ติดต่อสอบถาม กรุณาแอด Line @astroneemo

  • Slider 1
  • Slider 2
  • Slider 3
  • Slider 4
  • Slider 5
  • Slider 6
  • Slider 7
  • Slider 8

Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

บทที่ 6

เจษฎาพละ

˜

79.  เจษฎาพละ เจษฎาพละในที่หมายความว่าการกระทำจากการถอยหลังดาวเคราะห์หนึ่ง ๆ (เว้นอาทิตย์,  จันทร์และดาวเคราะห์ฉายา)  จะพักร์หรือถอยหลังเมือดาวเคราะห์นั้นอยู่ห่างจากอาทิตย์ ณ จุดหนึ่ง  กำลังหรืออำนาจที่ดาวเคราะห์ได้เมื่อพักร์นี้เรียกว่า เจษฎาพละ

80.  ข้อสังเกตทั่วไป ความจริงที่เกี่ยวกับปรากกการณ์ของอาการถอยหลังหรือพักร์มีอธิบายในคัมภีร์โหราศาสตร์ภารตะ  เป็นคำอธิบายที่สับสนพัวพ้นกันอยู่มาก  เพราะเป็นธรรมดาที่จะต้องอ้างอิงและกล่าวถึงเหตุผลต่าง ๆ ในหลักของปรากฏการณ์เช่นนี้  เพื่อให้ผู้ที่สนใจศึกษาเข้าใจได้แจ่มแจ้งและสามารถปฏิบัติได้ถูกต้อง  บทความในเรื่องพักร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์และมีคำอธิบายยืดยาวอยู่มาก  จึงไม่อาจนำมาไว้ในหนังสือเล่มเล็กนี้ได้  และจุดหมายในตำราเล่มนี้ก็มีความประสงค์เพียงในเรื่องหาเจษฎาพละเท่านั้น  แต่อย่างไรก็ดีจะได้พยายามอธิบายบางเรื่องบางอย่างที่เกี่ยวกับการหาเจษฎาพละให้นักศึกษาเข้าใจพอเป็นสังเขปเท่าที่จะสามารถอธิบายได้ในหนังสือเล่มเล็กนี้.

การปฏิบัติการคำนวรในโหราศาสตร์  จำเป็นจะต้องให้ถูกต้องและถี่ถ้วน  ต้องพยายามที่จะไม่ให้มีการผ่านและละทิ้งแม้แต่เศษ 2-3 พิลิปดา  เพื่อหวังผลที่ถูกต้องของดารา – โหราศาสตร์  ถึงกระนั้นก็ดีนักศึกษาจะต้องไม่ถือเอาแต่เพียงว่าเมื่อได้ปฏิบัติทางคำนวณอย่างถูกต้องแล้ว  จะช่วยให้สามารถพยากรณ์ได้ตรงต่อความเป็นจริง  เพราะผลจากการคำนวณนั้นเป็นแต่เพียงอุปกรณ์อย่างหนึ่งในการพยากรณ์เท่านั้น  การพยากรณ์ที่ถูกต้องนั้นจะต้องอาศัยจากสิ่งอื่น ๆ อีก  เช่นความรอบคอบในการวินิจฉัยเหตุและผล,  ความรอบรู้หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของความสัมพันธ์ ฯลฯ  และที่สำคัญที่สุดคือปฏิภาณในการพยากรณ์.

ในทัศนจากข้อสังเกตข้างบนนั้น  ณ  ที่นี้จะอธิบายถึงวิธีธรรมดาสำหรับหาเจษฎาเกณฑ์ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคำนวณหาเจษฎาพละ.

81.  ดาวเคราะห์ใหญ่ ดาวเคราะห์ใหญ่ได้แก่อังคาร,  พฤหัสบดี,  และเสาร์  ดาวเคราะห์ใหญ่มีวิถีโคจรรอบพื้นพิภพและขยายเขตออกโดยไม่จำกัด  บางทีจะเห็นได้ในทางตรงข้ามหรือในที่เล็งกันเมื่อโลกอยู่ระหว่างดาวเคราะห์ใหญ่กับอาทิตย์.

82.  ดาวเคราะห์น้อย พุธ,  ศุกร์เป็นดาวเคราะห์น้อย  ดาวเคราะห์น้อยเป็นบริวารของอาทิตย์  มีวิถีวงจรรอบเวหาเหมือนกับอาทิตย์  วิถีโคจรมีขอบเขตจำกัดอยู่ภายในรัศมีความดึงดูดของอาทิตย์  บางทีก็จะเห็นดาวเคราะห์น้อยได้ทางทิศตะวันออกของอาทิตย์บางทีก็จะเห็นได้ทางทิศตะวันตกของอาทิตย์  ในประการแรกภายหลังเมื่ออาทิตย์ตกแล้วจะปรากฏให้เห็นได้ชัดเหนือขอบฟ้าตะวันตกที่เรียกว่าดาวเวลาพลบหรือดาวเวลาเย็น  โดยเฉพาะดาวศุกร์จะปรากฏเป็นครั้งคราวด้วยมีแสงเป็นประกายระยิบระยับ  และถ้าอยู่ทางตะวันตกของอาทิตย์จะเห็นปรากฏได้ที่ขอบฟ้าตะวันออกก่อนอาทิตย์ขึ้นที่เรียกว่าดาวรุ่ง  พุธไม่เคยได้ออกห่างจากอาทิตย์มากกว่าประมาณ 29 องศา  แต่ศุกร์อาจขยายออกห่างไปได้ถึงประมาณ 47 องศา  วิถีโคจรของดาวเคราะห์น้อยทั้ง 2 นี้เป็นวงจรที่ย่อมกว่าขนาดของโลก  ดังนั้นวิถีโคจรจึงอยู่ในเขตจำกัด.

83.  การร่วมใหญ่และการร่วมน้อย จุดในวิถีโคจรของดาวเคราะห์  พุธและศุกร์ที่ใกล้ที่สุดแก่อาทิตย์เป็นทางร่วมของการร่วมน้อยและการร่วมใหญ่  การร่วมน้อยจะเกิดขึ้นเมื่อดาวเคราะห์ผ่านระหว่างพิภพและอาทิตย์  และการร่วมใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อดาวเคราะห์อยู่ในทีฆันดรเดียวกันจะเป็นการร่วมใหญ่  แล้วต่อไปดาวเคราะห์จะโคจรรุดหน้าไปทางตะวันออกของอาทิตย์  จนกว่าจะได้ร่วมกับอาทิตย์อีกที่การร่วมน้อย  ภายหลังต่อจากนี้ดาวเคราะห์จะพักร์หรือถอยหลังอยู่ทางตะวันตกของอาทิตย์จนอยู่ในทีฆันตดรเดียวกันกับอาทิตย์  แล้วพฤติการณ์อย่างที่แล้วมา  ก็จะเกิดขึ้นอีกที่การร่วมใหญ่.

84.  การร่วมและเล็ง ดาวเคราะห์ใหญ่เมื่ออยู่ทีฆันดรเดียวกับอาทิตย์กล่าวว่าร่วมกับอาทิตย์  ถ้าอยู่ห่างจากอาทิตย์ 180 องศาก็ว่าอยู่ในทางตรงข้ามหรือเล็ง  เมื่อได้ร่วมกันแล้วดาวเคราะห์ใหญ่ก็พักร์หรือถอยหลัง  (ทางตะวันตกของอาทิตย์)  จนอยู่ตรงข้ามหรือ

เล็งกัน  แล้วดาวเคราะห์ใหญ่จะเดินหน้า  (ทางตะวันออกของอาทิตย์)  จนได้ร่วมกันการร่วมแลการเล็งของดาวเคราะห์ใหญ่ตรงกับการร่วมใหญ่และการร่วมน้อยตามลำดับของดาวเคราะห์น้อย.

85.  พักร์หรือถอยหลัง ดาวเคราะห์น้อยเมื่อภายหลังการร่วมใหญ่แล้ว  จะถอยห่างจากอาทิตย์ทางทิศตะวันออกไปตามระยะเป็นลำดับของตัวเอง  แล้วคงหยุด (มนท์) อยู่ชั่วคราว  อาทิตย์ขึ้นหน้าไป  ภายหลังหายไปพักหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ณ อีกข้างหนึ่งของอาทิตย์ และในระยะนี้การโคจรเป็นพักร์  ภายหลังเมื่อพักร์ชั่วคราวแล้วก็กลับมนท์อีก  อาทิตย์กลับขึ้นหน้า  และดาวเคราะห์นั้นก็เริ่มเดินหน้าและพยายาให้ทันอาทิตย์  ดังนั้นในเรื่องพักร์ของดาวเคราะห์น้อยจึงตั้งต้นเมื่อภายหลังการร่วมน้อยแล้ว.

ดาวเคราะห์ใหญ่พักร์ในวิธีโคจรที่ปรากฏชัดเมื่ออยู่ตรงข้ามหรือเล็ง  แลบางทีก็มีการพักร์ก่อนหรือหลังพฤติการณ์นี้.

86.  เจษฎาเกณฑ์ เจษฎาเกณฑ์คือเรขาของพักร์.

87.  มัธยเคราะห์ มัธยของดาวเคราะห์ได้แก่มัธยทีฆันดรในวิถีโคจรรอบอาทิตย์มัธยสผุดของดาวเคราะห์เป็นที่สถิตซึ่งดาวเคราะห์จะได้ที่อัตราเดียวกันของการโคจร  และการชำระด้วยการเพิ่มขึ้นหรือตัดทอนเพื่อให้ถูกต้องแก่ความวิปริตของวิถีโคจร  มัธยทีฆันดรถือเอาการสันนิษฐานวิถีโคจรของดาวเคราะห์ว่าเป็นวงกลมที่มีจุดศูนย์กลางร่วมกัน  เพราะว่าทางโคจรเป็นวงรีไม่ใช่วงกลมทีเดียว  ภายหลังจึงต้องใช้สมการแก่มัธยสผุดเพื่อให้ได้ทีฆันดรที่เป็นจริง.

การคำนวณมัธยสผุดของดาวเคราะห์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการหาเจษฎาเกณฑ์.

88.  ยุค คำนวณกาลกฤตระหว่างสมมุติยุคจากยุคหนึ่งยุดใดถึงวันเกิด  แล้วเอาจำนวนโคจรประจำวันของดาวเคราะห์คูณ  ผลที่ได้เป็นกาลกฤตแปลง  เอากาลกฤตแปลงนี้บวกเข้ากับหรือลบจากมัธยสผุดของสมมุติยุค  สุดแท้แต่ว่าวันประสงค์นั้นเป็นวันหลังหรือวันหน้าของสมมุติยุค  วันเริ่มต้นของสมมุติยุคถือเอาเมื่อ  วันจันทร์ที่ 1 เดือนมกราคม  พ.ศ. 2443 เวลาเที่ยงคืน  ที่ทีฆันดร 76 องศาตะวันออก  (มัธยของภารตะประเทศที่นักโหราศาสตร์ภารตะใช้อยู่)

89.  กาลกฤต กาลกฤตคือระยะเวลาที่กำหนดไว้ระหว่างจุดสมมุติ  พิจารณาหากาลกฤตระหว่างวันเกิดกับวันของสมมุติยุคดังนี้เอา 2443 ลบจาก พ.ศ. ผลการแตกต่างภายหลังปี พ.ศ. 2443 เป็นเกณฑ์บวก  ผลแตกต่างก่อนปี พ.ศ. 2443  เป็นเกณฑ์ลบ  เอา 365 คูณผลนั้นแล้วเอาอธิกสุรทินบวกเพื่อได้เศษวันที่เกินในปีอธิกสุรทิน  เอาจำนวนวันจากวันที่ 1 มกราคม (หาได้จากสูตร 2)  บวกหรือลบสุดแท้แต่เกณฑ์  ผลที่ได้จะเป็นกาลกฤตจากสมมุติยุคถึงวันเกิด.



90.  อุชเชนมัธยมเที่ยงคืน มัธยสผุดของดาวเคราะห์คำนวณสำหรับทีฆันดร 76 องศาตะวันออก  (ทีฆันดรของอุชเชนเที่ยงคืน)

91.  สิ่งจำเป็นต้องแก้ไข ต้องแปลงเวลาท้องถิ่นเมื่อเกิดให้ตรงกับเวลาอุชเชน  โดยเอา 4 นาทีลบจากหรือบวกเข้ากับเวลาอุชเชนทุก ๆ 1 องศาทีฆันดร  (1 องศาทีฆ. ต่อ4 นาที)  สุดแท้แต่ที่เกิดอยู่ทางทิศตะวันออกหรือตะวันตกของอุชเชน.

(สำหรับกรุงเทพฯ ฯ  ให้เอา 18 นาที 2 วินาทีลบเวลาอัตราผลลัพธ์เป็นเวลามัธยมท้องถิ่นสำหรับกรุงเทพ ฯ  แล้วเอา 1 ชั่วโมง  37 นาที 56 วินาทีลบเวลามัธยมท้องถิ่นกรุงเทพ ฯ ได้เป็นเวลามัธยมอุชเชน  ถ้าต้องการรู้สำหรับจังหวัดอื่น ๆ ก็ให้เอาอัตราเวลาบวกหรือลบตามวิธีโหราวิทยาเล่ม 1 หรือเล่ม 3)

ตัวอย่าง 38 : จะได้เวลาอุชเชนเท่าไรที่ตรงกับ 2 ล.ท.  (เวลามัธยมท้องถิ่น)  ในชะตาตัวอย่าง ทีฆ. ท้องถิ่น 77 องศา 35 ลิปดา.

ทีฆ.  ท้องถิ่น  77°  35'

อุชเชน                   76    00

1    35   เราขา  เกือบ 6 นาทีของเวลาดังนั้นอุชเชนมัธยมเท่ากับ 2.0 ล.ท. – 0.6  1.66  ล.ท.

(ลบเพราะว่าท้องถิ่นเป็นตะวันออกของอุชเชน)

9.2  ผลรวมกาลกฤต บวกกาลกฤตที่ได้ไว้แล้วเข้ากับกาลกฤตระหว่างอุชเชนมัธยมเที่ยงคืนกับเวลาเกิด  ผลบวกได้เป็นผลรวมกาลกฤต.

ตัวอย่าง 39 : หาผลรวมกาลกฤตในชะตาตัวอย่าง.

กาลกฤต  (จากข้อ 89)                                        6,826    วัน.

หรือจากเที่ยงคืนถึงเวลาอุชเชนเมื่อเกิด

ได้ 13 ชั่วโมง 45 นาที                          หรือ     .578 +    วัน

ผลรวมการกฤต                           6,862.578       วัน.

93.  ตรวจสอบกาลกฤต เอา 7 หารกาลกฤต  เศษเท่าไรจะได้เป็นวันสัปดาห์จากสูตร 3

ตัวอย่าง 40 : สอบกาลกฤตในชะตาตัวอย่าง.

7) 6862

980   เศษ 2 หรือ + 2

จากสูตร 3 จะเห็นว่าเศษ 2 หรือ + 2 ตรงกับวันพุธ  วันพุธนี้ตรงกับวันเกิด.


94.  มัธยระวิ มัธยระวิเมื่อวันวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2443  (สมมุติยุค)  เวลา 0 ก.ท. มัธยสผุดของอาทิตย์ได้ 257.4568 องศาเป็นเกณฑ์มัธยสผุด  (ที่ทีฆ. 76 องศาตะวันออก) จะคำนวณหามัธยโคจรสำหรับกาลกฤตได้ง่ายจากสูตร 4 มัธยอาทิตย์โคจรรายวันให้ไว้เป็นหลักหน่วย,  ร้อย,  พัน และหมื่น  สำหรับเศษของวันหาได้โดยเลือนจุดทศนิยมในจำนวนที่ให้ไว้ไปทางซ้าย.

หามัธยทีฆันดรของอาทิตย์สำหรับผลรวมกาลกฤต  จากสูตร 4 แล้วเอาเกณฑ์มัธยสผุดบวก  ผลบวกจะได้เป็นมัธยระเมื่อเกิด (ถ้าผลบวกกว่า 360 เอา 390 ลบทวีคูณ)

สมมุติว่าต้องการมัธยทีฆ.  สำหรับ 6,000 วัน  6,000 วัน เลข 6 ขึ้นหน้าให้ดูที่บรรทัดเลข 6 ในแถวหน้าของสูตร 4 แล้วไล่ไปทางขวามือจนถึงหลักพันจะได้ 153.659 เอาจำนวนนี้บวกเข้ากับ 257.4568  (เกณฑ์มัธยสผุดของอาทิตย์สำหรับสมมุติยุคนั้น)  ก็จะได้มัธยทีฆ. ของวันประสงค์.

ตัวอย่าง 41 : หาที ฆ.ของมัธยระวิในชะตาตัวอย่าง ผลรวมของกาลกฤต  เท่ากับ 6,862.578 วัน.

จากสูตร 4

สำหรับ 6,000 วัน  (หลักพัน)                                                                          153.6159

สำหรับ    800 วัน  (หลักร้อย)                                                                           68.4821

สำหรับ     60  วัน  (เลือนจุดทศนิยม 6 วันในหลักหน่วย)                         59.1360

สำหรับ       2  วัน                                                                                                  1.9712

สำหรับ  .578  วัน  (2 หาร 1 วันในหลักหน่วย)                                                .5656   (อย่างหยาบ)


เกณฑ์มัธยสผุด      257.4568 +

มัธยระวิเมื่อเกิด    541.2276

เอา 360 ลบ           360           -

181.2276

ดังนั้นมัธยทีฆันดรของอาทิตย์ = 181°.2276


94.  มัธยทีฆันดรของดาวเคราะห์น้อย มัธทีฆันดรของพุธและศุกร์เท่ากับของอาทิตย์.

ตัวอย่าง 42 : หามัธยที ฆ.ของพุธและศุกร์ ในชะตัวอย่าง.

มัธยที ฆ.ของอาทิตย์                                           181.2276

ดังนั้นมัธที ฆ.ของพุธและศุกร์                    181.2274

96.  มัธยทีฆันดรของอังคาร จะหาผลรวมของมัธยทีฆันดรของอังคารได้โดยง่ายจากสูตร 5 ด้วยทำตามวิธีเดียวกับของอาทิตย์จำนวน 10 วัน  และเศษของวันจะหาได้โดยง่ายจากหลักหน่วยโดยเลือนจุดทศนิยมไปทางซ้ายหรือขวา  มัธยสผุดของอังคารสำหรับสมมุติยุคได้ 270°.22  เป็นเกณฑ์มัธยสผุด.

ตัวอย่าง 43 : หามัธยที ฆ. ของอังคารในชะตาตัวอย่าง.

ผลรวมกาลกฤต  6862.578 วัน

จากสูตร 5

สำหรับ 6,000 วัน  (จากหลักพัน)                                                                                   264.12

สำหรับ 800 วัน  (จากหลักร้อย)                                                                                        59.22

สำหรับ 60 วัน (จากหลักหน่วยโดยเลื่อนจุดทศนิยมไปทางขวา 1 ตำแหน่ง)          31.44

สำหรับ 2 วัน (จากหลักหน่วย)                                                                                            1.04

สำหรับ  .578  วัน  ( 2 หาร 1 วันในหลักหน่วย)                                                              .30

เกณฑ์มัธยสผุด    270.22 +

626.34

เอา 360 ลบ         360       -

266.34

ดังนั้นมัธยสผุดของอังคาร = 266°.34

97.  มัธยทีฆันดรของพฤหัสบดี มัธยสผุดของพฤหัสบดีสำหรับสมมุติยุคได้ 220°.04  เป็นเกณฑ์มัธยสผุด 3.33 + ( .0067 X ป )  เป็นเกณฑ์ชำระ  (ป = ปีเกิด – 2443)  เอาจำนวนสำหรับผลรวมของกาลกฤตจากสูตร 6 บวกกับเกณฑ์มัธยสผุดของพฤหัสบดี.

ตัวอย่าง 44 : หามัธยที ฆ. ของพฤหัสบดี  ในชะตาตัวอย่าง.

ผลรวมกาลกฤต  6862.578 วัน

สำหรับ  6,000 วัน                                                                              138.58

สำหรับ     800 วัน                                                                                66.58

สำหรับ       60 วัน                                                                                 4.99

สำหรับ         2 วัน                                                                                   .17

เกณฑ์มัธยสผุด   220.04 +

ผลรวม                430.36

เกณฑ์ชำระ 3.33 + ( .0067 X 18 )                                            = 3.45

426.91

เอา 360 ลบ                                                                                           360      -

61.91

ดังนั้นมัธยทีฆ. ของพฤหัสบดี 66°.91'

98.  มัธยที ฆ.ของเสาร์  มัธยสผุดของเสาร์สำหรับสมมุติยุคได้  236°.74  เป็นเกณฑ์มัธยสผุด 5 + ( .001 X ป ) เป็นเกณฑ์ชำระเอาจำนวนสำหรับผลรวมกาลกฤตจากสูตร 7 บวกเข้ากับเกณฑ์มัธยสผุดแล้วเอาเกณฑ์ชำระบวก  เป็นมัธยสผุดของเสาร์.

ตัวอย่าง 45 : หามัธยสผุดของเสาร์ในชะตาตัวอย่าง.

ผลรวมกาลกฤต 6862.578  วัน.

จากสูตร 8

สำหรับ  6,000 วัน                                                                              200.64

สำหรับ     800 วัน                                                                                26.75

สำหรับ       60 วัน                                                                                 2.01

สำหรับ         2 วัน                                                                                   .07

เกณฑ์มัธยสผุด   236.74

เกณฑ์ชำระ 5 + ( .001 X 18) =                                                          5.02 +

471.23

เอา 360 ลบ       360       -

111.23

ดังนั้นมัธยทีฆ.ของเสาร์ 111.23

99.  มัธยมทีฆันดรของดาวเคราะห์ในชะตาตัวอย่าง เว้นแต่จันทร์ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ไม่มีการพักร์  (อาทิตย์ด้วย)  ที่ต้องหาทีฆันดรของอาทิตย์ด้วยนั้นเพื่อประโยชน์ในการหาทีฆันดรของดาวเคราะห์อื่น ๆ มัธยทีฆันดรของดาวเคราะห์                 อาทิตย์                   181.2276

อังคาร                        266.34

พุธ                          181.2276

พฤหัสบดี                    66.91

ศุกร์                        181.2276

เสาร์                           111.23

100.  ศีฆรอุจจ์ ศีฆรอุจจ์เป็นจุดโคจรของดาวเคราะห์ที่ห่างจากโลกมากที่สุด  หรือเป็นผลระหว่างประจักษ์แลสัตยสผุดของดาวเคราะห์  ต้องการผลนี้เพื่อหาเจษฏาเกณฑ์.

101.  ศีฆรอุจจ์ของดาวเคราะห์ใหญ่ มัธยทีฆันดรของอาทิตย์จะเป็นศีฆรอุจจ์ของอังคาร,  พฤหัสบดี  และเสาร์.

ตัวอย่าง 46 : หาศีฆรอุจจ์ของอังคาร,  พฤหัสบดี  และเสาร์.

ในชะตาตัวอย่าง

มัธยทีฆ.ของอาทิตย์ได้                                                                       181.2276

ฉะนั้น ศีฆรอุจจ์ของอังคารได้                                                          181.2276

ของพฤหัสบดีได้                                                                 181.2276

ของเสาร์ได้                                                                           181.2276


102.  ศีฆรอุจจ์ของพุธ ศีฆรอุจจ์ของพุธสำหรับสมมุติยุคได้ 164° เป็นเกณฑ์ศฆรอุจจ์ 6.67 – ( .00133 X ป )  เป็นเกณฑ์ชำระในสูตร 8 เป็นศีฆรอุจจ์ของพุธในหลักหน่วย, สิบ, ร้อย, พัน, หมื่น  เอาจำนวนสำหรับผลรวมของกาลกฟตจากสูตร 8 บวกเข้ากับ 164 (เกณฑ์ศีฆรอุจจ์)  แล้วเอาเกณฑ์ชำระบวก  ได้เป็นศีฆรอุจจ์ของพุธ.

ตัวอย่าง 47 : หาศีฆรอุจจ์ของพุธในชะตาตัวอย่าง.

ผลรวมของกาลกฤต   6862.578  วัน

จากสูตร 8

สำหรับ  6,000 วัน                                                                                73.91

สำหรับ     800 วัน                                                                                33.85

สำหรับ       60 วัน                                                                             245.54

สำหรับ         2 วัน                                                                                 8.18

สำหรับ    .578 วัน                                                                                  2.36

เกณฑ์ศีฆรอุจจ์    164.00

เกณฑ์ชำระ 6.67 – ( .00133 X 18 )    6.65  +

534.49

เอา 360 ลบ           360         -

174.49

ฉะนั้น  ศีฆรอุจจ์ของพุธได้ 174.49

103. ศีฆรอุจจ์ของศุกร์ ศีฆรอุจจ์ของศุกร์สำหรับสมมุติยุคได้ 328°.51

เป็นเกณฑ์ศีฆรอุจจ์  5 + ( .001 + ป )  เป็นเกณฑ์ชำระในสูตร 9 เป็นศีฆรอุจจ์ของศุกร์ในหลักหน่วย, สิบ,ร้อย  พัน,  หมื่น  เอาจำนวนสำหรับผลรวมของกาลกฤตจากสูตร 9 บวกเข้ากับเกณฑ์ศีฆรอุจจ์แล้วเอาเกณฑ์ชำระลบ ได้เป็นศีฆรอุจจ์ของศุกร์

ตัวอย่าง 48 : หาศฆรอุจจ์ของศุกร์ในชะตาตัวอย่าง.

ผลรวมของกาลกฤต 6862.578  วัน.

จากสูตร 9.

สำหรับ  6,000 วัน                                                                                252.88

สำหรับ     800 วัน                                                                                201.72

สำหรับ       60 วัน                                                                                 96.13

สำหรับ         2 วัน                                                                                   3.20

สำหรับ    .578 วัน                                                                                    .92

เกณฑ์ศีฆรอุจจ์    328.51 +

883.36

เกณฑ์ชำระ 5 + ( .001 X 81)              5.01  -

878.35

เอา 60 ลบทวีคูณ                 720

158.35

ดังนั้นศีฆรอุจจ์ของศุกร์ได้   158.35

104.  ศีฆรอุจจ์ของดาวเคราะห์ในชะตาตัวอย่าง ศีฆรอุจจ์ของแต่ละดาวเคราะห์ในชะตาตัวอย่าง ดังต่อไปนี้ :

ศีฆรอุจจ์ของ         อังคาร                                    181.23

พุธ                                          174.49

พฤหัสบดี                              181.23

ศุกร์                                        158.35

เสาร์                                       181.23

105.  เจษฎาเกณฑ์ของดาวเคราะห์ เจษฎาเกณฑ์หรือเรียกว่าคีฆรเกณฑ์ หาได้ตามกฎต่อไปนี้ :


ศีฆรอุจจ์ดาวเคราะห์ -

มัธยฑีฆ. ดาวเคราะห์ + สัตยฑีฆ. ดาวเคราะห์

2

=  เจษฎาเกณฑ์

ตัวอย่าง 49 : หาเจษฎาเกณฑ์ของดาวเคราะห์ในชะตาตัวอย่าง


ดาวเคราะห์   คีฆรอุจจ์ –   มัธยทีฆ. + สัตยฑีฆ.  = เจษฎาเกณฑ์

2

= 293°.15

181.23  -

อังคาร                                                       266.34 + 229.82

2

พุธ                                                      181.23 + 180.55

2

พฤหัสบดี                                             66.91 + 83.58

2

ศุกร์                                                     181.23 + 170.07

2

เสาร์                                                     111.23 + 124.85

2

(สัตยฑีฆ. = ฑีฆันดรของดาวเคราะห์เมื่อเกิด  เมื่อเอามัธยฑีฆ.บวกกับสัตยฑีฆ. และเอา 2 หารผลบวก  แล้วเอาผลหารไปลบศีฆรอุจจ์ถ้าลบไม่ได้ให้เอา 360 บวกเข้ากับศีฆรอุจจ์ก่อนแล้วจึงผลหารไปลบผลบวกนั้น  เหลือเท่าใดเป็นเจษฎาเกณฑ์)

160.  ชำระเจษฎาเกณฑ์ ถ้าเจษฎาเกณฑ์ไม่เกิน 180 องศาให้คงไว้  แต่ถ้ามากกว่า 180 องศา ให้เอาเจษฎาเกณฑ์นั้นไปลบ 360 องศา  ผลลบเป็นเจษฎาเกณฑ์โศธนะ  (เจษฎาเกณฑ์ชำระแล้ว)

ตัวอย่าง 50 : หาเจษฎาเกณฑ์โศธะของดาวเคราะห์  ในชะตาตัวอย่าง.

ดาวเคราะห์           เจษฎาเกณฑ์            360 – เจษฎาเกณฑ์ (ถ้าเจษฎา –              เจษฎาเกณฑ์โศธนะ

เกณฑ์มากกว่า 180)

อังคาร                            293.15                           360 – 293.15            =                                 66°.85

พุธ                                 353.60                           360 – 353.60            =                                   6°.40

พฤหัสบดี                      105.99                            - - - - - - - - -            =                                105°.99

ศุกร์                               342.70                           360 – 342.70            =                                  17°.30

เสาร์                                63.19                            - - - - - - - - -            =                                  63°.19

107.  เจษฎาพละ เจษฎาพละเป็น 0 เมื่อเจษฎาเกณฑ์เป็น 0 ถ้าเจษฎาเกณฑ์เป็น 180 ได้เจษฎาพละ 60 ษัษติอางศ  ถ้าอยู่ในระหว่างนั้นหาพละได้ตามกฎนี้ :

= เจษฎะพละ

เจษฎาเกณฑ์โศนธะ

3

ตัวอย่าง 51 : หาเจษฎาพละของดาวเคราะห์ในชะตาตัวอย่าง.

ดาวเคราะห์                                    เจษฎาเกณฑ์โศธนะ ÷ 3                                    เจษฎาพละ

อังคาร                                                           66.85  ÷  3 =                                                22.28

พุธ                                                                  6.40  ÷  3 =                                                  2.13

พฤหัสบดี                                                   105.99  ÷  3 =                                                35.33

ศุกร์                                                              17.30  ÷  3 =                                                  5.76

เสาร์                                                             63.19  ÷  3 =                                                21.06


(เอาเศษทศนิยมไว้เพียง 2 ตำแหน่งเท่านั้น)