ติดต่อสอบถาม กรุณาแอด Line @astroneemo

  • Slider 1
  • Slider 2
  • Slider 3
  • Slider 4
  • Slider 5
  • Slider 6
  • Slider 7
  • Slider 8

Website แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่ให้บริการฤกษ์ยามชั้นสูงของโหราศาสตร์ภารตะจากคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และได้ผลตอบรับดีสูงสุดเป็นปีที่ 15 แล้ว WebSite ของเราให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในระดับสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจากยุโรป "SiteGuarding" บริการดูฮวงจุ้ย แก้ฮวงจุ้ย เสริมฮวงจุ้ย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี***

สารบัญ

บทที่สี่

สั่งสมกุศล

 

คัมภีร์ :  เป็นธรรมให้เดินหน้า ไม่ใช่ธรรมให้ถอย


อธิบาย : จะทำเรื่องสักอย่างหนึ่ง ต้องคิดแล้วคิดอีกก่อนจะลงมือทำว่าเรื่องที่จะทำมีหลักธรรมหรือไม่ ถ้าถูกหลักธรรมก่อนเดินหน้าทำต่อไป  ถ้าไม่ถูกหลักธรรมก็ ให้ถอยเลิกทำเสีย

ข้อความตอนนี้คือ เริ่มจากคำนี้จนถึง ทำความดีสามร้อยกุศลเป็นหลักการสำคัญที่ท่านไท่ซั่งเหลาจวิน ให้กระทำความดีเพื่อสั่งสมบุญกุศล เป็นการสอนให้คนน้อมนำไปปฏิบัติ  ถ้าปฏิบัติได้ก็เป็นการกวักบุญวาสนามาเป็นผลตอบสนอง ธรรมก็เหมือนถนนใหญ่ เป็นไปตามหลักธรรมฟ้า เข้ากับใจคน ต้องเป็นทางเรียบและตรงจึงเป็นทางธรรม หากเป็นการฝืนหลักธรรมฟ้า  ขัดใจคน  ทิ่มแทงติดขัดนั่นไม่ใช่ธรรม

ในคัมภีร์ตั้งแต่คำว่า “ไม่ใช่เดินทางชั่ว.....จนถึง...ให้เขาไม่นึกเสียใจ”  ล้วนเป็นทางธรรมทั้งสิ้น และก็เป็นการสร้างกุศลซึ่งเป็นบทที่สี่ทั้งบท  และตั้งแต่ “หากทำสิ่งไม่ถูกต้อง..จนถึง.ฆ่าเฒ่าฆ่างูไร้เหตุ ซึ่งเป็นทางชั่วบาป จัดเอาไว้ในบทที่หกคือชั่วบาป

เป็นธรรมให้เดินหน้า ไม่ใช่ธรรมให้ถอย คำ “ให้” นี้แสดงถึงความหนักแน่นมีกำลัง เพราะว่าความผิดความถูกอยู่ที่ความคิดที่รู้จักแยกแยะ จะเดินหน้าหรือถอยก็ให้ตัดสินทันที จึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ต้องตัดสินใจให้แน่วแน่ลงไปเลย ห้ามมีใจที่ลังเลไม่แน่ใจเพียงแค่ความคิดที่เปลี่ยนเท่านั้นก็จะตกอยู่ในกำมือมาร จึงจำเป็นต้องตรวจตราอยู่เสมอ ทุกเรื่องต้องระมัดระวัง สมมุติคนในบ้านไม่เห็นตามความคิดของตนเอง จะเกิดความกังวลไหม จะมีชีวิตที่สุขสบายหรือไม่ เกิดความโลภหรือไม่ ถ้ารายได้เข้าบ้านไม่มาก รู้จักหาวิธีไปหาเงินหรือไม่ ถ้าเพื่อนที่ปฏิบัติธรรมอยู่ด้วยกันจากไป เราจะเกิดเบื่อหน่ายท้อถอยหรือไม่ เหล่านี้เป็นต้น ล้วนทำให้สูญเสียธรรมทางใจไปแล้วก็เข้าสู่ทางไม่ใช่ธรรม เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรปล่อยปละดูแคลน

คำว่า “ธรรม” ในคัมภีร์ทางสายกลาง (จงหยง) ของท่านขงจื่อที่กล่าวไว้ว่า “โองการฟ้าคือจิต คล้อยตามจิตเรียกว่าธรรม” “ธรรม” นี้ก็อยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการพูด หรือนิ่งเฉย หรือเคลื่อนไหว หรือเงียบ ล้วนเป็นธรรมทั้งสิ้น เพียงต้องเข้าใจถึงหลักธรรมของมันให้ถูกต้อง พอนำไปปฏิบัติก็มีความก้าวหน้าชาญชัยคุณธรรมโบราณก็กล่าวไว้ “มหาธรรมอยู่ตรงหน้า มองไปเห็นยาก อยากเห็นองค์แท้ของมหาธรรม ไม่ห่างจากรูปเสียงวาจา” ในคัมภีร์เต๋า (เต้าเต๋อจิง) กล่าวว่า “คนในระดับสูงได้ฟังเต๋า ก็มานะปฏิบัติตาม (บทที่ 41)” คัมภีร์มองภายใน (เน้ยกวงจิง) กล่าวว่า “รู้ธรรมง่ายเชื่อธรรมยาก เชื่อธรรมง่าย ปฏิบัติธรรมยาก” อวตสกสูตร (ฮั่วเอวียนจิง) กล่าวว่า “ศรัทธาเพื่อธรรม คือ แม่บุญ เจริญเลี้ยงรากกุศลทั้งปวง ขจัดตัดสงสัย หลุดพ้นตะข่ายนทีรัก แนะนำนิพพานธรรมสูงสุด” เพราะว่าองค์ธรรมของทุกๆ คน บริบูรณ์พออยู่แล้วถึงแม้จะจมปรักอยู่ในกามคุณนานาชนิด ถ้าหากยอมเอาใจย้อนแสงส่องตน เช่นนั้นแล้วภายในจะเป็นจริงหรือปลอม จะปกปิดสักนิดก็ไม่อยู่ นี่แหละที่เรียกว่า “หลักธรรมฟ้าองค์ธรรมไม่หยุด” ถ้าหากสามารถขยายทำให้มันเต็มเปี่ยม ถึงแม้จะผ่านไปเป็นหมื่นกัป หรือเกิดสักพันครั้ง มันก็จะไม่ร่วงตกอีก เพราะฉะนั้น หากมนุษย์สามารถรู้จักปฏิบัติเข้าเป็นหนึ่งได้ ก็จะหลุดพ้นปุถุชนสู่อริยชน  ก็คงไม่ยากใช่ไหม ! นี่เป็นสัจจริงนะ !

นิทาน ๑ :  สมัยก่อนมีชาวนาคนหนึ่ง ถูกเสือกัดเอาจนบาดเจ็บสาหัสพอมีคนพูดถึงเสือกัดคน ทุกคนฟังแล้วก็พากันหวาดกลัว แต่ชาวนาคนนี้ถึงกับมีสีหน้าถอดสี  ซึ่งไม่เหมือนกับคนทั่วไป การที่เสือกัดคนทุกคนก็พอที่จะข้าใจถึงอันตรายของมัน  แต่สำหรับคนที่เคยผ่านประสบการณ์มาจะเข้าใจลึกซึ้งกว่า  ดังนั้นเมื่อมีผู้พูดถึงเสือกัดคนคนทั่วไปก็พากันหวาดกลัวเท่านั้น  แต่สำหรับชาวนาผู้นี้แล้ว เขาจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการกัดของเสือเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นหน้าตาก็จะถอดสีเมื่อได้ยินคนพูดถึงเสือ


นิทาน ๒ : ในสมัยฮั่น มีมหาบัณฑิตนามว่า กวนหนิง และฮั่วอินทั้งสองทำไร่อยู่ด้วยกัน  กวนหนิงขุดดินพบก้อนทองอยู่หลายครั้งเขาก็ไม่สนใจแม้จะมองดูแต่ฮั่วอินเก็บมันขึ้นจากดินแล้วโยนออกไปข้างทาง  ต่อมาเกิดสงคราม กวนหนิงจึงย้ายหนีสงครามไปอยู่ที่เหลียวตงท่านกงซุนตู้แห่งเหลียวตง  ให้ความนับถือต่อกวนหนิงมาก กวนหนิงก็คงวางตนเฉย  ท่านกวนหนิงอาศัยอยู่ที่บนเขา  และก็มีหลายคนติดตามขึ้นไปอยู่บนเขาด้วย  มีอยู่ครั้งหนึ่ง วัวของคนใกล้เคียงเข้าไปย่ำเหยียบนาของกวนหนิงเสียหาย กวนหนิงจึงจูงวัวออกไปเลี้ยงตามทุ่งหญ้า ทางเจ้าของวัวรู้เข้ารู้สึกขายหน้า ก็มาขอโทษกวนหนิง บริเวณที่กวนหนิงอาศัยอยู่ชักจะมีผู้คนพากันมาอยู่มากขึ้น  กวนหนิงจึงเปิดการอบรม อบรมให้คนแถวนั้นรู้จักจริยธรรม รู้จักรักษาตนให้ซื่อสัตย์สุจริต และมีความละอาย หากผู้ที่มาขอพบไม่ได้มาเพื่อเข้าอบรม เขาก็จะไม่ให้พบหน้า จากการอบรมของกวนหนิง ไม่นานนักก็แพร่กระจายไปทั่วเหลียวตง  ชาวบ้านที่ได้รับการอบรมก็มีคุณธรรมสูง  จนมีอิทธิพลเปลี่ยนแปลงนิสัยอันไม่ดีของชาวบ้านได้  แต่ละครั้งที่กวนหนิงได้พบหน้ากับกงซุนตู้ก็จะพูดคุยกันแต่เรื่องคุณธรรม เรื่องของทางโลกเขาจะไม่พูดถึงกันเลย  กงซุนตู้เห็นความเป็นนักปราชญ์ของกวนหนิงเป็นเวลายาวนานถึง 37 ปี ต่อมากิตติศัพท์ได้ยินไปถึงราชสำนักทางราชสำนักจึงมีราชโองการให้กลับมาที่เมืองหลวง  โดยทางเรือเดินสมุทร พอดีเกิดลมพายุ เรือใกล้จะจมลง ชาวเรือต่างร้องขอให้ฟ้าช่วย ส่วนกวนหนิงก็ได้แต่นั่งนิ่งเฉยกล่าวว่า “ข้ากวนหนิงตลอดชีวิตเคยทำผิดครั้งหนึ่งคือไม่ได้สวมหมวกในตอนเช้า เข้านอนดึกมี 3 ครั้ง ครั้งหนึ่งเข้าห้องส้วมไม่ได้สวมหมวกในตอนเช้า เข้านอนดึกมี 3 ครั้งครั้งหนึ่งเข้าห้องส้วมไม่ได้สวมหมวก ที่ทำผิดมาตลอดก็มีเพียงเท่านี้ ! (คงเป็นกฎระเบียบของลัทธิขงจื่อ)  เรือลำอื่นๆ ที่แล่นมาด้วยกันล่มจมหมด มีแต่เรือของกวนหนิงที่นั่งมาเพียงลำเดียวที่ไม่จม เมื่อมาถึงราชสำนัก ทางราชสำนัก จะแต่งตั้งให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ เขาไม่ยอมรับแม้แต่ท่านฮั่วอิน จะยกตำแหน่งของตนให้ เขาก็ปฏิเสธไม่ยอมรับ

กวนหนิงมีชีวิตถึง 84 ปี ม้านั่งไม้กับบริเวณที่คุกเข่าล้วนทะลุเป็นรูแล้ว  เพราะกวนหนิงไม่ได้ใช้นานถึง 50 ปีเลยทีเดียว  ญาติหรือเพื่อนบ้านที่ยากจนไม่มีข้าว  กวนหนิงก็จะแบ่งปันให้เพื่อจุนเจือพวกเขาถ้ากวนหนิงได้พบลูกหลานของชาวบ้าน ก็จะพูดหลักกตัญญูแก่พวกเขา ถ้าพบคนที่เป็นน้องเขา ก็จะพูดหลักของความรักในสายเลือด หากพบกับผู้ทำราชการก็พูดถึงเรื่องจงรักภักดีให้ฟัง  หน้าตาของกวนหนิงไม่เพียงน่านับถือ แม้แต่วาจาก็นิ่มนวล  ถ้าหากสามารถชักจูงคนมุ่งสู่ความดี  ก็จะสามารถกล่อมเกลาคนได้มากทีเดียวนะ