ติดต่อสอบถาม กรุณาแอด Line @astroneemo

  • Slider 1
  • Slider 2
  • Slider 3
  • Slider 4
  • Slider 5
  • Slider 6
  • Slider 7
  • Slider 8

Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

สถานที่สอบจอหงวน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

การสอบไล่ของจีนในสมัยโบราณ

๑.  สอบชั้นอำเภอได้  เรียก  ซิ่วฉ่าย  เทียบเท่าชั้นปริญญาตรี
๒.  สอบชั้นมณฑลได้ เรียก จูเหยิน เทียบเท่าชั้นปริญญาโท
๓.  สอบชั้นนครหลวงได้ เรียก จิ้นซื่อ  เทียบเท่าชั้นปริญญาเอก หรีอเรียกโก้ ๆ ว่าดอกเตอร์

๔.  สอบในพระราชวังได้ เรียก ฮันหลิน ซึ่งสูงกว่าการสอบชั้นดอกเตอร์ การสอบชั้นฮันหลินนี้กล่าวกันว่า ๓ ปี จึงจะมีสักครั้งหนึ่ง และมีผู้เข้าสอบครั้งละประมาณ ๓๖๐ คน ใครได้ที่ ๑ ผู้นั้นย่อมได้ตำแหน่ง “จอหงวน” (จอ แปลว่า ลักษณะสุภาพ, หงวน แปลว่า ที่หนึ่ง) ตำแหน่งนี้ถ้าเปรียบกับปัจจุบัน ก็คือยอดดอกเตอร์ในบรรดาดอกเตอร์ทีเดียว จะเห็นได้ว่าจอหงวนนั้นกว่าจะได้ยากแสนยาก และ ๓ ปีจึงจะหาได้สักคนหนึ่ง ผู้ได้จอหงวนจึงนับว่ามีความสามารถทางปัญญาอย่างดีที่สุด พูดอย่างไทยว่า  กว่าจะได้จอหงวนก็จวนหงอทีเดียว

ข้อมูลนี้ เจือ สตะเวทิน เล่าไว้ในหนังสือ  “เข้าใจจีน"แต่มีข้อมูลบางอย่างต่างกับที่ ล. เสถียรสุต เล่าไว้ในหนังสือ “ประวัติวัฒนธรรมจีน” โดยเฉพาะชื่อผู้ที่สอบได้ในลำดับต่าง ๆ  เข้าใจว่าเป็นเรื่องการออกเสียงซึ่งไม่เหมือนกัน "ซองคำถาม”  ขอคัดมาลงเปรียบเทียบกัน และเพื่อเพิ่มเติมเกร็ดบางอย่าง ล. เสถียรสุต เล่าเรื่องจอหงวนว่า

สมัยราชวงศ์เช็ง (ชิง) พ.ศ. ๒๑๘๗-๒๔๕๔ การสอบบรรจุข้าราชการมีขึ้นที่จังหวัดทุกปี ผู้สอบได้เรียกว่า ซิวไจ๊ (ผู้มีเชาวน์ดี)  สอบที่มณฑลทุก ๓ ปี  ผู้สอบได้เรียกว่า กือหยิน (ยกให้เป็นคน)  สอบที่นครหลวงทุก ๕ ปี ผู้สอบได้อันดับที่ ๑ เรียกว่า ฮั่งลิ้ม (บัณฑิต) อันดับที่ ๒ เรียกว่า จิ่นสือ (เลื่อนเป็นนักศึกษา)พวกที่สอบได้อันดับที่ ๑  มีสิทธิเข้าสอบหน้าพระที่นั่ง ถ้าสอบได้ที่ ๑ ก็เรียกว่า จอหงวน (ที่ ๑ ของประเทศ)

ซิวไจ๊และกือหยินเป็นวิทยฐานะซึ่งทางการรับรองเท่านั้น  จิ่นสือจะได้สำรองตำแหน่งนายอำเภอ เมื่อมีตำแหน่งว่างก็จะได้เข้ารับราชการ ฮั่งลิ้มได้เข้าประจำราชบัณฑิตยสภาและจะได้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดต่อไป จอหงวนจะได้เข้ารับราชการราชบัณฑิตยสภาหรือตามกระทรวง และจะได้เป็นข้าหลวงตรวจการภาค  จอหงวนเป็นวิทยฐานะที่มีเกียรติสูงและมีสิทธิหลายอย่างที่บุคคลอื่นไม่อาจ จะมี เช่นอาจได้เป็นอัครมหาเสนาบดีเป็นต้น ซิวไจ๊ที่สอบต่อไปไม่ไหว ส่วนมากตั้งโรงเรียนสอนหนังสือ เป็น “ผู้ใหญ่” ประจำตำบล คอยไกล่เกลี่ยคดีและติดต่อราชการ กือหยนที่สอบต่อไปไม่ได้ ส่วนมากเป็นทนายหรือเลขานุการของข้าหลวงมณฑล จิ่นสือที่รอบรรจุนายอำเภอ ส่วนมากไปสอนหนังสือตามบ้านขุนนางไปกระทั่งตายเพราะสมัครสอบอีกไม่ได้ การปกครองชนบทที่ห่างไกลตัวเมือง ส่วนมากอาศัยซิวไจ๊ปกครองแทน ซิวไจ๊จึงมีรายได้ดีมาก

ระเบียบการสอบบรรจุข้าราชการของจีนซึ่งเริ่มแต่ราชวงศ์ถังกระทั่งราชวงศ์ เช็ง  ย่อมเป็นประโยชน์แก่การปกครองไม่น้อยเพราะได้นายอำเภอที่มีระดับความรู้ เดียวกัน ได้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่เข้าใจนโยบายส่วนกลางดี เพราะต้องอยู่ในราชบัณฑิตยสภาหลายปี และกระตุ้นให้การศึกษาเจริญขึ้น แต่ต่อมาได้ตั้งข้อกีดกันต่าง ๆ และขาดความยุติธรรม ยิ่งมาสมัยราชวงศ์เหม็งกำหนดแบบเรียงความไว้ตายตัว ซึ่งยากที่จะเรียนและยากที่จะสอบ และไม่เป็นประโยชน์แก่การอาชีพหรือการรับราชการ เป็นการสิ้นเปลืองสติปัญญาของนักศึกษาและขัดขวางความเจริญของวรรณกรรมไม่ น้อย  การสอบนี้ ต่อมาได้ยุบเลิกเมื่อมีการตั้งโรงเรียนแบบตะวันตก

“ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี”


การสอบจอหงวน  ก็คือระบบการสอบคัดเลือกผู้มีความรู้ความสามารถเพื่อเข้ารับราชการ   มีคำเรียกอย่างเป็นทางการในภาษาจีนกลางว่า เคอจวี่ keju หรือ The Imperial examinations

ผู้สอบจอหงวน จะมีคำเรียกตามลำดับชั้นจากชั้นแรกถึงชั้นสูงสุดดังนี้

1. เซิงเหยวียน (หรือ เซิงหยวน) Shengyuan หรือ ซิ่วไฉ่ Xiucai  คือผู้สอบผ่านระดับอำเภอ  ซึ่งจะมีการจัดสอบปีละครั้ง
ผู้ที่สอบได้เป็นที่ 1 ในระดับอำเภอ เรียกว่า อั้นโส่ว Anshou

2. จวี่เหริน Juren  คือผู้สอบผ่านระดับมณฑลหรือจังหวัด  ซึ่ง 3 ปีจึงจะมีการจัดสอบหนึ่งครั้ง
ผู้ที่สอบได้เป็นที่ 1 ในระดับมณฑลหรือจังหวัด เรียกว่า เจี่ยเหยวียน (หรือ เจี่ยหยวน) Jieyuan

3. ก้งซื่อ  Gongshi  คือผู้สอบผ่านระดับประเทศ  ซึ่งจะมีสิทธิ์เข้าสอบระดับสูงสุดคือ  ระดับราชวังแห่งนครหลวง
4.จิ้นซื่อ Jinshi   คือผู้สอบผ่านระดับราชวังแห่งนครหลวง   ซึ่ง 3 ปีจึงจะมีการจัดสอบหนึ่งครั้ง    

ผู้ที่สอบได้เป็นที่ 1 ในระดับราชวังแห่งนครหลวง  เรียกว่า จ้วงเหยวียน Zhuangyuan
ผู้ที่สอบได้เป็นที่ 2 ในระดับราชวังแห่งนครหลวง  เรียกว่า ปั่งเหยียน Bangyan
ผู้ที่สอบได้เป็นที่ 3 ในระดับราชวังแห่งนครหลวง  เรียกว่า ทั่นฮวา Tanhua


ใน บางสมัย  ถึงค.ศ. 1370  การสอบจอหงวนกินเวลาตั้งแต่ 24-72 ชั่วโมง   ผู้สอบจอหงวนแต่ละคนจะถูกจัดให้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เพื่อให้กินอยู่หลับนอนในช่วงเวลาที่สอบนั้นได้

การสอบจอหงวนถูก ละทิ้งไปในสมัยราชวงศ์หยวน Yuan Dynasty  และได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง Ming and Qing dynasties
ในยุคไท่ผิง Taiping regime  ได้เปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีสิทธิ์เข้าสอบจอหงวนเป็นครั้งแรก  แต่ถูกยกเลิกไปในเวลาต่อมา
หลัง จากเกิดกบฏนักมวย Boxer Uprising   ได้เกิดการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงหลายขนาน     วันที่ 2 กันยายน ค.ศ.1905 ได้มีการออกประกาศว่าการสอบจอหงวนในทุกระดับจะถูกยกเลิกทั้งหมดในปีถัดไป  ถือเป็นการสิ้นสุดระบบการสอบจอหงวน

การสอบจอหงวน  ถือเป็นต้นแบบที่หลายชาติในเอเชียได้รับอิทธิพลนำไปประยุกต์ใช้ เช่น ราชวงศ์โคเรียว Goryeo Dynasty และราชวงศ์โชซอน Joseon Dynasty ของเกาหลีในอดีต , ราชวงศ์หลี Ly Dynasty ในรัชสมัย Emperor Nhan Tong (1075)  จนถึงราชวงศ์งูเยน Nguyen Dynasty  ในรัชสมัย Emperor Khai Dinh (1919)  ของเวียดนามในอดีต   รวมถึงญี่ปุ่นในสมัยเฮอัน Heian period