3.)เป็นดาวบาปเคราะห์ธรรมชาติ แต่สำหรับลัคน์พฤษภแล้วดาวอังคารกลับกลายเป็นให้ศุภผล(ผลดี) มาก ซึ่งจากกฎเกณฑ์ของโหรภารตะที่ว่า--ดาวบาปเคราะห์ธรรมชาติหากเป็นเจ้าเรือนเกณฑ์(วิษณุสถาน) ถือว่าเป็นดาวให้คุณ โดยกฎนี้ถือเป็นกฎเกณฑ์ชั้นที่ 1 ซึ่งมีกำลังเหนือกฎอื่นๆ และสามารถล้างโทษของดาวอังคารได้เกือบทั้งหมด

4.ส่วนดาวพุธ (๔) เป็นเจ้าเรือนที่ 2 และที่ 5 ตามกฎทั่วไปแล้ว บางทีดาวพุธก็ค่อนข้างจะให้บาปผล มากกว่าศุภผล สำหรับบุคคลบางคนที่เกิดในลัคนาราศีพฤษภ แต่หากร่วมดาวศุกร์ลัคนาธิปติ(เจ้าเรือนลัคน์) หรือ ร่วมกับดาวอาทิตย์(เจ้าเรือนที่ 4) หรือดาวเสาร์ (ดาวโยคการก) พุธก็จะให้ศุภผล ให้ทรัพย์สิน ความรู้และความเจริญรุ่งเรืองแก่เจ้าชาตาเป็นอย่างสูง


5.ดาวพฤหัส (๕) เป็นดาวประธานแห่งศุภเคราะห์ แต่สำหรับลัคนาพฤษภนี้ ดาวพฤหัส เป็นเจ้าเรือนที่ 8 (ภพมรณะ) และเรือนที่ 11 (ภพลาภะ) วินิจฉัยตามกฎทั่วไป--ภพที่ 11 นี้ทฤษฎีภารตะเป็น เรือนตรีษัฑทายะ (คือเรือนที่ 3 ที่ 6 และที่ 11) ถือเป็นเรือนให้โทษรองลงมาจากทุสถานะภพ (เรือนที่ 6,8,12) แต่สำหรับดาวพฤหัสในลัคนานี้กลับให้โทษ 2 ชั้น คือ เป็นทั้งเจ้าเรือนทุสถานะ(เรือนที่6-อริ)และเจ้าเรือนตรีษัฑายะ(เรือนที่ 11 ลาภะ)ดังนั้นการพิจารณาดวงชาตา พึงระวังดาวพฤหัสเอาไว้เป็นพิเศษ


6.ดาวศุกร์(๖) เป็นดาวศุภเคราะห์ธรรมชาติ เป็นเจ้าเรือนลัคนา และก็เป็นเจ้าเรือนทุสถานะภพด้วย คือเป็นเจ้าเรือนที่ 6 (อริ) ไปพร้อมกันด้วย วินิจฉัยตามกฎทั่วไป-- ปกติแล้วหากดาวดวงใดเป็นทั้งเจ้าเรือนลัคน์และเป็นเจ้าเรือนทุสถานะภพไปพร้อมๆกัน ผลและความหมายของดาวเคราะห์จะแสดงผลจากราศีลัคน์มากกว่าความหมายของราศี/เจ้าเรือนทุสถานะภพ สรุปว่าภพที่ 6 จะให้โทษน้อยที่สุด เพราะเป็นดาวเจ้าเรือนลัคน์ ,แต่มีกฎพิเศษอื่นคือเรื่อง เกณฑราธิปติโทษ ดาวศุภเคราะห์ให้โทษในดวงชาตา .. ซึ่งเกือบทุกลัคนาจะต้องมีดาวศุภเคราะห์ให้โทษจากเกณฑ์นี้ แต่โชคดีที่ลัคนาราศีพฤษภกับลัคนากุมภ์ สองราศีนี้เท่านั้นที่ปลอดภัยจาก “เกณฑราธิปติโทษ”


7.ดาวเสาร์ (๗) เป็นดาวประธานแห่งบาปเคราะห์แต่กลับให้วิเศษศุภผล(ผลดีมากพิเศษ) สำหรับบุคคลที่เกิดในลัคนาราศีพฤษภ ซึ่งทำให้ดาวเสาร์ให้คุณพิเศษสำหรับลัคน์พฤษภถึง 3ชั้นด้วยกันคือ

(1)ราชาโยค –กฎราชาโยค-ดาวเคราะห์เจ้าเรือนเกณฑ์ กับเจ้าเรือนตรีโกณสัมพันธ์กันในทางใดทางหนึ่ง และดาวเสาร์ดวงนี้เป็นทั้งเจ้าดาวเรือนทั้งเรือนตรีโกณที่ 9(ราศีมังกร)และเรือนเกณฑ์ที่ 10 (ราศีกุมภ์) ซึ่งแม้จะมีดาวเสาร์เพียงดวงเดียวก็ย่อมก่อให้เกิดรูป”ราชาโยค”ให้เกิดขึ้นในดวงชาตาได้ และจะส่งผลให้เจ้าชาตามีความสุข มีทรัพย์ มีชื่อเสียง อำนาจ และบริวาร เสมอด้วยราชา และหากดาวเสาร์ที่เป็นราชาโยคนี้ สัมพันธ์กับเจ้าเรือนเกณฑ์(เรือนที่ 4)เพิ่มอีกตำแหน่งหนึ่ง คือดาวอาทิตย์ ก็ย่อมจะทำให้ราชาโยคในดวงชาตานี้เข้มแข็งมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว (ซึ่งขึ้นอยู่กับคุณภาพของดาวที่ประกอบเป็นรูปโยคด้วย)

(2)ดาวคู่มิตร –เหตุดาวเสาร์เป็นดาวคู่มิตรกับดาวศุกร์เจ้าเรือนลัคน์ ดาวคู่มิตรศัตรูในทฤษฎีโหรภารตะนั้น ศุกร์กับเสาร์เป็นมิตรต่อกัน ซึ่งต่างจากของไทยที่ถือว่าเป็นศัตรูต่อกัน เมื่อดาวเสาร์และศุกร์เป็นคู่มิตรธรรมชาติต่อกัน เมื่ออยู่ในพื้นดวงเดิมหรือในทางดวงจร ก็ย่อมให้คุณแก่เจ้าชาตา ดาวเสาร์จึงไม่ให้โทษเหมือนลัคนาอื่นๆ

(3)ดาวโยคการกะ (ดาวให้คุณสูงสุดในดวงชาตา) คือดาวที่เป็นเจ้าเรือนเกณฑ์และเจ้าเรือนเรือนตรีโกณ ดาวทั้งสองตำแหน่งนี้จะเรียกว่า “โยคการกะ” คือดาวที่ให้คุณสูงสุดในดวงชาตา ซึ่งทั้งสองเรือนนี้จะต้องเป็นดาวดวงเดียวกัน ณ ในที่นี้คือดาวเสาร์  ลัคนาราศีพฤษภ ดาวเสาร์เป็นดาวโยคการกะของลัคนานี้ เพราะเจ้าดาวเรือนทั้งเรือนตรีโกณที่ 9(ราศีมังกร)และเรือนเกณฑ์ที่ 10 (ราศีกุมภ์) ของลัคนาราศีพฤษภ ดังนั้นดาวเสาร์ดาวแห่งโทษทุกข์(บาปเคราะห์) จะกลายเป็นให้ศุภผล(ให้คุณ)สำหรับลัคนาพฤษภนี้เป็นพิเศษ

กฎและข้อยกเว้น ของลัคนาราศีพฤษภ จากคัมภีร์ ภาวารถะ รัตนากร

1.ดาวเสาร์ จะไม่เป็นโยคการกะ ถ้าหากดาวอาทิตย์และดาวพุธสถิตร่วมกันในลัคนา(ราศีพฤษภ) และจะไม่ให้โชดดีแก่เจ้าชาตาได้เลย (ในฐานะโยคการกะ)


2.หากดาวอังคาร และดาวพฤหัสบดีสถิตร่วมในราศีมังกร หรือ ราหู สถิตย์อยู่ใน ราศีกุมภ์ เจ้าชาตาจะเพลิดเพลินไปกับการอาบน้ำในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เช่น แม่น้ำคงคา (ในที่นี้หมายถึงเจ้าชาตาจะเป็นคนใจบุญ มั่งคงในศาสนา และจะหมดเคราะห์หมดโศก)


3.ดาวจันทร์หากสถิตย์ในราศีสิงห์ และได้รับโยคเกณฑ์ จากดาวพฤหัส หรือ ดาวพุธ ก็จะสามารถเกิดโยคที่ให้ผลดีแก่ดวงชาตาได้


4.ดาวอังคารเมื่อสถิตย์ในเรือนที่ 7 จะเป็นผลดี หากดวงอาทิตย์และดาวพฤหัสบดีร่วมกันในราศีมีน จะแสดงว่าเจ้าชาตาจะมีอายุยืนยาว


5.การร่วมกันของดาวพฤหัส – ดาวพุธ (ไม่ว่าราศีใดก็ตาม) จะก่อเกิดเป็นรูปโยคที่เรียกว่า" ธนโยค "ในดวงชาตา ซึ่งโยคนี้จะให้ ทรัพย์สิน ความร่ำรวย มั่งคั่งเป็นอย่างสูง


6.แต่หากข้อที่ 5 ได้โยคเกณฑ์ร่วมจากดาวอังคาร ก็จะทำให้ “ธนโยค”ถูกทำลาย


7.เจ้าชาตาจะมีหนี้สินระหว่างมหาทศา ของ ดาวพุธ หากดาวพุธได้รับโยคเกณฑ์จากดาวอังคาร หรือดาวพฤหัส


8.ในมหาทศาของดาวพฤหัสบดีจะให้ผลดีร้ายปนเปกันไป แต่ในมหาทศาของอังคาร จะให้ความมั่งคั่ง ร่ำรวย ถ้าพื้นดวงมีดาวพุธอยู่ในเรือนเกณฑ์ เจ้าชาตาจะได้รับพร และมีความสุข ความเจริญ ตลอดทศาของอังคาร


9.ถ้าดาวพุธและดาวศุกร์อยู่ในลัคนา และดาวพฤหัสบดีอยู่ในราศีพิจิก ในมหาทศาของดาวพุธ เจ้าชาตาจะมีโชคดี


10.หากดาวอังคารและดาวศุกร์อยู่ในลัคนาและดาวพฤหัสบดีอยู่ในราศีมังกร ทั้งทศาของดาวพุธและดาวพฤหัสบดี เจ้าชาตาจะมีโชคดีตลอดทศา


11.ถ้าดาวเสาร์ดาวพุธและดาวอังคารอยู่ในราศีมังกรและราหูในราศีมีน เจ้าชาตาจะเพลิดเพลินไปกับการอาบน้ำในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เช่น คงคง ในช่วงมหาทศา ของดาวอังคารและราหู


12.หากจันทร์และศุกร์ อยู่ในราศีตุลย์ พร้อมกับดาวพฤหัสบดีและดาวพุธ อยู่ในราศีมีน จะก่อให้เกิด "ธนโยค"ในมหาทศาของพฤหัสบดี


13.ความมั่งคั่ง ร่ำรวยด้วยทรัพย์สิน จะเกิดขึ้นใน มหาทศาของดาวศุกร์


14.จันทร์สถิตย์ในลัคนา(พฤษภ) ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีนัก แต่จะทำให้ทุกข์ทรมานจากโยคร้ายต่างๆที่มีอยู่ในพื้นดวงชาตา


15.โดยทั่วไปเจ้าชาตาจะโชคดีมากถ้าดาวจันทร์สถิตย์อยู่ในลัคนาในราศีอื่น ที่ไม่ใช่ราศีพฤษภ

หมายเหตุ***กรุณาศึกษาบทนำหรือทฤษฎีเพื่อทำความเข้าใจก่อน ทฤษฎีดาวให้คุณ-ดาวให้โทษ เฉพาะคนเกิดลัคนาราศีต่างๆ http://bit.ly/2Zj5gBI

 

หมายเหตุ - คำว่าลัคนากับราศีเกิด ไม่เหมือนกัน ส่วนมากคนมักเข้าใขผิดว่า เกิดระหว่างวันที่ 13 เม.ย.- 13 พ.ค เป็น ลัคนาราศีเมษ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด ซึ่งการดูจากวันที่และเดือนเกิดอย่างนี้เราเรียกว่า "ราศีเกิด" หรือ Sunsign ซึ่งปีหนึ่งจะมีแค่ 12 ราศี ส่วนลัคนา(Ascendant)นั้นได้รวมเอาเวลาเกิด(เวลาตกฟาก)และสถานที่เกิดเข้าไปด้วย  ซึ่งละเอียดลงไปมากกว่าดูแบบ"ราศีเกิด"  ส่วนลัคนากำเนิดนั้นเท่ากับว่า 1 วันมีครบ 12 ลัคนาหรือ 12 ราศี กรุณาอ่านบทความคำว่า"ลัคนา"กับ"ราศีเกิด" มันคนละเรื่องกัน  ส่วนวิธีคำนวณหาลัคนาแบบโหราศาสตร์ที่ใช้ประกอบกับบทความนี้ ให้ใช้การคำนวณโดยปฏิทินดาราศาสตร์ ตัดอายนางศะลาหิรี โดยเข้าไปเช็คได้ที่เว็บ พยากรณ์.คอม หรือลิงค์นี้ วิธีหาลัคนาแบบดาราศาสตร์ (ลาหิรี-อินเดีย) http://www.payakorn.com/luk_lahiri.php